พระสวยเดิมครับ หายากครับ พิมพ์ใหญ่ ปลอดหน้าม้าเหมือนเดิมครับ
พระเก่าน่าสะสมครับ ปลอดหน้าม้าเหมือนเดิมครับ
รุ่นแรกหลวงพ่อครับสวยครับ ปลอดหน้าม้าเหมือนเดิมครับ
เหรียญนี้หาค่อนข้างยากครับ ปลอดหน้าม้าเหมือนเดิมครับ
วัดใจ ! เหรียญนั่งพาน " หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ " อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ปี 2537 สวยมาก ๆ " หลวง ปู่หยอด ชินวังโส" หรือ "พระครูสุนทรธรรมกิจ" อดีตเจ้าอาวาสวัดแก้วเจริญ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม มีนามเดิมว่า สุนทร ชุติมาศ ถือกำเนิดเมื่อวันอังคารที่ 16 พฤษภาคม 2454 ณ บริเวณตลาดบางน้อย จ.ราชบุรี เมื่ออายุได้ 18 ปีได้ฝากตัวเข้าบรรพชากับพระครูเปลี่ยน สุวัณณโชโต เจ้าอาวาสวัดแก้วเจริญ จนเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2474 โดยมีพระครูสุทธิสาร (หลวงปู่ใจ) เจ้าอาวาสวัดเสด็จ เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้ศึกษาธรรมพร้อมทั้งได้รับถ่ายทอดวิชาอาคมจากหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ จนหมดสิ้น วัตถุมงคลของหลวงปู่หยอดที่ได้รับความนิยมสูง คือ ไหมเบญจรงค์ 5 สี ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ วัตถุมงคลที่หลวงพ่อหยอดสร้าง มีอานุภาพทางเมตตาและแคล้วคลาดจากภยันตราย เปี่ยมด้วยพุทธคุณอันเข้มขลัง เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว บรรดาศิษย์และผู้มีความเลื่อมใสต่างเสาะแสวงหามาพกติดตัวไว้คุ้มภัย ด้วยประสบการณ์และอภินิหารย์ที่เกิดแก่ผู้ใช้ จึงจัดเป็นของดีที่น่าเก็บสะสมเป็นอย่างยิ่ง หลวงปู่หยอดละสังขารไปนานหลายปี คงเหลือไว้เพียงสังขารที่ไม่เน่าเปื่อย ให้ได้กราบไหว้ ณ กุฏิวัดแก้วเจริญ เหรียญสวยแท้ ตอกโค๊ต ราคาวัดใจ !
จัดสร้างในปี 2539 น่าสะสมเป็นอย่างมาก เท่าที่เจอมีแต่เนื้อทองเหลือง องค์นี้เนื้อทองแดง ในเวปแทบไม่มีลง น้อยมากครับ
ประวัติหลวงพ่อคง สุวัณโณ (พระครูอาคมวิสุทธิ์) นามเดิมของหลวงพ่อคือ คง ฑีฆายุ โยมบิดาชื่อ ส้อง โยมมารดาชื่อ โอง ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๔๕ ตรงกับวันเสาร์ ปีขาล ณ บ้านตาพราย ต.สะตอ อ.เขาสมิง จ.ตราด อุปสมบทครั้งแรก พ.ศ.๒๔๖๖ อายุได้ ๒๑ ปี อุปสมบทครั้งที่ ๒ เมื่อวันอังคารที่ ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๗๗ ขณะอายุได้ ๓๒ ปี ณ วัดชมพูราย จ.ตราด โดยมี พระอธิการผูก วัดสลัก เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า "สุวณฺโณ" ท่าน ได้ศึกษาธรรมะและวิชาคาถาอาคมขลัง อักขระเลขยันต์จากโยมตาชื่อ หลวงคีรีเขตุ ซึ่งเป็นผู้มีวิชาทางคงกระพันเป็นเลิศ ตลอดจนพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงอีกหลายท่าน อาทิ หลวงพ่อเม วัดมาบไผ่ ต.มาบไพ อ.ขลุง จ.จันทบุรี (หลวงพ่อเม ท่านมีวิชาขนาดเหาะเหินเดินอากาศได้ครับ), หลวงพ่ออ่ำ วัดสะตอน้อย ต.ตกพรม อ.ขลุง จ.จันทบุรี ,หลวงพ่ออุก หลวงพ่อเจาะ วัดโป่งโรงเซ็น ต.โป่งโรงเซ็น อ.มะขาม จ.จันทบุรี ,หลวงปู่วง (ปู่ของท่าน) ,หลวงพ่อหริ่ง ,ครูเต๋า ,และครูตาสด ฯลฯ หลวงพ่อคงได้ออกเดินธุดงค์ไปทั่วประเทศ ตลอดจนข้ามไปทางฝั่งประเทศพม่า กัมพูชา เพื่อฝึกฝนวิชาที่ท่านได้ร่ำเรียนมา โดยเฉพาะวิชา เสือสมิง ท่านมีความเชี่ยวชาญชำนาญเป็นพิเศษ ดังจะเห็นได้ว่า วัตถุมงคลของท่านแทบทุกรุ่น จะต้องมีรูปเสือสมิง ปรากฏอยู่ด้วย หลังจากที่ได้เดินธุดงค์จนเป็นที่พอใจแล้ว ท่านได้กลับมาอยู่ที่วัดวังสรรพรส และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดวังสรรพรสตั้งแต่พ.ศ.๒๔๙๒ เป็นต้นมา หลวงพ่อคง นับเป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าท่านหนึ่งที่มักจะได้รับนิมนต์ให้ไปร่วม นั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลในพิธีพุทธาภิเษกตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศตลอดเวลา ไม่ว่าจะวัดใกล้วัดไกลแค่ไหนก็ตาม นอกจากนี้ในส่วนตัวของท่านเองก็ได้สร้างวัตถุมงคลออกมาหลายรุ่น เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของวัตถุมงคลของท่านคือ จะมีรูปเสือสมิงอยู่ด้านหลัง หรือไม่ก็เป็น รูปพระปิดตา ซึ่งเป็นฝีมือการเขียนโดยตัวท่านเอง วัตถุมงคลของหลวงพ่อคงทุกรุ่นล้วนมีพุทธคุณเป็นเลิศในทุกๆ ด้าน เป็นที่เลื่องลือกันอย่างกว้างไกล นอกจากนี้ท่านยังมีความเชี่ยวชาญด้านรักษาโรคด้วยสมุนไพรอีกด้วย จนเป็นที่พึ่งพาอาศัยของชาวบ้านตลอดมา การสร้างวัตถุมงคล หลวงพ่อคง สุวัณโณ อดีตเจ้าอาวาส วัดวังสรรพรส นับว่าท่านเป็นพระเกจิคณาจารย์รูปหนึ่ง เราจะสังเกตุเห็นเด่นชัดว่างานมหาพุทธาภิเษกวัตถุมงคลทุกครั้งไม่ว่าภาคไหน ก็จะมีรายชื่อของท่านติดอยู่ในทำเนียบงานนั้นด้วยท่านผู้อ่านคงจำได้เมื่อ คราวปลุกเสกครั้งยิ่งใหญ่ที่ท้องสนามหลวงเมื่อปีพ.ศ. 2500 หลวงพ่อคงท่านก็มาในพิธีครั้งนั้นด้วย หลวงพ่อคงเริ่มเป็นที่รู้จักของประชาชนทั้งไกลและใกล้เมื่อสงครามโลกครั้ง ที่2 ท่านได้เริ่มทำธง เสื้อยันต์ ตะกรุด และปลัดแจกเรื่อยมา นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 อันเป็นปีกึ่งพุทธกาล เพื่อสมนาคุณแก่ผู้ที่มีส่วนร่วมสร้างพระอุโบสถ ดังนั้นในปีนั้นท่านจึงได้จัดทำเหรียญรูปเหมือนของท่านเป็นครั้งแรก ท่านได้นำเหรียญของท่านมาเข้าพิธีที่ท้องสนามหลวงด้วย ภายหลังท่านก็นำเหรียญของท่านปลุกเสกในวาระอื่นๆด้วย เช่นงานทอดกฐิน งานทอดผ้าป่า และงานวันเกิดของหลวงพ่อ จำนวนสร้างทั้งหมด 15,000 เหรียญ ผิวเหรียญสีขาวเนื้ออัลปาก้าทั้งหมด เหรียญรุ่นนี้เคยมีอภินิหารเป็นที่เลื่องลือกันมาก วัตถุมงคลหลวงพ่อมีประสบการณ์มากมาย โดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม ค้าขายดี แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังกล่าวถึงตลอด หลวงพ่อคงมีจริยาวัตรงดงามมาก บุคคลต่างๆรวมทั้งลูกศิษย์ลูกหาจากทั่วประเทศเดินทางมากราบไหว้ท่าน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หลวงพ่อคงใจดี มีเมตตา ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนมาโดยตลอด ไม่ลำเอียง ใครเจ็บป่วยมาหาท่าน ท่านจะเมตตาช่วยเหลือตลอดทุกคนเสมอไป หลวงพ่อคงมีแต่ให้กับให้ ใครมาขออะไรก็ให้ทั้งนั้น แม้กระทั่งเงินและวัตถุมงคล ตลอดระยะเวลาในการอุปสมบทของท่าน ท่านได้ปฏิบัติตามกฏของสงฆ์อย่างเคร่งครัดมีการครองผ้าสวดมนต์ ทำวัตรเช้า เย็น ตลอดมามิได้ขาด จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูอาคมวิสุทธิ์ ซึ่งแปลว่า พระผู้ซึ่งมีอาคมขลังเป็นที่สุด หลวงพ่อคงได้อนุญาตให้ลูกศิษย์ สร้างวัตถุมงคลทั้งที่เป็นประเภท เหรียญ รูปหล่อ และพระเนื้อผง มากมายหลายสิบรุ่น ส่วนวัตถุมงคลประเภทเครื่องราง อาทิ ผ้ายันต์ ตะกรุด รวมทั้งปลัดขิก และเขี้ยวเสือต่างๆ หลวงพ่อคงได้สร้างเองก็มีหลายแบบ ล้วนแล้วต่างมีประสบการณ์มากมายและส่วนมากวัตถุมงคลของท่านจะทำการปลุกเสก เดี่ยวจนครบไตรมาส จึงจะเอามาออกแจกใครได้รับต่างก็หวงแหน ปลายชีวิตหลวงพ่อคง ในช่วงท้ายของชีวิตหลวงพ่อคงได้อาพาธเป็นไข้หวัดใหญ่ และปอดบวม มีโรคแทรกซ้อน เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2532 ลูกศิษย์ได้ส่งหลวงพ่อคงไปรักษาที่ รพ.ตากสิน จันทบุรี จนพอทุเลา ท่านก็ขอกลับมาที่วัดวังสรรพรส และต่อมาอีกไม่กี่วัน ท่านก็ได้จากพวกเราไปอย่างสงบ ณ วัดวังสรรพรส ในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2532 เวลา 10.15 น.รวมสิริอายุได้ 87ปี พรรษาที่ 55 ก่อนที่จะท่านมรณะภาพ หลวงพ่อคง สุวณฺโณได้ปรารถ กับศิษยานุศิษย์ว่า ให้เก็บร่างท่านไว้ มิฉนั้นต่อไปจะไม่มีคนมาวัด ยินดี ส่งออกบัตรรับรอง และ โอนเงินผ่านเว็บดีดีพระ พุทธคุณเหนือ คำบรรยาย พิธีใหญ่ครับ ไม่ผ่านการล้าง ไม่ผ่านการใช้พุทธคุณเหนือคำบรรยาย ศิษย์สายตรง ไม่ควรพลาด!! หายากๆ สร้างน้อยๆ พระดี พระสวย ไว้ใจผม พันธุ์ทิพย์ครับ โอนเร็ว ส่งไว ทันใจแน่นอนครับๆๆๆๆๆๆๆๆ ผู้ชนะการประมูลโอนเงินแล้วรบกวนฝากข้อความในกล่องข้อความหรือโทร.แจ้งก็ได้นะครับ บริหารงานโดย พันธุ์ทิพย์ ครับ ชื่อนี้ ไม่มีผิดหวัง รายการวัดใจ มีเรื่อยๆ ฝาก คลิ๊ก !! หลังชื่อด้วยนะครับ
โลกแห่งสังคมนิยม ได้แผ่ขยายอำนาจปกคลุมเข้ามายังจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้ประชาชนภายในประเทศ ต้องพบกับความเดือดร้อนจากการปกครองแบบใหม่ นายจู ซึ่งเป็นคนจีนคนหนึ่ง ที่ได้เดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศสยาม ประกอบอาชีพตั้งหลักแหล่งอยู่ปทุมธานี ครั้นแต่งงานอยู่กินกับนางเข็ม ซึ่งสถานภาพเป็นคนมอญ และทั้งสองได้ทำอาชีพ ทำนา ทำอิฐ เพื่อค้าขายเป็นหลัก ที่สุดก็ให้กำเนิดบุตร มีจำนวนถึง๗คน หนึ่งในจำนวนนั้นเป็นชาย นอกนั้นเป็นหญิงทั้งหมด บิดาและมารดาจึงตั้งชื่อบุตรชายนั้นว่า “เส็ง” นามสกุล บุญเซ็ง เกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๔ ต่อมาพี่น้องที่เป็นหญิงนั้นได้เสียชีวิตลง พ.ศ. ๒๔๖๕ ได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดบางนา โดยมีพระครูนันทมุนี วัดบางหลวง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูบวรธรรมกิจ (หลวงปู่เทียน) วัดโบสถ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการทัด เจ้าอาวาสวัดบางนา เป็นอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาในบวรพุทธศาสนาว่า “จันทรังสี” หลวงปู่เส็งท่านเป็นผู้พูดน้อยแต่ว่าพูดได้หลายภาษาเช่น ภาษาไทย ภาษามอญ ภาษาจีน ภาษาขอม และท่านได้ศึกษาธรรมวินัยจนสอบได้นักธรรมเอกในปี พ.ศ. ๒๔๘๗ หลวงปู่เส็งท่านได้เริ่มทำพระเครื่องเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เป็นพระพิมพ์สมเด็จเนื้อผง ผสมผงอิธิเจ ปถมังค์ และผงตรีนิสิงเห นอกจากนั้นแล้วยังมีตะกรุดโทนและพระผงประเภทอื่นๆอีกมากมาย ความชรานั้นเป็นทุกข์ หลวงปู่เส็งท่านได้ชรภาพลงตามวัยและได้ละสังขารมรณภาพลงในวันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๑ รวมอายุได้ ๘๗ปี ที่โรงพยาบาลคุ้มเกล้า แต่ทว่าสภาพร่างกายภายนอกนั้นยังคงสมบูรณ์เป็นปรกติ หรือที่เรียกว่าไม่เน่าไม่เปื่อย และเก็บรักษาไว้ในโลงแก้วเพื่อเป็นที่เคารพกราบไหว้แก่ศิษยานุศิษย์ ตลอดถึงประชนชนที่สัญจรผ่านมาทำบุญ ยินดี ส่งออกบัตรรับรอง และ โอนเงินผ่านเว็บดีดีพระ พุทธคุณเหนือ คำบรรยาย พิธีใหญ่ครับ ไม่ผ่านการล้าง ไม่ผ่านการใช้พุทธคุณเหนือคำบรรยาย ศิษย์สายตรง ไม่ควรพลาด!! หายากๆ สร้างน้อยๆ พระดี พระสวย ไว้ใจผม พันธุ์ทิพย์ครับ โอนเร็ว ส่งไว ทันใจแน่นอนครับๆๆๆๆๆๆๆๆ ผู้ชนะการประมูลโอนเงินแล้วรบกวนฝากข้อความในกล่องข้อความหรือโทร.แจ้งก็ได้นะครับ บริหารงานโดย พันธุ์ทิพย์ ครับ ชื่อนี้ ไม่มีผิดหวัง รายการวัดใจ มีเรื่อยๆ ฝาก คลิ๊ก !! หลังชื่อด้วยนะครับ
ข้อมูลประวัติ ครูบากองแก้ว วัดต้นยางหลวง เชียงใหม่ ครูบากองแก้ว วัดต้นยางหลวง อำเภอสารภี เชียงใหม่ พระอริยะสงฆ์รูปสำคัญของเชียงใหม่ เป็นผู้ที่บรรดาพุทธศาสนิกชนทั้งหลายให้ความเคารพเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง ท่านถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2440 ณ.บ้านร้อง ต.ป่าบง อ.สารภี เชียงใหม่ เป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 7 คน ของโยมบิดาชื่อมา โยมมารดาชื่อหล้า ครั้นพออายุได้ 14 ปี จึงเข้าบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดต้นยางหลวง ต่อมา พ.ศ.2459 ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมี เจ้ากาบแก้ว ณ.เชียงใหม่ เป็นโยมอุปัฏฐาก มีครูบาสิทธิ วัดศรีคำชมภู เป็นพระอุปัชฌาย์ พระคันธวงศ์ วัดศรีคำชมภูเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอินทรส วัดไชยสถานเป็นพระอนุสาวนาจารย์ และได้รับฉายาว่า ญาณวิชโย ครูบากองแก้วท่านเป็นผู้มีความรู้แตกฉาน ในสมัยนั้นหาที่เรียนนักธรรมตามแบบภาคกลางได้ยาก แต่ท่านก็ได้ร่ำเรียนจนสามารถสอบนักธรรมได้ ต่อมาก็ได้เป็นครูสอนนักธรรมแก่พระภิกษุสามเณรทั้งหลายจนมีพระภิกษุสามเณร สามารถสอบกนักธรรมได้หลายรูปท่านจึงเปิดโอกาสให้ภิกษุอื่นสอนแทน ประมาณปี พ.ศ.2474 ได้มีภิกษุชาวอินเดียนาม พระโลกนาท ได้เข้ามาในนครเชียงใหม่ ครูบากองแก้วได้เข้าศึกษาธรรม และแนวทางการเรียนทางวิปัสสนาธุระจากภิกษุชาวอินเดีย จนทราบซึ้งในพระธรรม จึงตั้งจิตฉันมังสวิรัติเพียงวันละมื้อ นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ครูบากองแก้วท่านถือวัตรออกธุดงทุกปี ท่านจะะุดงค์ไปทั่วภาคเหนือ บางครั้งข้ามไปเวียงจันทร์ หลวงพระบาง และบางครั้งธุดงค์ไปถึงประเทศพม่า และครั้งหนึ่งในป่าครูบากองแก้วท่านก็ได้เคยพบกับพระอาจารย์มั่น ท่ามกลางป่ามาแล้ว ครั้งที่ท่านครูบาเจ้าศรีวิไชย ได้ริเริ่มสร้างทางขึ้นสู่ดอยสุเทพ ครูบากองแก้วก็ได้ชักชวนศรัทธาชาวบ้านเข้าร่วมสร้างทางในครั้งนั้นจนถนน ประวัติศาสตร์ได้เสร็จสมบูรณ์ในที่สุด สุดท้ายแห่งชีวิตครูบากองแก้ว เป็นที่รู้จักและศรัทธาแก่่สาธุชนทั้งหลาย จึงมีผู้นิมนต์ไปในงานต่างๆ อยู่่่เสมอแม้แต่ถึงกรุงเทพ ฯ การพักผ่อนมีน้อยท่านเริ่มเจ็บป่วย อาพาธเล็กๆ น้อยๆ เนื่องจากตรากตรำงาน จนกระทั้งปี พ.ศ.2522 ท่านเกิดอาพาธหนัก แพทย์วินิจฉัยว่าท่านเป็นโรคขาดอาหาร ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง จนกระทั้งถึงวันที่ 3 กรกฎาคม 2524 ท่านก็มรณะอย่างสงบ รวมอายุได้ 84 ปี พรรษา 64 วัตถุมงคลของครูบากองแก้ว วัดต้นยางหลวง วัตถุมงคลของท่านนั้นมีมากมายหลายอย่าง อาทิ เสื้อยันต์ ชานเมี่ยงเสก ตะกรุดกาสะท้อน (นิยมมาก หายาก) พระเนื้อดินเผาสร้างปี พ.ศ.2517 พิมพ์ต่างๆ 4 พิมพ์ ได้แก่ พิมพ์รูปเหมือนสี่เหลียม พระพิมพ์รูปเหมือนสามเหลียมเล็ก พิมพ์นางกวัก พิมพ์พระสีวลี เหรียญรุ่นแรกปี 2517 (ยอดนิยม) และเหรียญจตุรพรรุ่นแรกพิมพ์นั่งพานปี 2520 (นิยม เสกไตรมาสพิธีใหญ่ มวลสารเยี่ยม) และเหรียญรุ่นต่างๆ อีกหลายรุ่นด้วยกัน วัดถุมงคลของครูบากองแก้วดีเลิศหลายด้าน เสื้อยันต์นั้นคงกระพัน ตะกรุดกาสะท้อนนั้นดีในการป้องกันสะท้อนสิ่งร้ายต่างๆ เหรียญและวัตถุมงคลอื่นๆดีทางแคล้วคลาด มีประสบการณ์มากมาย เป็นที่เสาะแสวงหาของคนทั้งหลาย
พระเดชพระคุณพระสุนทรธรรมากร (หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ) อายุ ๘๙ พรรษา ๕๙ (พ.ศ.๒๕๔๖) เจ้าอาวาสวัดธาตุมหาชัย บ้านมหาชัย ต.มหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม สถานะเดิม ชื่อ คำพันธ์ ศรีสุวงค์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๕๘ โยมบิดาชื่อ นายเคน ศรีสุวงค์ โยมมารดาชื่อ นางล้อม ศรีสุวงค์ เป็นบุตรคนโต มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกัน ๒ คน คือ ๑. พระเดชพระคุณพระสุนทรธรรมากร (คำพันธ์ ศรีสุวงค์) ๒. นายพวง ศรีสุวงค์ (ถึงแก่กรรม) และมีน้องร่วมมารดา แต่ต่างบิดากันอีก ๔ คน คือ ๑. นางสด วงษ์ผาบุตร (ถึงแก่กรรม เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๗) ๒. ด.ช.บด แสนสุภา (ถึงแก่กรรม) ๓. ด.ญ.สวย แสนสุภา (ถึงแก่กรรม) ๔. นางกดชา เสนาช่วย (ถึงแก่กรรม) การบรรพชา-อุปสมบท วันที่ ๗ กันยายน ๒๔๗๕ (อายุ ๑๗ปี) ได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดศรีบุญเรือง บ้านหนองหอย ต.นาแก อ.นาแก จ.นครพนม โดยมีพระอาจารย์เชื่อม เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากได้บรรพชาแล้วก็ได้ศึกษาอักษรธรรม และหนังสือสูตรคาม แบบโบราณ ในขณะเดียวกันก็ได้ฝึกปฏิบัติกัมมัฎฐานควบคู่ไปด้วย หลังจากบรรพชาได้ ๓ พรรษา ได้ออกเดินธุดงค์ทรงกรดไปที่จังหวัดเลย พร้อมกับพระภิกษุ ๒ รูป คือ พระภิกษุบุญ และพระภิกษุวัน ได้พบกับชีปะขาวคนหนึ่งชื่อว่าครุฑ ได้ศึกษาแนวทางการปฎิบัติจากชีปะขาวอยู่ประมาณ 3-4 เดือน ก่อนหน้าที่จะได้ฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐานนั้น เคยได้รับความรู้เรื่องกัมมัฏฐานมาจาก พระอาจารย์เสาร์ ซึ่งท่านไปอบรมประชาชนที่วัดโพนเมือง ท่านอาจารย์เสาร์ให้แนวทางในการ ปฏิบัติกรรมฐานไว้ว่า ให้กำหนดลมหายใจออก ท่านอาจารย์เสาร์ได้ให้ข้อคิดต่อ ไปอีกว่า “ร่างกายของคนเรานั้น เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง มันทำงานอยู่ตลอดเวลา ลมหายใจเข้า-ออกนั้น มีความสำคัญมาก ถ้าลมไม่ทำงานคนเราจะตายทันที ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกำหนดลมหายใจ” นอกจากนั้นท่านอาจารย์เสาร์ยังได้ย้ำอีกว่า “ให้คนเราตีกลองคือขันธ์ ๕ ให้แตก” ซึ่งก็หมาย ความว่า ท่านให้ทำความเข้าใจขันธ์ ๕ ให้จงดีให้เข้าใจตามสภาพที่เป็นจริง........ หลวงปู่ได้ศึกษาภาคทฤษฎีและภาคปฎิบัติกับหลวงปู่เสาร์ประมาณ 1 ปี หลังจากนั้นหลวงปู่คำพันธ์ ก็ได้นำเอาแนวทางการปฎิบัติของอาจารย์ทั้ง 2 มาเป็นแนวทางปฎิบัติกัมมัฎฐาน หลวงปู่ได้จำพรรษาอยู่ที่จังหวัดเลยเป็นเวลา 1 ปี หลังจากนั้นได้เดินธุดงค์ไปยังจังหวัดเชียงรายประมาณ 3-4 เดือน โยมบิดาได้เสียชีวิตลง หลวงปู่จึงได้เดินทางกลับมาทำบุญงานศพบิดา และได้เดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆในเขตจังหวัดนครพนม สกลนคร อุดรธานี หนองคายและข้ามไปฝั่งลาวประมาณ 3-4 เดือน แต่ไม่ได้จำพรรษา แต่กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าบ้านเดิมอยู่ประมาณ 3 ปี และญาติโยชาวบ้านก็นิมนต์ท่านให้เข้ามาอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านเพื่อโปรดญาติ โยมชาวบ้านบ้าง หลังจากออกพรรษาแล้ว หลวงปู่ก็ออกเดินธุดงค์ต่อ จนอายุถึง 40 ปี จึงหยุดเดินธุดงค์ แต่ก็พยายามศึกษาปฎิบัติธรรมกัมมัฎฐานมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน พ.ศ. ๒๔๗๘ อายุ ๒๐ ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ และเริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๔๘๒ อายุ ๒๔ ปี มารดาก็ถึงแก่กรรม เวลานั้นเหลือน้องผู้หญิง ๒ คน ซึ่งยังเล็กมาก จึงได้ลาสิกขาบทออกไปเลี้ยงดูน้อง พ.ศ. ๒๔๘๘ อายุ ๓๐ ปี ได้กลับเข้าอุปสมบทอีกครั้ง และได้ออกไปจำพรรษาที่วัดป่า เป็นเวลา ๓ พรรษา ต่อมาก็ได้ปฏิบัติกัมมัฏฐานพร้อมเป็นครูสอน พระปริยัติธรรมด้วยที่วัดพระพุทธบาทจอมทอง บ้านหนองหอยใหญ่ ต.นาแก อ.นาแก จ.นครพนม พ.ศ. ๒๔๙๕ ได้นำญาติโยมประมาณ ๕ ครอบครัว จากบ้านหนองหอยใหญ่ อ.นาแก มาสร้างบ้านและวัดใหม่ ที่โนนมหาชัย และให้ชื่อบ้านว่า “บ้านมหาชัย” ในปัจจุบันนี้ ได้สร้างวัดธาตุมหาชัย (เดิมชื่อวัดโฆษการาม) จนเจริญรุ่งเรืองตราบถึงปัจจุบัน การศึกษา พ.ศ. ๒๔๗๙ อายุ ๒๒ ปี สอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี สำนักเรียนคณะจังหวัดนครพนม วัดพระพุทธบาทจอมทอง บ้านหนองหอยใหญ่ อ.นาแก จ.นครพนม พ.ศ. ๒๔๘๘ อายุ ๓๐ ปี สอบไล่ได้นักธรรมชั้นโท สำนักเรียนคณะจังหวัดนครพนม วัดพระพุทธบาทจอมทอง บ้านหนองหอยใหญ่ อ.นาแก จ.นครพนม พ.ศ. ๒๔๘๙ อายุ ๓๑ ปี สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนคณะจังหวัดนครพนม วัดพระพุทธบาทจอมทอง บ้านหนองหอยใหญ่ อ.นาแก จ.นครพนม เมื่อหลวงปู่สอบได้นักธรรมเอกได้แล้ว หลวงปู่ก็ได้พยายามศึกษาพิเศษ เช่น เรียนหนังสืออักษรธรรม อักษรขอมได้เป้นอย่างดี และยังทรงพระปาฎิโมกข์ได้อย่างแม่นยำอีกด้วย งานการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๓๒ หลวงปู่ได้ตั้งสำนักเรียนวัดพระธาตุมหาชัย ทั้งแผนกธรรม-บาลีขึ้นจนสามารถมีลูกศิษย์สอบนักธรรม ได้เป็นจำนวนมากเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี และมีลูกศิษย์สามารถสอบเปรียญธรรมได้ทุกปี ปีละหลายๆ รูป ทำให้การศึกษาแผนกธรรมบาลีอำเภอปลาปากดีขึ้นตามลำดับ พ.ศ. ๒๕๓๔ หลวงปู่ได้จัดตั้งทุนมูลนิธิการศึกษาพระปริยัตธรรม แผนกธรรม-บาลีขึ้นที่วัดธาตุมหาชัย ตำบลมหาชัย อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม เพื่อส่งเสริมและมอบทุนการศึกษาให้แก่พระภิกษุ สามเณร ที่มีความรู้ความสามารถสอบนักธรรมชั้นตรี โท เอก ได้ และสามารถสอบเปรียญธรรมได้ หลวงปู่ยังให้ทุนการศึกษาแก่ลูกศิษย์ที่ไปเรียนต่ออีกด้วย งานการศึกษาสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๕๓๕ หลวงปู่ได้จัดตั้งกองทุนมูลนิธิการศึกษาให้แก่นักเรียนที่ยากจน ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ในเขตอำเภอปลาปาก และทุกอำเภอในเขต จังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 10 เดือนมกราคมของทุกๆ ปี หลวงปู่คำพันธ์จะมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนทุกอำเภอๆ ละ 9 ทุน และมอบทุนให้เป็นค่าอาหารกลางวันให้แก่โรงเรียนต่างๆ ด้วย พ.ศ. ๒๕๓๕ หลวงปู่คำพันธ์ได้สร้างโรงเรียนมัธยมขึ้นที่บ้านนกเหาะ ตำบลโคกสูง อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนมตั้งชื่อโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ว่า ธรรมโฆษิตวิทยา มีนักเรียนเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี และหลวงปู่คำพันธ์ยังได้เป็นผู้ อุปถัมภ์โรงเรียนแห่งนี้มาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๓๘ หลวงปู่คำพันธ์ได้ขออนุญาตสร้างโรงเรียนสุนทรธรรมากรและในปัจจุบันนี้ทาง ราชการได้เปลี่ยนใหม่ให้ชื่อว่า โรงเรียนมัธยมมหาชัยธรรมากร เพราะตั้งอยู่ ที่บ้านโนนศรีชมภูทางแยกเข้ามาบ้านมหาชัยหลวงปู่ก็ให้การอุปถัมภ์ในทุก วันนี้และได้จัดบรรพชา สาเณรภาคฤดูร้อนเป็นประจำ งานการเผยแพร่ พ.ศ. ๒๕๓๒ หลวงปู่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยพระธรรมฑูตฝ่ายกำกับการพระธรรมฑูตอำเภอปลาปาก พ.ศ. ๒๕๓๓ หลวงปู่ได้ร่วมมือกับคณะสงฆ์และทางราชการออกไปอบรมประชาชนตามหมู่บ้านต่างๆ ในเขตการปกครอง และร่วมกับหน่วยงานของราชการทุกหน่วยงานออกไปอบรมตามโครงการหมู่บ้านแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองของอำเภอปลาปากและยังได้ติดตาม พระธรรมฑูตจากส่วนกลางออกเยี่ยมเยียนประชาชนในเขต อำเภอปลาปากโดยสม่ำเสมอมาตลอดทุกปี