พระไพรีพินาศ พิมพ์ใหญ่ หลวงปู่เรือง อภัสสโร
หลวงปู่เรือง อาภสฺสโร
ปูชนียธรรมสถานเขาสามยอด จ.ลพบุรี
ผู้เขียนหรือแอดมินนี้เคยมีโอกาสได้รู้จักหลวงปู่เรือง
และรู้สึกเคารพรักท่านจากใจจริง
เรื่องราวของหลวงปู่เรืองที่จะเล่าสู่กันฟังต่อไปนี้
เป็นเรื่องที่ผู้เขียนได้พบได้เห็น ได้กราบเรียนสนทนากับหลวงปู่
และได้คุยกับผู้ที่บากบั่นขึ้นเขาไปกราบหลวงปู่เรืองถึงบนเขาสามยอด
ซึ่งผู้เขียนได้รับข้อมูลที่น่าทึ่งมาจากท่านเจ้าของเรื่องเอง
ช่วงที่หลวงปู่เรืองลงจากเขาสามยอดไปอยู่ที่อื่นหลายปีนั้น
ช่วงที่หลวงปู่เรืองอยู่ที่อาศรมพรตภูผาโพธิสัตว์ อ.บุเปือย จ.อุบลราชธานี
มีหลวงพี่อัญญาเป็นผู้ดูแลหลวงปู่เรือง
ในช่วงนั้นเพื่อนบ้านตระกูลศรีสันติสุข
ซึ่งบ้านเดิมอยู่ใกล้บ้านเก่าของผู้เขียน
ได้เป็นผู้สร้างวัตถุมงคลถวายหลวงปู่เรือง
ผู้เขียนเป็นผู้ออกแบบโดยหลวงปู่เรืองเป็นผู้สั่งให้สร้างเองทุกรุ่น
เป็นวัตถุมงคลที่หลวงปู่เรืองตั้งใจสร้างเอง
ครอบครัวศรีสันติสุขเป็นผู้ออกเงินและรับเป็นธุระไปดำเนินการให้หลวงปู่เรือง
การสร้างทุกครั้งท่านระบุด้วยตัวท่านเองว่าให้สร้างเป็นอะไร
หลวงปู่ตรวจแบบทุกรุ่นด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเหรียญหลวงปู่เรืองยืนรุ่นแรกนั้น
หลวงปู่ออกแบบเองโดยท่านสั่งให้ทำเป็นรูปท่านยืนถือไม้เท้ายาว
แล้วให้ถ่ายรูปไว้เป็นแบบ
ท่านสั่งให้ทำเป็นรูปท่านยืนถือไม้เท้ายาวแบบที่ท่านทำท่าให้ดู
ท่านว่าทำเป็นรูปยืนมันกระฉับกระเฉงดี คนเอาไปใช้จะได้ตั้งตัวเร็วๆ
วัตถุมงคลหลวงปู่เรืองที่เพื่อนบ้านตระกูลศรีสันติสุขสร้างถวายนั้น
จะแจกเป็นทานทุกรุ่นทุกพิมพ์ หลวงปู่เรืองจะพูดเสมอว่า “นี่เป็นของกู”
ผู้สร้างถวายนำกลับไปแจกเพียงเล็กน้อย บางรุ่นไม่ได้ไว้เลยด้วยซ้ำ
ข้อนี้สามารถสอบถามได้จากหลวงพี่อัญญาศิษย์ของหลวงปู่เรือง
หลวงปู่เรืองจะเก็บวัตถุมงคลชุดอาศรมพรตภูผาโพธิ์สัตว์ไว้กับตัวของท่านเอง
เรื่องนี้มีศิษย์หลายท่านเคยเห็น
ทั้งหลวงปู่ยังพูดเป็นนัยถึงความสำคัญของวัตถุมงคลชุดนี้หลายครั้ง
ผู้ที่เคยได้รับแจกวัตถุมงคลชุดนี้ต่างก็พบกับประสบการณ์น่าอัศจรรย์
และเสาะหาเก็บสะสมกันอย่างเงียบๆมาตั้งแต่สร้างเสร็จใหม่ๆ
บางอย่างถึงกับยอมซื้อหากันแพงๆ
แต่ก็หาของได้ยากเพราะได้แจกออกไปมากแล้วคนหวงมาก
ยิ่งหลวงปู่เรืองท่านพูดว่า “นี่เป็นของกู”
ศิษย์ที่ทันรู้เห็นจึงหวงวัตถุมงคลชุดนี้กันแบบสุดๆ
เดิมทีนั้นหลวงปู่เรืองยังมีผู้รู้จักไม่มากจะรู้กันในวงแคบ
จะรู้จักหลวงปู่เรืองเฉพาะคนในบริเวณเขาสามยอดก่อน
ชาวบ้านและทหารจะรู้ว่าบนเขาสามยอดซึ่งอยู่หลังโรงพยาบาทอานันทมหิดลมีพระอยู่รูปหนึ่ง
โดยพระรูปนี้ธุดงค์มาอยู่ที่ถ้ำพระอรหันต์เมื่อพ.ศ.๒๔๙๓
ถ้ำนี้อยู่บนยอดเขาลูกที่สองของเขาสามยอด
หลวงปู่เรืองเริ่มเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.๒๕๓๘
ในปีนั้นเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงเห็นได้ในเมืองไทย
และในปีนี้นี่เองที่เมืองไทยเรามีการสร้างวัตถุมงคลที่อ้างถึงสุริยุปราคากันมากเป็นพิเศษ
เรียกได้ว่าเป็นกระแสวัตถุมงคลรุ่นสุริยุปราคากันทั่วประเทศ
ตอนนั้นเองที่มีข่าวว่ามีพระอาจารย์ที่ยังไม่ดังอยู่จ.ลพบุรี
ชื่อหลวงปู่เรืองสร้างพระรุ่นสุริยุปราคากับเขาด้วย
ตอนนั้นผู้เขียนเองยังนึกว่าคงเป็นพระอาจารย์โปรโมทของนักสร้างพระ
ก็เลยยังไม่สนใจ
แต่แล้วบังเอิญว่าคุณแม่ของแฟนผู้เขียนได้ฝากผู้เขียนไปทำบุญบูชาพระของหลวงปู่เรือง
ผู้เขียนจึงค่อยดูข้อมูลวัตถุมงคลหลวงปู่เรือง
พอเห็นรายละเอียดก็จับจุดได้เลยว่า
วัตถุมงคลหลวงปู่เรืองรุ่นสุริยุปราคาไม่ใช่ของที่สร้างโปรโมทเพื่อเซ็งลี้
เพราะจำนวนการสร้างดูแล้วมันช่างน้อยเสียจนน่ารันทดกันเลยทีเดียว
ต่อให้ขายได้หมดก็ได้เงินไม่มากเลย
ซึ่งวัตถุประสงค์การสร้างก็น่าสงสารน่าร่วมบริจาคด้วย
เพราะแค่จะเอาเงินไปซื้อแทงค์น้ำหรือทำบ่อเก็บน้ำฝนเล็กๆแค่นั้นเอง
เมื่อผู้เขียนไปทำบุญรับวัตถุมงคลหลวงปู่เรืองจากที่หนึ่งในก.ท.ม.
ก็ได้รับแจกรูปหลวงปู่เรืองใบเล็กมาด้วยหลายใบ
นึกอย่างไรไม่ทราบเลยขอแบ่งจากแม่แฟนหนึ่งใบ
แล้วก็เอาไปวางไว้บนพานพระเหนือโต๊ะทำงาน แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก
ต่อมาก็ลืมพระภิกษุชราภาพที่ชื่อหลวงปู่เรืองไปโดยสนิท
เวลาผ่านไปประมาณเดือนกว่าๆ ผู้เขียนฝันเห็นหลวงปู่เรืองกำลังนั่งมองมา
พอตื่นแล้วยังนึกไม่ออกว่าเป็นหลวงปู่เรือง
ที่แปลกคือฝันแบบนี้ซ้ำๆกันอยู่สามครั้ง
เลยเอะใจว่าพระรูปนี้น่าจะมีอะไรกับเราแน่
แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าคือหลวงปู่เรือง
เพียงแต่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแน่ๆ
ขณะที่ผู้เขียนนั่งเขียนหนังสือเพลินๆ
ปากกาเกิดหลุดมือหล่นกลิ้งเข้าไปใต้เก้าอี้ที่นั่งอยู่
เก้าอี้นี้เป็นแบบโซฟาเดี่ยวบุบวม
ซึ่งตั้งติดพื้นทึบไม่มีช่องว่างให้มองเห็นใต้เก้าอี้
ผู้เขียนจึงต้องใช้ไม้บรรทัดขนาดยาวสอดเข้าไปเขี่ยของออกมา
ปรากฏว่าเขี่ยได้เป็นปากกาที่หล่นและได้รูปหลวงปู่เรืองที่เคยวางไว้บนพาน
ซึ่งไม่ทราบว่าหล่นไปอยู่ใต้เก้าอี้ตั้งแต่เมื่อไร
พอเห็นรูปภาพหลวงปู่เรืองผู้เขียนรู้ทันทีเลยว่าที่ฝันเห็นหลวงปู่เรืองนั้น
ท่านมาเตือนที่ไปนั่งทับรูปภาพของท่านนั่นเอง
และรู้สึกเหมือนกับว่าท่านเรียกให้ไปพบ ขณะนั้นผู้เขียนนึกดีใจว่า
พระอาจารย์ที่มีสมาธิจิตสูงเก่งของจริงยังมีเหลืออยู่
เมื่อถึงวันหยุดผู้เขียนจึงขับรถไปจ.ลพบุรีเพื่อไปกราบนมัสการหลวงปู่เรือง
พอไปถึงเชิงเขาสามยอดหลังโรงพยาบาลอานันทมหิดล ก็พบว่ามีถุงทรายและกองทราย
พร้อมทั้งมีท่อนไม้ไผ่วางไว้หลายอัน ตอนนั้นเวลาประมาณ ๑๐ โมงเช้า
แต่อากาศร้อนไม่ใช่เล่น
กองทรายและถุงทรายที่มีอยู่นั้น
หมายความว่าให้ช่วยกันขนทรายขึ้นไปบนบนเขาเพื่อใช้ในการถมพื้นและก่อสร้างนั่นเอง
กองไม้ไผ่ก็คือให้เอาไว้ช่วยค้ำเวลาเดินขึ้นเขา
ผู้เขียนเคยเดินป่าฝ่าดงมาก่อน
จึงพอรู้ว่าการแบกของขึ้นเขานั้นมันจะหนักขึ้นเรื่อยๆ
จึงขนทรายขึ้นไปแค่ครึ่งถุง
ระหว่างทางที่ขึ้นเขาก็เห็นมีกองทรายเทไว้เป็นระยะๆ
บางที่เจอถุงทรายวางทิ้งไว้ทั้งถุง
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าคนที่แบกถุงทรายขึ้นเขาไม่ประมาณกำลังตัวเอง
พอแบกถุงทรายขึ้นเขาไปแล้วจึงไปไม่ไหว ต้องถิ้งถุงทรายเอาไว้ซะงั้น
ทางขึ้นเขาไปหาหลวงปู่เรืองนั้นต้องนับว่าทุลักทุเลไม่น้อย
มีช่วงที่เป็นทางชันมาก แถมยังไม่มีร่มเงาให้นั่งพักบังแดดเลย
เพราะภูเขานี้เป็นภูเขาหินเป็นส่วนใหญ่หาดินทำยายาก
ต้นไม้ก็อาศัยนั่งพิงหลังไม่ได้ เพราะดันเป็นต้นงิ้วทั้งนั้นหนามแหลมเปี๊ยบ
แดดก็ร้อนมาก แล้วยังบังเอิญว่าทิศทางที่จะขึ้นเขาลูกแรกไปนั้น
ยังเป็นด้านบังลมเอาเสียอีก จึงร้อนแดดจัดแบบไม่มีลมช่วยระบายความร้อนเลย
หลวงปู่เรืองอยู่บนยอดเขายอดที่สอง
จึงต้องขึ้นไปที่ยอดเขาลูกแรกก่อน ช่วงใกล้ถึงยอดเขานั้นจะชันเอามากๆ
ทหารต้องมาปรับพื้นที่ทำทางเดินและบันใดไว้บางช่วง
พอขึ้นมาถึงยอดเขาลูกแรกแล้ว
จะเป็นทางเดินลัดเลาะไปตามไหล่เขาเพื่อไปยอดเขายอดที่สอง
ช่วงนี้ค่อยยังชั่วเพราะเส้นทางเริ่มมีต้นไม้
พอเดินไปเรื่อยๆจะเข้าสู่ดงต้นไผ่
จะมีลิงมาเฝ้ามองดูจนกระทั่งเข้ามาแย่งของกิน
นอกจากนี้ยังมีงูเพราะเป็นป่าไผ่รกๆ
ทางเดินจะเดินไปได้สบายๆทางขึ้นๆลงๆสลับกันไป
เส้นทางนี้จะไปถึงยอดเขายอดที่สองที่หลวงปู่เรืองท่านพำนักอยู่
ในระหว่างทางที่ขึ้นเขาไปนั้น จะมีคนเดินลงเขาสวนทางมาเป็นพักๆ
ดูยิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อสอบถามดูก็ได้ความว่ามากราบนมัสการหลวงปู่เรือง
ที่น่าแปลกก็คือแทบทั้งหมดไม่ได้เป็นคนเล่นพระเครื่องราง
จะเป็นชาวบ้านคนทำมาหากินทั่วไป
และที่ขึ้นเขามาหาหลวงปู่เรืองก็เพราะฝันถึงหลวงปู่เรือง
แล้วมาเห็นรูปท่านในหนังสือ จึงถามทางมาหาหลวงปู่เรืองจนพบได้ในที่สุด
ผู้เขียนแบกถุงทรายขึ้นไปถึงบนยอดเขายอดที่สอง
ก็พบหลวงปู่เรืองท่านนั่งอยู่
มีพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งนั่งยิ้มมองมาที่ผู้เขียน
ท่านชื่อพระมหาเสรีเป็นศิษย์หลวงปู่เรือง
พระมหาเสรีศิษย์หลวงปู่เรืองบอกว่า
หลวงปู่เรืองเพิ่งมานั่งเหมือนนั่งรอก่อนที่ผู้เขียนจะมาถึงราวๆสิบนาที
ท่านสั่งให้เตรียมน้ำดื่มเอาไว้ด้วย
เมื่อได้กราบนมัสการหลวงปู่เรืองแล้ว จึงนั่งสนทนาสัพเพเหระ
และเล่าให้หลวงปู่ฟังว่าฝันเห็นหลวงปู่เรืองเลยมากราบนมัสการ
ผู้เขียนไม่ได้เล่าว่านั่งทับรูปของท่าน หลวงปู่เรืองท่านพูดทันทีว่า
“มึงมามัวนั่งทับรูปกูอยู่ได้ตั้งหลายวัน ไม่รีบมาหากูเร็วๆ”
นี่ผู้เขียนเจออภินิหารหลวงปู่เรืองตั้งแต่แรกที่พบท่านกันเลย
หลังจากวันนั้นผู้เขียนได้ไปกราบหลวงปู่เรืองเดือนละสองครั้งคืออาทิตย์เว้นอาทิตย์
ได้คุยกับคนที่ขึ้นเขามากราบหลวงปู่เรืองหลายๆท่าน
จึงได้รับฟังประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์ใจของหลวงปู่เรืองจากเจ้าของเรื่องโดยตรง
ไม่ใช่ได้ฟังชนิดแบบเขาว่าคนโน้นเล่าว่าคนนี้เล่าว่า
ซึ่งเขาเป็นใครคนไหนก็ไม่รู้
ประสบการณ์ที่ได้ยินมาจากเจ้าของเรื่องเองมีทั้งรถพลิกคว่ำแต่คนไม่เป็นอะไร
โดนแทงไม่เข้า โดนยิงไม่เข้ายิงไม่ถูกยิงไม่ออก ค้าขายดี
หน้าที่การงานดีเจริญรุ่งเรือง ผู้เขียนได้ยินมากับตัวหลายเรื่อง
ผู้เป็นเจ้าของเรื่องเป็นประชาชนทั่วๆไป
ในช่วงปีพ.ศ.๒๕๓๘ - ๒๕๔๐
วัตถุมงคลหลวงปู่เรืองได้รับความนิยมทุกรุ่น
ชื่อเสียงของหลวงปู่เรืองโด่งดังไปทั่วประเทศ
ผู้ที่เคราพนับถือหลวงปู่เรืองยังมีชาวมาเลเซีย สิงคโปร์อีกไม่น้อย
เมื่อหลวงปู่เรืองดังแล้วก็เป็นธรรมดาที่ใครๆก็อยากสร้างวัตถุมงคลของท่าน
ทางเขาสามยอดต้องมีประกาศออกมาว่าจะสร้างเป็นรุ่นสุดท้ายและจะไม่มีการให้สร้างอีก
จึงเรียกวัตถุมงคลรุ่นนี้ว่ารุ่นทิ้งทวน
แต่แล้วการประกาศเช่นนี้ก็ไม่เกิดผล
เพราะยังมีคนสร้างวัตถุมงคลมาขอให้หลวงปู่เรืองปลุกเสกอยู่นั่นเอง
ทางเขาสามยอดจึงต้องเปลี่ยนเป็นสร้างวัตถุมงคลปีละครั้ง
ผู้เขียนเคยกราบเรียนสอบถามหลวงปู่เรืองเรื่องการเลิกสร้างวัตถุมงคล
ท่านว่าท่านไม่ต้องใช้เงินเพราะอยู่บนเขา
และบนเขาก็ไม่มีพื้นที่จะสร้างอะไรแล้ว
จึงไม่มีความจำเป็นที่จะสร้างวัตถุมงคลอะไรอีก
ต่อมาหลวงปู่เรืองให้ผู้เขียนเป็นธุระเขียนอะไรบางอย่างทำเป็นสมุดข่อยให้ท่าน
ท่านว่าไม่มีแบบให้เขาดู ผู้เขียนจึงจัดทำตามที่ท่านสั่ง ท่านยังว่า
ถ้ากูลงเขาไปแล้ว มึงต้องเป็นธุระให้กูอีก
ตอนนั้นผู้เขียนยังนึกว่าท่านพูดสัพยอกเล่นเลยไม่ได้คิดอะไรไม่รู้ความหมายของท่าน
วันหนึ่งผู้เขียนกับเพื่อนรุ่นน้องไปกราบหลวงปู่เรือง
อยู่ๆหลวงปู่เรืองก็พูดขึ้นว่า “มึงมาก็ดีแล้ว มึงมาเรียนคณิตศาสตร์กับกู”
แล้วหลวงปู่ให้ปิดประตูเพื่อไม่ให้คนอื่นมายุ่ง
คณิตศาสตร์ที่หลวงปู่เรืองว่าก็คือคิดเลขหวยนั่นเอง
เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าท่านสนับสนุนเรื่องหวย
หลวงปู่เรืองท่านสงสารคนที่เดือดร้อนจนต้องมาขอหวยจากท่าน
ท่านอธิบายให้ผู้เขียนฟังว่า
ตอนท่านยังอยู่ถ้าเดือดร้อนจริงๆมาขอเลขจากท่าน ท่านก็พอสงเคราะห์ได้
แต่ถ้าท่านล่วงลับไปแล้วจะไปพึ่งใคร ท่านจึงคิดวางแบบคำนวณเลขออกมา
ท่านว่าไม่มีญาณก็ใช้เลขที่ท่านคิดนี้หาหวยเอา
ถ้าพูดแบบเข้าใจง่ายๆก็คือหลวงปู่เรืองคิดสูตรเลขหวยให้คนรุ่นหลังเอาไว้ใช้นั่นเอง
หลวงปู่เรืองปิดประตูกุฏิสอนคณิตศาสตร์ให้ผู้เขียน เพื่อนรุ่นน้อง(ปัจจุบันบวชนานเกือบ๒๐ปีแล้ว)ที่ไปด้วยจึงพลอยได้เรียนด้วย
วันที่เริ่ม April 21, 2021 09:08:56
วันที่ปิดประมูล April 22, 2021 10:04:45
ราคาเปิด50
เพิ่มครั้งละ50
ธนาคารทหารไทย (เดอะมอลล์3รามคำแหง) , ทหารไทย (เดอะมอลล์3รามคำแหง) , กสิกรไทย (วงเวียนสระแก้วลพบุรี) ,
soonthorn
ผู้เสนอราคาล่าสุด