ใครเป็นผู้เปลี่ยนชื่อตำบลบางเหี้ย

กระดานข่าว : เรื่องเล่าชาว-ดีดี

January 22, 2010 04:51:42 phichan9  VIP  (4198)
avatar
phichan9  VIP  (4198)


หลายคนอ่านประวัติหลวงพ่อปานจากหลายที่ คงจะได้ข้อมูลเรื่อง ร.5 ทรงเสด็จมาเปิดประตูน้ำที่บางเหี้ย และทรงพระราชทานยศพระครูพิพัฒน์นฺโรธกิจให้หลวงพ่อปาน และทรงเปลี่ยนชื่อบางเหี้ยเป็นคลองด่าน แต่ความจริงแล้ว ทรงไม่ได้เปลี่ยนชื่อ ตำบลครับ
คนที่เปลี่ยนชื่อบางเหี้ยเป็นคลองด่านคือ จอมพล ป. พิบูลย์สงครามครับ เนื่องด้วยนโยบายให้ประเทศทันสมัย มีแถลงการประกาศ นโยบาย ไทยนิยม 16 ข้อ เช่น เปลี่ยนชื่อประเทศ จากสยาม มาใช้ประเทศไทย และมีนโยบายเล็กๆน้อยๆอีก เช่น สวมหมวกออกจากบ้าน การหอมแก้มภรรยาก่อนไปทำงาน ที่สำคัญมีการรวบรวมรายชื่อ สถานทที่ต่างๆ ที่ไม่ไพเราะ มาเปลี่ยนใหม่ ตำบลบางเหี้ยก็เป็นหนึ่งในรายชื่อนั้น รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม(พ.ศ.2483)จะเปลี่ยนชื่อ อ.บางเหี้ย เป็น อ.บางบ่อ แหล่งปลาสลิดขึ้นชื่อ และเปลี่ยนชื่อ ต.บางเหี้ย เป็น ต.คลองด่าน วันนี้เลยถือโอกาสเอาประวัติบางเหี้ยมาให้อ่านกันเล่นๆจ้า
ใครที่มีโอกาสใช้ชีวิตวัยเด็กในยุคแฟนฉันขึ้นไป ผมว่าหลายคนคงจะมีโอกาสได้ลิ้มลองขนม“ไข่เหี้ย”มาบ้าง(หรือบางคนอาจชอบกินเป็นของโปรด) ซึ่งยุคนี้ขนมไข่เหี้ยหรือที่เรียกเสียใหม่ว่าขนม“ไข่หงส์”นั้น หากินไม่ง่ายเลย ส่วนไข่เหี้ยจริงๆที่บางคนกินแล้วบอกว่าอร่อยนักอร่อยหนาผมยังไม่เคยกิน และก็ไม่คิดจะกินด้วย แต่ถ้าเป็นเนื้อเหี้ยผมขอสารภาพว่าเคยกินมาแล้ว(โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์) อันเนื่องจากความเมา เมื่อเห็นกับแกล้มวางอยู่ตรงหน้า(ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร)แต่ยังไงๆขอฟาดเอาไว้ก่อน(แถมยังรู้สึกว่ามันอร่อยเสียด ้วยสิ แฮ่ๆ)
สำหรับเรื่องของเหี้ยยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนคิดไม่ถึงนั่นก็คือ เมืองไทยเคยมีชุมชน“บางเหี้ย” ต.บางเหี้ย อ.บางเหี้ย อยู่ที่ จ.สมุทรปราการ

บางเหี้ย เป็นชุมชนเก่าแก่อายุกว่า 250 ปี สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งว่ากันว่าบรรพบุรุษของชาวชุมชนนี้ส่วนหนึ่งเป็นชาวมอญที่อพยพมาจากพม่าเมื่อคราวเสียงกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2

เหตุที่ชุมชนนี้เรียกขานกันว่าบางเหี้ย หากดูกันตามตำนานพื้นบ้านก็มีเรื่องเล่าอยู่ว่า...ครั้งหนึ่งที่บ้านบางเหี้ยมียายแก่คนหนึ่งชื่อ ยายหอม มีฐานะร่ำรวย มีทรัพย์สมบัติมากมายจนไม่รู้จะเอาไปทำอะไร จึงนำทองที่สะสมไว้มาหล่อหลอมเป็นรูปเหี้ยให้ลูกๆหลานๆเล่น แล้ววันหนึ่งเหี้ยทองคำตัวนี้ก็วิ่งหนีเด็กๆลงน้ำไป ชาวบ้านจึงเรียกบ้านนี้ว่า “บางเหี้ย”...(จาก ศิลปวัฒนธรรม ฉบับ ฆ่าควายสังเวยผีปู่ตา เซ่นตะกวดบูชาบรรพบุรุษ)

แต่หากดูกันตามข้อเท็จจริงมันก็สมควรอยู่เนื่องจากบริเวณนี้ มีป่าชายเลนขนาดใหญ่ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยกุ้ง หอย ปู ปลา จึงเปรียบดังสวรรค์ของเหี้ย เพราะมีทั้งที่อยู่อาศัยอันกว้างใหญ่ร่มรื่น มีอาหารอันโอชะ ที่นี่จึงเต็มไปด้วยเหี้ยมากมาย

ไม่เพียงเท่านั้นในชุมชนแถบนี้หลายอย่างยังมีความเกี่ยวกันกับเหี้ยอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น

คลองบางเหี้ย ที่แยกออกมาจากคลองสำโรง ในอดีตคลองบางเหี้ยเป็นเส้นทางสัญจรสายหลักของชาวบางบ่อ บางเพรียง บางเหี้ย จนในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการสร้างประตูน้ำกั้นคลองบางเหี้ย ชื่อประตูคลองด่าน เพื่อป้องกันน้ำเค็มล้นเข้ามาทำลายพืชผลทางการเกษตร คลองบางเหี้ยจึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า“คลองด่าน”

วัดบางเหี้ย เป็นดังศูนย์กลางของชุมชนบางเหี้ย มีอยู่ 2 วัดคือ วัดบางเหี้ยบนหรือวัดบางเหี้ยใน(ปัจจุบันคือวัดโคธาราม)เป็นวัดน้ำจืดเพราะอยู่เหนือประตูน้ำ และวัดบางเหี้ยล่างหรือวัดบางเหี้ยนอก(ปัจจุบันคือวัดมงคลโคธาวาส) เป็นวัดน้ำเค็มเพราะอยู่ใต้ประตูน้ำ วัดนี้มีหลวงพ่อปานเป็นเกจิอาจารย์ชื่อดัง ทั้ง 2 วัด แม้เปลี่ยนชื่อใหม่ ฟังดูเพราะพริ้ง แต่ก็ยังหนีไม่พ้นแนวทางของเหี้ยอยู่ดี เพราะ โคธา แปลว่า เหี้ย นั่นเอง

แต่อย่างที่ผมเล่ามาว่า เหี้ย เป็นสัตว์ที่ไม่ถูกโฉลกกับคนไทย ชื่อเหี้ยไม่เพียงฟังอัปมงคลยังเป็นชื่อที่ฟังหยาบคายใน พ.ศ. 2483 สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม จึงเปลี่ยนชื่ออำเภอบางเหี้ยเป็นอำเภอบางบ่อ ส่วนชุมชนบางเหี้ยหรือตำบลบางเหี้ย จอมพล ป. ก็เปลี่ยนชื่อใหม่ เป็นตำบลคลองด่าน ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในสมุทรปราการไปไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งในตอนหน้าผมจะพาคุณผู้อ่านไปล่องเรือเที่ยวชมชุมชนคลองด่านกัน
ไม่เพียงเท่านั้นเมืองไทยเรายังเคยมีชุมชนบางเหี้ย(ต.บางเหี้ย) อ.บางเหี้ย ตั้งอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ เนื่องจากพื้นบริเวณนี้เป็นป่าชายเลนผืนใหญ่ มีความอุดมสมบูรณ์ มีอาหารของเหี้ยมากมาย ทำให้มีเหี้ยชุกชุมตามไปด้วย ชาวบ้านจึงเรียกขานชุมชนแถบนี้ว่า“บางเหี้ย” ก่อนที่รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม(พ.ศ.2483)จะเปลี่ยนชื่อ อ.บางเหี้ย เป็น อ.บางบ่อ แหล่งปลาสลิดขึ้นชื่อ และเปลี่ยนชื่อ ต.บางเหี้ย เป็น ต.คลองด่าน

คนเฒ่าคนแก่ที่คลองด่านเล่าให้ผมฟังว่า สมัยจอมพล ป. หากใครเรียกคลองด่านว่าบางเหี้ย ก็จะถูกปรับเงินหากทางการได้ยิน

มาในยุคนี้ พ.ศ.นี้ ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ถือเป็นพื้นที่สีเขียวแห่งใหญ่ที่สุดในสมุทรปราการด้านทิศตะวันตก มีชายฝั่งทะเลยาวประมาณ 6 กม. อันอุดมไปด้วยป่าชายเลน กุ้ง หอย ปู ปลาและทรัพยากรทางทะเลมากมาย อีกทั้งยังเป็นแหล่งหอยแมลงภู่ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย มีพื้นที่กว่า 2 หมื่นไร่
แต่ในความอุดมสมบูรณ์ของคลองด่านครั้งหนึ่งกลับ(เคย)มีเรื่องอื้อฉาวของโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการที่มีการคอร์รัปชั่นโกงกินกันอย่างมโหฬาร โดยปฐมบทของเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2538 คณะรัฐมนตรีในขณะนั้นได้มีมติเห็นชอบในโครงการสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย 2 จุดใหญ่ใน จ.สมุทรปราการ คือ ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ ต.บางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ และฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณบางปูใหม่

ทั้ง 2 บ่อ เดิมจะใช้งบประมาณก่อสร้างราว 13,612 ล้านบาท แต่จู่ๆในปี พ.ศ. 2541 ได้มีการเสนอให้ยุบรวมบ่อบำบัดเป็นบ่อเดียวโดยหวยไปออกที่คลองด่าน พร้อมกับงบประมาณที่เพิ่มขึ้นเป็น 23,701 ล้านบาท ทั้งๆที่คลองด่านคือพื้นที่สีเขียวแห่งใหญ่ เป็นพื้นที่เกษตรกรรมและการทำประมงพื้นบ้านชายฝั่ง ซึ่งไอ้พวกที่คิดจะไปปล่อยน้ำเสียจากบ่อบำบัดลงที่นี่และคิด(เริ่มต้น)มันก็คิดผิดแล้ว

แต่โชคยังดีที่ชาวชุมชนคลองด่านเป็นชุมชนเข็มแข็งมีเลือดนักสู้มาตั้งแต่อดีต พวกเขาจึงรวมตัวกันต่อสู้กับความชั่วช้าสามานย์จากน้ำมือบางคนในโครงการบ่อบำบัดฯ เพื่อปกป้องพิทักษ์ผืนแผ่นดิน ถิ่นอาศัย และแหล่งทำมาหากินของตนเอง จนทำให้โครงการนี้ถูกยกเลิกทิ้งไว้เพียงอนุสาวรีย์(บ่อปูนยักษ์)แห่งการโกงกินที่ผมได้แต่หวังว่า ฟ้าคงมีตา สวรรค์คงมีใจ นำคนผิดมาลงโทษให้สาสมกับความชั่วช้าของมัน

แต่ที่ผมกลัวก็คืองานนี้จะเป็นมวยล้มต้มคนดู หรือจับคนทำผิดได้แค่ปลาซิวปลาสร้อย ส่วนพวกตัวเอ้ตัวเอี้ยลอยนวลไปเสวยสุขต่อไป แถมยังเผลอไม่ได้อีกต่างหาก เพราะโครงการใหญ่ระดับ 2 หมื่นล้าน อาจถูกภาครัฐรื้อฟื้นขึ้นมาปัดฝุ่นเพื่อโกงกินกันอีกครั้งก็เป็นได้ ยังไงๆงานนี้ภาคประชาชนและสื่อมวลชนคงต้องช่วยกันติดตามอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ดี คลองด่านในวันนี้ดูเหมือนว่าคลื่นลมของการต่อสู้จะสงบลงได้พักใหญ่แล้ว ส่วนคลื่นลมแห่งท้องทะเลนั้นยังคงทำหน้าที่ตามปกติวิถีอยู่อย่างมิรู้หน่าย ให้ชาวคลองด่านได้ดำเนินวิถีพื้นบ้านทำประมงเลี้ยงสัตว์จับสัตว์น้ำหาเลี้ยงชีพกันไปอ่างพอเพียงตามอัตภาพ บนพื้นที่อ่าวไทยตอนในที่มีลักษณะเป็นอ่าว ก.ไก่ อันอุดมสมบูรณ์

และด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรผสานกับวิถีการทำประมงพื้นบ้านชายฝั่งอันน่าสนใจ ทำให้เมื่อราว 3 ปีที่แล้วคลองด่านได้เปิดมิติใหม่ทางการท่องเที่ยวขึ้น เพื่อให้คนภายนอกรับรู้ว่าคลองด่านนั้นมีดีเกินกว่าที่จะให้นักการเมืองเข้ามากอบโกยด้วยการสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย

สำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวคลองด่านจะเป็นประเภทเที่ยวชมวิถีชีวิต ซึ่งเพื่อนรุ่นพี่ที่คลองด่านเคยพาผมไปเที่ยวล่องเรือชมทะเลสัมผัสกับวิถีชีวิตชาวคลองด่านนั้น นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย

เริ่มตั้งแต่สภาพบ้านเรือนริมคลองสายย่อยก่อนออกสู่ปากอ่าวที่ปลูกสร้างอย่างเรียบง่ายมีเรือประมงจอดอยู่เรียงราย
นั่นแสดงให้เห็นชัดเจนว่าทรัพยากรหอยแมลงภู่ที่คลองด่านยังไม่ขาดแคลน แต่น่าแปลกว่าเหตุไฉนนักการเมืองกลับจงใจละเลยเรื่องเหล่านี้ แล้วเลือกมาสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียทิ้งไว้ เป็นดังอนุสาวรีย์แห่งการคอร์รัปชั่น ที่ระหว่างล่องเรือชมทะเลผมมองเห็นภาพอุจาดตาของบ่อปูนยักษ์ในโครงการบ่อบำบัดอยู่ลิบๆ ซึ่ง(สมมุติว่า)ถ้าหากโครงการนี้ได้ดำเนินต่อไปแล้วมีการนำน้ำเสียมาทิ้งที่นี่บางที คลองด่านแหล่งหอยแมลงภู่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยอาจกลายเป็นตำนาน

เช่นเดียวกับตำนานบางเหี้ยของชุมชนคลองด่าน ที่ ณ วันนี้ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปตามวิถีโลก ได้ทำให้ประชากรเหี้ยที่คลองด่านมีจำนวนลดน้อยถอยลงไปมาก ส่วนเหี้ยจากคลองด่านจะอพยพไปอยู่ที่ไหนนั้น เป็นเรื่องที่มิอาจทราบได้เพราะไม่มีใครเคยสำรวจ แต่ไอ้สัน(ดาน)เพื่อนเก่าของผมมันตั้งข้อสังเกตว่าเหตุที่เหี้ยคลองด่านส่วนหนึ่งอยู่ไม่ได้นั้น เพราะพวกมันเจอปรากฏการณ์“เหี้ยกว่า”นั่นเอง ว่าแล้วมันก็ท่อง“กลอนเหี้ยๆ”(เพี้ยนจาก“กลอนเหี้ย”) ให้ผมฟังว่า

...ฟ้าลิขิตชีวิตให้เหี้ยเดิน
เหี้ยเพลิดเพลินเดินตามทางของมันไป
เหี้ยสองเหี้ยเจอกันก็บรรลัย
เหี้ยหนึ่งอยู่เหี้ยหนึ่งไปทั่วฟ้าดิน...

หลังฟังกลอนเหี้ยๆของไอ้สัน ผมพลันอดนึกไปถึงปรากฏการณ์เหี้ยกว่าไม่ได้ แล้วจู่ๆภาพลางๆของนักการเมืองชั่วช้าและข้าราชการสามานย์บางคนที่ร่วมกันโกงกินคอร์รัปชั่นกับโครงการบ่อบำบัดน้ำเสี ยคลองด่านกันจนสะดือปลิ้นมันก็ผุดแว่บขึ้นมาในสมอง

น่าแปลกที่ในมโนภาพของผม คนพวกนั้นหน้าตาเนื้อตัวเป็นเกล็ด แถมยามแลบลิ้นก็มีสองแฉกดูคล้ายสัตว์เลื้อยคลานประเภทหนึ่ง


จากผู้จัดการ

January 22, 2010 05:47:38 ศรศิลป์  (1286)

ข้อมูลดี ๆๆๆ ขอบคุณมากครับ

January 22, 2010 06:24:21 surach  (322)
avatar
surach  (322)

ชอบอ่านครับ สนุก และสาระเยอะดีครับ

January 22, 2010 17:51:34 อ๊อฟเมืองโอ่ง  (82)

แหล่ม เลย

January 22, 2010 18:14:26 sidtad  (346)
avatar
sidtad  (346)

YOU MUST BE LOGGED IN TO REPLY TO THIS TOPIC!