ประวัติ วัดวิหารทอง
วัดวิหารทอง ตั้งอยู่ที่หมู่ 7 ตำบลเที่ยงแท้ อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท เดิมเป็นวัดโบราณเก่าแก่
และเป็นวัดร้างเหลือเพียงองค์พระเจดีย์ ต่อมาเจ้าคณะเมืองสวรรคบุรี นามว่า "หลวงวัง"
ซึ่งเป็นผู้ที่มีฐานะมั่งคั่ง ได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ ให้กลับมามีสภาพเป็นวัดขึ้นใหม่
โดยมีหลวงพ่อสอนเป็นเจ้าอาวาส ระหว่างในปีพ.ศ. 2453-2460 เมื่อท่านมรณภาพแล้ว
หลวงพ่อเมฆ จึงได้เป็นเจ้าอาวาส ต่อมาจนถึงปี พ.ศ. 2465 หลวงพ่อโตก็ได้เป็นเจ้าอาวาสสืบแทน
ชาติภูมิ
หลวงพ่อโตพื้นเพท่านเป็นชาวชัยนาทโดยกำเนิด ท่านเกิดในปี พ.ศ. ๒๔๐๑
โยมบิดาชื่อโยมเงิน หลวงพ่อโตท่านเป็นพระที่มีกิตติคุณต่างๆ มากมาย
ของขลังที่ท่านทำแจกลูกศิษย์มีผู้ได้รับประสบการณ์ต่างๆ มากมาย
ท่านหลวงพ่อโตมีคุณวิเศษเหนือเกจิองค์อื่นอยู่อย่างหนึ่ง เท่าที่ได้ยินมาแล้วนำมาเปรียบเทียบ
ท่านเป็นพระที่มีตบะแก่กล้าที่สุด เคยได้ยินและได้ฟังมา เวลา วัดมีงานในสมัยก่อน อำเภอสรรคบุรี
แม้ตำรวจก็ไม่สามารถดูแลความเรียบร้อยในงานได้ มักจะมีการจี้ ลักขโมยกันเป็นประจำ
อีกอย่างหนึ่งคือกำลังของตำรวจมีน้อยด้วย ทางวัดต่างๆ จึงต้องนิมนต์ท่านไปคุมงาน
ครั้งหนึ่งในงานทำบุญเลี้ยงพระประจำปี ได้มีเหตุการณ์คนร้ายกระตุกสร้อยคอ
โดยมีผู้หญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นชาวบ้านในย่านนั้น ได้วิ่งร้องไห้มาบอกหลวงพ่อว่า
ถูกคนร้ายกระตุกสร้อยคอทองคำหนักสองสลึงไป
หลวงพ่อท่านก็ปลอบว่า "เดี๋ยวก็ได้คืนมันเอาไปไม่ได้หรอก"
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็สงสารเจ้าของสร้อยคอ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปตามที่ไหน
อีกสักพักต่อมาก็มีคนร้ายนำสายสร้อยมาถวายให้กับหลวงพ่อโต
หลวงพ่อก็เลยถามว่า "นึกอย่างไรจึงนำมาถวาย" คนร้ายรับสารภาพว่า "หาประตูทางออกจากวัดไม่เจอ
วิ่งวนอยู่หลายรอบก็หาไม่เจอ เจอแต่กำแพงวัดทั้งนั้น ทั้งๆ ที่เคยเข้าออกประตูวัดอยู่ประจำ
วิ่งจนเหนื่อยอ่อนไปหมดแล้วครับ คิดในใจว่าหลวงพ่อคงไม่ให้ออกจากวัดแน่ จึงนำสร้อยมาคืนครับ
" หลวงพ่อจึงเทศนาสั่งสอนว่า " ไม่ใช่ของของเราอย่าไปเอาเป็นเงินร้อน นอนไม่เป็นสุข
อีกทั้งจะต้องรับเคราะห์กรรมต่อไปในชาติหน้าอย่าทำอีกเลย" คนร้ายก็ให้สัจจะแล้วหลวงพ่อก็มอบสร้อยคืนเจ้าของไป
วัตถุมงคล
๑ พระพิมพ์เนื้อทองเหลืองหล่อ เป็นพระพิมพ์รูปพระพุทธยืน ปางห้ามญาติ ทรงคล้ายสี่เหลี่ยม หูในตัว
๒ พระพิมพ์เนื้อชินเงินผสม ตะกั่ว พระเนื้อนี้แบ่งออกเป็น ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์นั่งและพิมพ์ยืน
พิมพ์นั่งรูปทรงคล้ายตัว ก. มีอักขระด้านข้าง พิมพ์ยืนจะเล็กกว่าพิมพ์นั่ง เป็นพระพุทธรูปยืนห้ามญาติ
แบบพิมพ์สรรค์ยืนบนฐานบัว
๓ เหรียญพุทธลีลา เหรียญ รุ่นนี้รูปลักษณะภายนอกอยู่ในทรงใบเสมา หูในตัว ต่อด้วยห่วงเชื่อม
ขอบด้านหน้าประดับด้วยลายกนกสวยงามมาก ตัวเหรียญบางมาก เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง
ไม่มีภาษาไทยบอกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
๔ เหรียญรูปท่าน ปี ๒๔๘๐ เป็นเหรียญปั๊มหูในตัว เนื้ออัลปาก้าเก่าแบบช้อนส้อมรุ่นเก่า แก่ทองเหลืองเล็กน้อย
เป็นรูปท่านครึ่งองค์ ด้านหน้าและด้านหลังไม่ได้บอกชื่อท่าน ไม่บอกชื่อวัด คือไม่ปรากฏภาษาไทยเลย
นอก จากพระเครื่อง ๔ แบบ ๔ พิมพ์นี้แล้ว สมัยท่านยังได้สร้างรูปถ่ายอัดกระจกรูปท่านไว้ด้วย
รูปถ่ายนี้ท่านเคยถ่ายไว้เพียง ๒ ครั้ง ภายหลังเมื่อมีการรื้อเจดีย์ยังได้พบพระเนื้อดินยืน,
พระเนื้อชิน นั่ง-ยืน และ พิมพ์รูปท่าน หลังเตารีด บอกชื่อ และ พ.ศ. ไว้ชัดเจน
แม้ตามเจดีย์คนตายถ้ามีการรื้อถอนก็จะพบพระพิมพ์ของท่านมากมาย แต่โดยมากจะเป็น
พระลีลายืนและพระพิมพ์สรรค์ แสดงว่าในสมัยของท่าน ท่านชอบสร้างพระมาก
ว่ากันว่าพระเนื้อตะกั่วของหลวงพ่อโต นั้นท่านได้ขอเนื้อชนวนตะกั่วของหลวงปู่ศุขมาเทเป็น ชนวนด้วย
และได้รับการปลุกเสกเพิ่มจากหลวงปู่ศุข เรื่องพุทธคุณนั้นหายห่วง ดีครบในทุกๆ ด้าน
โดยเฉพาะเมตตามหานิยม เขาว่ายอดเยี่ยมครับ หลวงพ่อโต
ท่านมรณภาพในปี พ.ศ. 2485 สิริอายุได้ 84 ปี พรรษาที่ 63
วัดวิหารทอง หมู่ที่ ๗ ตำบลเที่ยงแท้ อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท เดิมเป็นวัดร้าง มีมาแต่โบราณเก่าแก่มาก
เหลือ เพียงองค์พระเจดีย์เก่าๆให้พบเห็น ท่านเจ้าคณะเมืองสวรรคบุรี นามว่า "หลวงวัง" ผู้ที่มีฐานะมั่งคั่ง ได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ ให้กลับมามีสภาพเป็นวัดขึ้นใหม่
โดยมีหลวงพ่อสอนเป็นเจ้าอาวาส องค์แรกระหว่างในปีพ.ศ. ๒๔๕๓-๒๔๖๐ เมื่อท่านมรณภาพแล้วหลวงพ่อเมฆ จึงได้เป็นเจ้าอาวาสต่อมา จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๖๕ หลวงพ่อโตก็ได้เป็นเจ้าอาวาสสืบแทน จนท่านมรณภาพในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ สิริอายุได้ ๘๔ ปี พรรษาที่ ๖๓
หลวงพ่อโต ท่านเป็นคนตำบลดงคอน อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาทโดยกำเนิด ท่านเกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๑ โยมบิดาชื่อโยมเงิน โยมมารดาไม่ปรากฏชื่อ หลวงพ่อโตท่านรักการบวชเรียนมาตั้งแต่เล็ก โดยลงมาบวชอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศึกษาอยู่ในสำนักใดไม่ปรากฏ ต่อมาท่านได้กลับขึ้นมาจำพรรษาอยู่ที่วัดวิหารทอง และท่านได้เข้ามาเป็นศิษย์ศึกษากับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พร้อมกับหลวงพ่อคง วัดใหม่บำเพ็ญบุญ เมื่อท่านกลับมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดวิหารทอง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่มาแต่โบราณ ท่านก็ได้ทำนุบำรุงซ่อมแซมสร้างเสนาสนะ และถาวรวัตถุ ซึ่งกำลังทรุดโทรมให้กลับคืนสภาพดีดังเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระอุโบสถ ซึ่งเป็นศิลปะอยุธยา ที่มีลีลาอ่อนช้อยสวยงามมาก และท่านก็ได้สร้างมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาท นอกจากนี้ท่านยังสร้างพระอุโบสถวัดดงคอน วัดสกุณาราม วัดโพธิ์ทอง และวัดศีรษะเมือง อีกด้วย
หลวงพ่อโตท่านเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้าน เป็นอย่างมาก จนกระทั่งได้รับตำแหน่งเจ้าคณะแขวงบ้านเชี้ยน(หันคา) อยู่ระยะหนึ่ง แต่ต่อมาท่านก็ได้ลาออกจากตำแหน่ง ท่านเป็นพระเถระซึ่งมีญาณแก่กล้ารูปหนึ่ง บำเพ็ญสมาธิจนเกิดอภิญญา วาจาสิทธิ์ พูดคำใดเป็นคำนั้น มีความรู้ในวิทยาคุณแก่กล้าหลวงพ่อโตท่านเป็นพระที่มีกิตติคุณต่างๆ มากมาย ของขลังที่ท่านทำแจกลูกศิษย์มีผู้ได้รับประสบการณ์ต่างๆ มากมาย
ท่านหลวง พ่อโต มีคุณวิเศษเหนือเกจิองค์อื่นอยู่อย่างหนึ่งคือ ท่านเป็นพระที่มีตบะแก่กล้าที่สุด เคยได้ยินและได้ฟังมาว่า เวลาที่วัดมีงานตำรวจก็ไม่สามารถดูแลความเรียบร้อยในงานได้ มักจะมีการจี้ ลักขโมยกันเป็นประจำ เพราะสมัยนั้นกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีน้อย บางวัดถึงกับต้องมานิมนต์ท่านไปคุมงาน...!!
ครั้งหนึ่งในงานทำบุญประจำปี ได้เกิดเหตุคนร้ายกระตุกสร้อยคอ ผู้หญิงวัยกลางคน เป็นชาวบ้านในย่านนั้น ได้วิ่งร้องไห้มาบอกหลวงพ่อว่า "ถูกคนร้ายกระตุกสร้อยคอทองคำหนักสองสลึงไป"
หลวงพ่อท่านก็ปลอบว่า "เดี๋ยวก็ได้คืน มันเอาไปไม่ได้หรอก"
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็สงสารเจ้าของสร้อยคอ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปตามที่ไหน อีกสักพักก็มีคนนำสายสร้อยมาถวายให้กับหลวงพ่อโต
หลวง พ่อก็เลยถามว่า "นึกอย่างไรจึงนำมาถวาย" คนร้ายรับสารภาพว่า "หาประตูทางออกจากวัดไม่เจอ วิ่งวนอยู่หลายรอบก็หาไม่เจอ เจอแต่กำแพงวัดทั้งนั้น ทั้งๆ ที่เคยเข้าออกประตูวัดอยู่ประจำ วิ่งจนเหนื่อยอ่อนไปหมดแล้วครับ คิดในใจว่าหลวงพ่อคงไม่ให้ออกจากวัดแน่ จึงนำสร้อยมาคืนครับ"
หลวงพ่อจึงเทศนาสั่งสอนว่า " ไม่ใช่ของของเราอย่าไปเอาเป็นเงินร้อน นอนไม่เป็นสุขอีกทั้งจะต้องรับเคราะห์กรรมต่อไปในชาติหน้าอย่าทำอีกเลย"
คนร้ายก็ให้สัจจะ แล้วหลวงพ่อก็มอบสร้อยคืนเจ้าของไป
หลวง พ่อโตท่านเริ่มสร้างวัตถุมงคลเป็นครั้งแรกราวปี พ.ศ. ๒๔๕๗ โดยสร้างเป็นพระเนื้อชินตะกั่ว รูปทรงห้าเหลี่ยมเป็นพระพุทธลีลา บนบัวสองชั้น ด้านหลังเรียบ และมักจะจารอักขระตัวนะไว้แทบทุกองค์ นอกจากนี้ท่านยังสร้างพระพุทธรูปปางนั่งสมาธิ ด้านหลังเรียบ และมักจารอักขระขอมไว้เช่นเดียวกัน เครื่องรางของขลังของท่านก็จะมีแหวนพิรอด ผ้าประเจียด และตะกรุด เป็นต้น
ส่วนเหรียญนั้นท่านก็ได้สร้างไว้สองเหรียญ คือเหรียญรูปท่านและเหรียญพระพุทธลีลา
เหรียญ รูปท่านนั้นเป็นเหรียญรูปไข่ เป็นรูปท่านครึ่งองค์ ไม่ปรากฏอักษรใดๆ ด้านหลังเป็นยันต์ ๔ ซ้อนกันอยู่สองยันต์ เป็นเหรียญเนื้ออัลปาก้า อีกเหรียญที่เป็นพระพุทธลีลานั้นเป็นเหรียญรูปทรงเสมา ไม่มีอักษรระบุไว้เช่นกัน มีแต่อักขระขอม มะ อะ อุ ด้านหลังเป็นยันต์และมีตราอกเลา เป็นเหรียญเนื้อทองแดงกะไหล่ทอง
เหรียญ หลวงพ่อโต วัดวิหารทองนี้เป็นที่นิยมกันมาก และเป็นที่หวงแหนของชาวสรรคบุรีเป็นอย่างมาก ปัจจุบันหาชมได้ยากไม่ค่อยได้พบเห็นกันนัก พุทธคุณพระเครื่องและเหรียญของหลวงพ่อโต วัดวิหารทองนี้ เด่นในด้านอยู่ยงคงกระพัน และแคล้วคลาด มีประสบการณ์ต่างๆ มากมาย
ลองอ่านเทียบเคียงกับปูม เกี่ยวกับหลวงปู่ศุข ที่กล่างถึงเหตุการณ์เมื่อปี ๒๔๕๙ ดังนี้
พระเครื่อง-เครื่องรางของขลังของหลวงปู่ศุข
การ ที่ท่านทำพระเครื่องรางของขลัง ได้ประสิทธิ์ มี ฤทธิ์ มีเดช ทั้งๆที่อักษรเลขยันต์พื้นๆนั้น เป็นเพราะอำนาจจิตที่ท่านได้ฝึกฝนมานั้น กล้าแกร่งยิ่งนัก โดยเฉพาะกสิณธาตุทั้งสี่ มี ดิน น้ำ ลม ไฟ นั้นเป็นพื้นฐานที่สำคัญ เป็นบ่อเกิดแห่งอำนาจอิทธิฤทธิ์ทางใจเลยทีเดียว สำหรับการสำเร็จวิชาชั้นสูงเรียกว่า มายาการ คือความเชื่อถือและการปฏิบัติ ที่มุ่งหมายให้เกดิผลด้วยการ ใช้พลังหรืออำนาจเหนือธรรมชาติ เช่นของขลัง พิธีกรรม หรือ หลีกลี้ลับ บังคบให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ เช่น ท่านเสกใบมะขาม ให้เป็น ตัวต่อ ตัวแตน เสกหัวปลีให้เป็นกระต่าย ตลอดจนการผูกหุ่นพยนต์ด้วยฟางข้าว เสกคนให้เป็นจระเข้เป็นต้น มันเป็นมายาการชั้นสูง คือการบังคับให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ
แท้ที่ จริงแล้วใบมะขามก็ยังคงเป็นใบมะขาม หัวปลี ก็ คงเป็นหัวปลี และหุ่นฟาง ก็คงเป็นหุ่นฟางเหมือนเดิม เว้นแต่อำนาจจิตของท่านทำให้เราเห็นไปเอง จากหนังสือ "พระกฐินพระราชทาน สมาคมศิษย์อนงคาราม ปี ๒๕๑๙ เรื่องพระใบมะขาม ท่านผู้เขียนอดีตเป็นพระมหา มีหน้าที่ไปอุปัฏฐากหลวงปู่ศุขขณะที่อาราธนาท่านมาปลุกเสกพระชัยวัฒน์ และพระปรกใบมะขาม (พ.ศ.๒๔๕๙)ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า เมื่อข้าพเจ้าไปอุปัฏฐากหลวงพ่อแล้ว มีชาวบ้านชาววัดมาขอให้หลวงพ่อลงกระหม่อมบ้าง ลงตะกรุดพิสมรบ้าง โดยยื่นแผ่น เงิน ทอง นาก ให้ลงคาถา บางคนขอเมตตา บางคนขอการค้าขาย หลวงพ่อให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ลง ข้าพเจ้าถามว่า การค้าขายจะให้ลงว่ากระไร ท่านบอกว่า "นะเมตตา โมกรุณา พุทธปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู " ข้าพเจ้าจึงบอกว่า "หลวงพ่อครับ ผมไม่มีความขลัง ลงไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร " หลวงพ่อบอกว่า " มันอยู่ที่ผมเสกเป่านะคุณมหา" ข้อนี้ยืนยันว่าเป็นความจริง เพราะระหว่างนั้นข้าพเจ้าให้หลวงพ่อลงกระหม่อม และท่านเสกเป่าไปที่ศรีษะตั้งหลายครั้ง เมื่อท่านเป่าที่กระหม่อมทีไร ข้าพเจ้าขนลุกชันทั่วทั้งตัวทุกครั้ง ทั้งที่ข้าพเจ้าฝืนใจไม่ให้ขนลุก ก็ ลุกซู่ทุกครั้งที่ท่านเป่า ข้อนี้เป็นมหัศจรรย์ จริงๆ ข้าพเจ้าคิดว่าจะเป็นแต่ข้าพเจ้าคนเดียว ไปสอบถามภิกษุอุปัฐาก รูปอื่นๆ ก็ได้รับคำตอบเช่นเดียวกัน ข้อนี้ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า "ท่านสำเร็จสมถะภาวนาแน่ๆ"
อนึ่งท่านเป็นพระที่น่าเคารพนับถือ สำรวมในศีลเป็นอย่างดี ไม่ใคร่พูดจานั่งสงบอารมณ์ เฉยๆ ไม่ถามอะไร ท่านก็ไม่ตอบไม่พูด บางอย่างข้าพเจ้าถามหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ตอบเลี่ยงไปทางอื่น เช่น " เขาว่าหลวงพ่อเสกใบไม้เป็นต่อ และเสกผ้าเช็ดหน้าเป็นกระต่ายได้ และแสดงให้กรมหลวงชุมพรฯเห็นจนท่านยอมเป็นศิษย์ " หลวงพ่อตอบข้าพเจ้าว่า ลวงโลก แล้วท่านก็นิ่งไม่ตอบว่า อะไรอีก หลวงพ่อพูดต่อไปว่า "เวลานี้ กรมหลวงชุมพรฯไปต่างประเทศ (เข้าใจว่าไปรับเรือพระร่วง ) ถ้าอยู่ก็ต้องมาหาท่าน และปรนนิบัติ ท่านจนท่านกลับวัด และว่ากรมหลวงชุมพรฯ นี้ ตกทะเลไม่ตาย แม้จะมีสัตว์ร้ายก็ไม่ทำอันตรายได้ "
ท้ายบท
การ ที่เราคนรุ่นหลังจักเขียนเรื่องราวและวัตรปฏิบัติของหลวงปู่ศุข ซึ่งท่านมรณะภาพล่วงไปแล้วกว่าครึ่งศตวรรษให้ได้ใกล้เคียงกับความจริงนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมากๆ อาศัยหลักฐานทางเอกสารที่ยังหลงเหลืออยู่บ้าง จากการสอบถามบรรดาลูกศิษย์ ลูกหาของท่าน ซึ่งส่วนมากจะล้มหายตายจากกันไปเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการที่ท่านได้รับรู้จากการเขียน ของ "ท่านมหา" ซึ่งเคยเป็นอุปัฏฐากหลวงปู่ จึงใกล้เคียงความจริงเท่าที่จะหาได้มากที่สุด
หลวงพ่อโต วัดวิหารทอง ยอดพระอาจารย์แห่งชัยนาท
วันพุธที่ 09 ธันวาคม 2009 เวลา 14:05 น. santa
ภาพและเรื่องโดย..ฅน เมืองสรรค์
วัดวิหารทอง? ตั้งอยู่เลขที่ 1 หมู่ 7 ต.เที่ยงแท้ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท? วัดอยู่ติดแม่น้ำน้อยมีสะพานข้ามแม่น้ำอยู่ใกล้ที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี? เดิมเป็นวัดโบราณอยู่ในกำแพงเมืองสรรค์ สมัยอยุธยาตอนปลาย กลายสภาพเป็นวัดร้าง
ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีผู้ปกครองเมืองสรรค์ ชื่อ? ?หลวงวัง?? มีบุคคลคนหนึ่งชื่อ นายสอน ได้มาเลี้ยงวัวในที่ดินที่หลวงวังจับจองไว้ ได้พบเจดีย์เก่าแก่ ภายหลังเมื่อนายสอนบวชได้มาจำพรรษาที่เจดีย์ร้างนี้ แล้วได้เริ่มทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดขึ้น มีเจ้าอาวาสติดต่อกันมา 8 รูป คือ
?
1.?? ?หลวงพ่อสอน (ผู้ก่อตั้งวัด)
2.?? ?หลวงพ่อเมฆ
3.?? ?หลวงพ่อโต (เจ้าของประวัติ)
4.?? ?อธิการแพง
5.?? ?อธิการเล็ก
6.?? ?อธิการสอน
7.?? ?มหามงคล
8.?? ?พระครูพิมพ์ (ทายาทขุนสรรค์) ได้ไปจำพรรษาที่วัดสนามชัย เพื่อสร้างศาลา (มรณภาพลงแล้ว), มหาทองอยู่รักษาการ
9.?? ?ไม่ทราบนาม (มรณภาพแล้ว)
หลวงพ่อโต เป็นบุตร คุณพ่อเงิน-คุณแม่ปุ้น เกิดที่บ้านดงคอน? หมู่ 2 ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี? จ.ชัยนาท ปีระกา พ.ศ.2401 มรณภาพ เดือน 8? ปีมะโรง พ.ศ.2483 รวมอายุ 82 ปี พรรษา 62 สามเณร 13 พรรษา? มีพี่น้อง 3 คน คือ
1.?? ?หลวงพ่อโต
2.?? ?นายเคลือบ เงินปุ่น
3.?? ?นายฉัตร เงินปุ่น
อายุ 7 ขวบ บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดท้ายย่าน จ.พระนครศรีอยุธยา อายุ 20 ได้อุปสมบทที่วัดท่าวน (ปัจจุบันเป็นวัดร้าง) ต.ท่าพระลาน อ.สรรคบุรี? โดยมีอุปัชฌาย์อ่วม เป็นอุปัชฌาย์? อุปสมบทแล้วเดินทางไปศึกษาธรรมะ,? บาลีสันสกฤต? ที่วัดสามปลื้ม? กรุงเทพฯ ภายหลังได้มาอยู่วัด วิหารทองกับหลวงพ่อเมฆ จนกระทั่งหลวงพ่อเมฆมรณภาพ ชาวบ้านวิหารทองจึงได้นิมนต์ท่านเป็นเจ้าอาวาส
หลวงพ่อโต ท่านเป็นพระที่มีใจคอเด็ดเดี่ยว สนใจในคาถาอาคมและวิปัสสนากรรมฐานมาก ท่านได้ไปศึกษาอาคมและวิปัสสนากับ
1.?? ?หลวงพ่อเฒ่า แห่งวัดค้างคาว? ต.โพธิ์งาม หลวงพ่อเฒ่า แห่งวัดค้างคาวนี้ ได้ชื่อว่าเป็นผู้วิเศษแห่งเมืองสรรค์ ท่านเคยสร้างผ้าแดงผืนใหญ่? ชาวบ้านเรียกว่า ผ้าอาฬารวะกะยักษ์ มีคุณวิเศษมาก? มีสนนราคาแพงมาก อาจแพงที่สุดในประเทศไทยก็ได้ ขนาดผ้าขาดๆ ยังมีคนแบ่งเช่าอักขระเป็นตัวๆ ตัวละตกหนึ่งร้อยบาทยังแย่งกัน ท่านหลวงพ่อเฒ่าเป็นสหายทางธรรมกับหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า คนแก่ๆ? เล่าว่าหลวงพ่อศุขเคยมาหาหลวงพ่อเฒ่าเป็นประจำ การมาก็มาในลักษณะแปลกๆ เช่น หายตัวมา ดำน้ำมาโผล่ที่วัดหลวงพ่อเฒ่าก็เคยมา? เขาเล่าให้ฟังนะครับ
2.?? ?หลวงพ่อปากคลองมะขามเฒ่า เมื่อสิ้นบุญหลวงพ่อเฒ่าแล้ว? หลวงพ่อโตได้เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อศุข วัดปากคลองฯ? เล่ากันว่าศิษย์ร่วมรุ่นของท่านมี 2 องค์ คือ หลวงพ่อคง วัดใหม่บำเพ็ญบุญ? กับ หลวงพ่อปลื้ม? วัดสังฆาราม? ท่านทั้งสามองค์นี้ได้สร้างเหรียญรูปเหมือนองค์ละ 1 รุ่น มีสนนราคาเช่าหากันแพงตก 1 หมื่นบาทเศษ คนอำเภอสรรคบุรีเคารพและภาคภูมิใจในหลวงพ่อทั้งสามองค์นี้มาก เรียกว่ารักองค์ไหนก็เล่นหากันได้เลย
แต่ท่านหลวงพ่อโตท่านเขียนขอมไม่เป็น คือเขียนภาษาขอมไม่เป็น? แต่จารตัวนะได้เป็นบางตัว เวลาท่านลงผ้ายันต์ เสื้อยันต์ ตะกรุด? แหวนแขน ท่านจะเขียนเป็นภาษาไทยเลย? เขียนด้วยหมึกจีน แถวบนท่านจะเขียนว่า นะโมพุทธายะ แถวล่างท่านจะหนุนด้วยธาตุทั้ง 4 คือ นะมะพะทะ เขียนเป็นภาษาไทยเช่นกัน บางคนเห็นเสื้อยันต์ท่านแล้วหัวร่อไม่ศรัทธา แต่ก็แปลกดีถ้าใส่ไปไหนคนอ่านทุกที ท่านจะเขียนเพียง 9 ตัวเท่านี้
นอกจากท่านจะเขียนขอมไม่เป็นแล้ว วัตถุมงคลของท่าน โจร,? ทหาร และตำรวจ จะใช้ไม่ได้ คนที่ใช้วัตถุมงคลของท่านได้คือคนทำมาหากินเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้ราคาของวัตถุมงคลของท่านตกต่ำเลย? ตรงกันข้ามเมื่อไม่มีสิทธิ์ใช้พวกเขากลับพยายามจะใช้ ราคาแพงกลับไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือของท่านหายากมาก คือหาคนปล่อยไม่ได้นั่นเอง? โดยเฉพาะเหรียญรุ่นแรก
หลวงพ่อโตท่านมีรูปร่างใหญ่โตสมชื่อ ผิวเนื้อค่อนข้างดำ ฉันหมากตลอดเวลา พูดน้อย เดินไวมาก รูปร่างคล้ายหลวงพ่อปากคลองมะขามเฒ่า สมัยที่หลวงพ่อปากคลองยังแข็งแรงอยู่ คล้ายกันมาก? ตลอดจนการนั่งและสีผิว คือใหญ่โต? ค่อนข้างดำ สมัยก่อนเวลาจะไปไหนต้องเดินไป ท่านเดินเร็วมาก ถ้าหากผ่านหมู่บ้าน ชาวบ้านจะตักน้ำใส่โอ่งไว้เป็นโอ่งๆ ทีเดียว แล้วนิมนต์ท่านทำน้ำมนต์ให้ ชาวบ้านก็จะตักเอาไปแบ่งกัน
ท่านหลวงพ่อโตมีคุณวิเศษเหนือเกจิองค์อื่นอยู่อย่างหนึ่ง ท่านเป็นผู้ที่มีตบะแก่กล้า เท่าที่ผมเคยได้ยินมาแล้วนำมาเปรียบเทียบ? ท่านเป็นพระที่มีตบะแก่กล้าที่สุด? เท่าที่ผมเคยได้ยินและได้ฟังมา? เวลาวัดมีงานในสมัยก่อน อำเภอสรรคบุรี แม้ตำรวจก็ไม่สามารถดูแลความเรียบร้อยในงานได้ มักจะมีการจี้? ลักขโมย กันเป็นประจำ อีกอย่างหนึ่งคือกำลังของตำรวจมีน้อยด้วย? ทางวัดต่างๆ จึงต้องนิมนต์ท่านไปคุมงาน เวลาท่านมาท่านจะถือไม้อันหนึ่งเรียกว่า ไม้ขี้เตือก เป็นเศษไม้ไผ่? คนจะร้องบอกว่า หลวงพ่อโตมาแล้ว? เท่านั้นแหละคนที่ยืนอยู่จะนั่งลงยกมือไหว้ท่าน ยกท่วมหัวเลย เกรงอำนาจท่าน กลัวท่านว่า กลัวจะเป็นไปตามปากท่าน เพราะท่านเป็นพระที่มีวาจาสิทธิ์ กลัวท่านเอาไม้เคาะหัว? แล้วจะจัญไร อุปนิสัยเมื่อท่านมาแล้วต้องยกมือไหว้นี้ ติดจนเป็นนิสัย แม้บิดาผมเอง เมื่อพูดถึงหลวงพ่อโต? ต้องยกมือไหว้ก่อน จะมีน้ำตาคลอทุกครั้ง เช่น คุณลุงแล บ้านอยู่เดิมบาง เมื่อพบพระพิมพ์หลวงพ่อโตครั้งไหนแกต้องยกมือไหว้ ถ้าถามถึงหลวงพ่อโตด้วยละก็ยกมือไหว้อยู่นั่นแหละ มีน้ำตาคลอทุกครั้ง ยิ่งพวกคนเมาแล้วเข้าไปในวัดละก็ เวลาท่านมาแทบจะหายเมาทีเดียว ก้มกราบติดดินไม่ยอมเงยหน้าเลย
อภินิหารที่เกิดจากอาคม และวิปัสสนากรรมฐาน
หลวงพ่อโตเป็นพระที่พูดน้อยและมีวาจาสิทธิ์ชนิดเด็ดขาด อาคมแก่กล้ามาก? จะขอเล่าอภินิหารไว้ดังนี้
ทำกินไม่ทันเพื่อน
ในสมัยที่หลวงพ่อโตสร้างวัดท่านต้องไปเป็นผู้นำการก่อสร้างจริงๆ? สมัยที่ท่านยังแข็งแรงท่านถึงกับตัดต้นไม้เอง เลื่อยเอง ภายหลังเมื่อท่านอายุมากขึ้นท่านยังคุมการก่อสร้างเอง เมื่อท่านทำเสร็จท่านเห็นว่าเครื่องมือต่างๆ เช่น เลื่อย,? ตะไบ, สิ่ว ฯลฯ เป็นของวัด คงจะไม่มีใครลักเอาไป ท่านก็ไม่ได้เก็บ? วันหนึ่งพระลูกวัดได้มาบอกท่านว่า? เลื่อย, สิ่ว, ตะไบ, ขวาน ฯลฯ มีคนขโมยเอาไปหมดแล้ว ท่านได้เผลอพูดออกมาว่า ?ไอ้นี่ทำกินไม่ทันเพื่อน? ภายหลังขโมยคนนี้ได้ตกหลุมโคลาด (หลุมขนาดใหญ่ลึกท่วมหัวคน? แต่ก่อนขุดหาสมบัติ) ปรากฏว่าขาพิการทั้ง 2 ข้าง และได้ระลึกถึงความผิด ได้นำของที่ขโมยเอาไปคืนหลวงพ่อ ชาวบ้านแถววัดรู้เรื่องนี้ดี? ขโมยคนนี้ชื่อ เกลี้ยง ภายหลังขาพิการ ชาวบ้านเรียกแกว่า
?เป๋เกลี้ยง?
เอาแต่หลังเดียว
ครั้งหนึ่ง กลางเดือน 4 มีงานฉลองหอระฆังที่วัดวิหารทอง ทางวัดได้จุดพลุตะไลสมโภชฉลอง เกิดตะไลไม่พุ่งขึ้นฟ้า กลับพุ่งข้ามแม่น้ำน้อยไปตกบนหลังคาบ้านผู้ใหญ่โต๊ะ? ซึ่งมุงด้วยแฝกและได้เกิดไฟไหม้ขึ้น? กรรมการวัดได้รีบไปบอกหลวงพ่อบนกุฏิ หลวงพ่อโตได้ลงมาดู ท่านเห็นไฟไหม้บ้านท่านใช้ผ้าแดงโบก 3 ครั้ง แล้วพูดว่า ?เอาแต่หลังเดียว?? ปรากฏว่าลมได้หวนกลับและไฟก็ดับได้เอง โดยไม่มีใครดับ ซึ่งแปลกมาก? ถ้าลมไม่หวนกลับไฟต้องไหม้หมดทั้งหมู่บ้าน วันรุ่งขึ้นท่านได้ซื้อบ้านฝาไม้สัก? หลังคามุงกระเบื้องอย่างดี ใช้ให้ผู้ใหญ่โต๊ะ
เดี๋ยวมันก็กลับมาเอง
ครั้งหนึ่งมีคนร้ายกระตุกสายสร้อยคอในบริเวณวัดของท่าน? เจ้าของได้ไปบอกหลวงพ่อโต หลวงพ่อท่านพูดว่า ?ไม่หาย มันเอาไปไม่ได้? สักพักใหญ่คนร้ายได้วิ่งเข้ามาในวัดและเอาสายสร้อยมาส่งคืนให้เจ้าของ เข้าใจว่าคนร้ายไม่สามารถหาทางออกจากวัดได้? หรือไม่ก็งงงวย? วิ่งกลับเข้ามาในวัดอีก
อีกครั้งหนึ่ง ท่านไปคุมงานที่วัดโพธิ์ทอง คนที่มาเที่ยวสมัยก่อนถ้าไม่เดินมาก็ขี่รถจักรยานมา คนที่มาเที่ยวงานคนหนึ่ง เมื่องานเลิกได้เข้าไปบอกกับหลวงพ่อโตว่ารถจักรยานหาย หลวงพ่อโตได้พูดว่า? ?เดี๋ยวมันก็ขี่กลับมาเอง? และได้บอกให้ชายคนนั้นนั่งคอย ปรากฏว่าประมาณครึ่งชั่วโมงขโมยได้ขี่จักรยานเข้ามาในวัด กรรมการวัดได้ล้อมจับตัวนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ? สมัยก่อนนั้นจักรยานคันหนึ่งมีค่ามากมาย เทียบกับเงินสมัยนี้ก็คงจะพอซื้อรถจักรยานยนต์ได้คันหนึ่ง? เรื่องนี้ท่านคงทำให้ขโมยงงงวยขี่รถวนกลับเข้ามาในวัด
กินวัวท่าน
สรรคบุรีสมัยก่อนทำนาไม่ค่อยได้นิยมเลี้ยงวัวกันมาก วัวตัวไหนพิการไม่ดีก็มักจะนำไปถวายวัด? หลวงพ่อโต สมัยที่ท่านมาสร้างโบสถ์วัดดงคอน ก็เช่นกัน มีคนนำลูกวัวพิการมาถวายท่าน ภายหลังได้ออกลูกหลายตัว ชาวบ้านบางคนนิสัยไม่ดีได้ทุบวัวท่านแล้วเอาเนื้อมาแบ่งกันกิน ปรากฏว่าคืนวันที่สามไฟได้ไหม้บ้านชาวบ้านที่เอาเนื้อวัวท่านมากิน ตกสิบกว่าหลังคาเรือน เรียกว่าบ้านไหนกินเนื้อวัวท่านไฟไหม้ทั้งหมด บ้านไหนไม่ได้กินแม้ว่าจะอยู่ตรงกลางก็ไม่ไหม้ เรื่องนี้ท่านรู้แต่ท่านไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ชาวบ้านที่ถูกไฟไหม้รู้ดีทุกคนว่าเกิดจากไปกินเนื้อวัวท่านนั่นเอง ผมว่าถ้าท่านพูดอะไรออกมาอาจจะหนักกว่านี้ก็ได้
สะเดาหวาน
หลวงพ่อโตเคยได้รับตำแหน่งเจ้าคณะแขวงตำบลบ้านเชี่ยน? อ.หันคา ภายหลังท่านได้ลาออก? ท่านพูดว่า ?กูเป็นไอ้โตพระธรรมดาๆ ดีกว่า? และได้นำพัดยศไปคืน ขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งอยู่นั้นท่านได้รับนิมนต์ให้มาบูรณะวิหารหลวงพ่อโต วัดบ้านเชี่ยน? สมัยก่อนต้องเดินไป ท่านได้เดินจากวัดและมาฉันเพลที่หมู่บ้านถ้ำเข้? ต.วังไก่เถื่อน อ.หันคา ขณะที่ท่านจะฉันเพล ท่านเห็นว่าอาหารคือกับข้าวจะไม่พอฉัน เพราะท่านมากับพระลูกวัด ท่านได้ให้พระลูกวัดไปเก็บสะเดา พระลูกวัดได้พูดว่า ไม่ขมแย่หรือครับสะเดา ท่านพูดว่า ?ไม่ขมหรอกน่ะ หวาน? พอพระลูกวัดเก็บมาแล้วลองฉันดู ปรากฏว่าไม่ขมจริงๆ? จืดสนิท ปัจจุบันสะเดาต้นนี้ยังอยู่? เจ้าของที่ไม่โค่น และคนทั่วไปเรียกสะเดาะต้นนี้ว่า ?สะเดาหลวงพ่อโต?
แต่ สำหรับคนที่ไม่เชื่อถือก็พูดว่า? สะเดาหวานเป็นสะเดาพันธุ์หนึ่งที่มีรสจืด แต่ก็แปลกที่สะเดาบริเวณเดียวกันต้นอื่นกลับมีรสขม บางคนก็พูดว่า วาจาหรือคำพูดของท่านศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก อย่าว่าแต่ต้นสะเดาเลย? ยิ่งกว่านี้ท่านก็ทำได้
เสือหว่าง
หลวงพ่อโตท่านเคยไปควบคุมการตัดไม้ในดงเขาเลาเทียน? อ.หันคา? เพื่อการก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ได้พบเสือหว่างกำลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่กวดมา เสือหว่างรู้ว่าหลวงพ่อโตมาควบคุมการตัดไม้ในดงนี้? จึงหนีมาทางนี้ เพื่อมาขอให้หลวงพ่อโตช่วย พอดีได้พบ เสือหว่างได้ก้มกราบที่เท้าขอให้หลวงพ่อโตช่วย? หลวงพ่อเห็นแก่สัตว์ผู้ยาก ได้ขอดผ้าส่งให้เสือหว่างโพกหัว แล้วสั่งว่า? ?อย่าสู้เขา? ด้วยอภินิหารทำให้เสือหว่างแคล้วคลาด ตำรวจยิงไม่ถูกและจับไม่ได้ ภายหลังเสือหว่างได้มอบตัวเป็นบุตรบุญธรรมของหลวงพ่อ ได้ช่วยเหลือในการตัดไม้ทำเสาศาลา? แม้ในงานประชุมเพลิงศพหลวงพ่อ? เสือหว่างก็มาร่วมเผาศพด้วย มีคนเห็นเสือหว่างโดยทั่วไป แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เห็นทั้งๆ ที่จ้องจะจับตัว เสือหว่างนี้เป็นเสือปล้นที่มีชื่อพอๆ กับ เสือฝ้าย เสือมเหศวร แต่คนไกลๆ คงจะไม่รู้จักและไม่เคยได้ยินชื่อเต็มๆ คงชื่อ สว่าง
ลูกนิมิตลงหลุมเอง
คนเก่ารุ่นบิดาผม, คุณลุงแล? คนบ้านเดิมบาง และทายกวัดเดิมบางรุ่นเก่าๆ เคยเล่าให้ผมฟังหลายคนตรงกัน เล่าว่า ในงานฝังลูกนิมิตพระอุโบสถที่หลวงพ่อโตสร้าง เช่น พระอุโบสถวัดบ้านเชี่ยน วัดดงคอน? ในงานวันสุดท้ายที่จะมีการผลักหรือฝังลูกนิมิตลงหลุม ท่านมักจะนิมนต์พระเพื่อนท่านคือ หลวงพ่อแบน? วัดเดิมบาง ปกติท่านไม่ลงให้ใคร ที่ท่านลงให้หลวงพ่อแบน เพราะหลวงพ่อแบนเป็นพระปฏิบัติมีเมตตาสูงมาก ท่านหลวงพ่อโตมักจะนิมนต์หลวงพ่อแบนไปสวดฝังลูกนิมิตเสมอ เล่ากันว่า หลวงพ่อโตและหลวงพ่อแบน ถ้าสวดคาถาจบลูกนิมิตจะกลิ้งลงหลุมได้เองโดยไม่ต้องผลัก นับว่าอัศจรรย์มาก
เลี้ยงจระเข้
ที่วัดดงคอน หลวงพ่อได้เลี้ยงจระเข้ไว้ตัวหนึ่ง โดยให้อยู่ในสระวัดบ้าง อยู่ใต้ถุนกุฏิบ้าง จระเข้ของหลวงพ่อเชื่องไม่ทำร้ายใคร กินข้าวสุกวัดเหมือนสัตว์เลี้ยงอย่างอื่น ตัวโต? คนแถววัดเขารู้ว่าเป็นจระเข้หลวงพ่อเขาก็ไม่ทำอะไรมัน เด็กๆ ชอบไปดูมาก? ชอบแหย่? ชอบเอาไม้เขวี้ยง? ปา? แม้ว่าจะเชื่องอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าลงน้ำละก็ให้ผมไปขี่หลังเล่นละก็ จ้างเท่าไรผมก็ไม่เอา ไม่หันไปมองด้วย
เวลามีงานวัดต้องไล่มันขึ้นมาจากสระ แล้วให้ไปอยู่ในคอกใต้ถุนกุฏิเพราะกลัวคนจะรังแกมัน และคนไกลๆ เขาอยากจะมาดูด้วย และต้องใช้น้ำในสระด้วย แต่บางครั้งมันก็ดื้อ? แม้จะเอาไม้แหย่ยังไงมันก็ไม่ยอมขึ้นจากสระ กรรมการวัดได้ขึ้นไปบอกหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านหยิบผ้าจีวรของท่านส่งให้ ท่านบอกให้เอาไปผูกปลายไม้แหย่ลงไปมันจะขึ้นเอง? กรรมการวัดได้เอาผ้าจีวรท่านผูกไม้แหย่ลงไป ปรากฏว่าจระเข้ท่านรีบวิ่งขึ้นจากสระทันที บางคนก็พูดว่ามันรู้ว่าหลวงพ่อให้มาตาม บางคนก็พูดว่าจระเข้มันกลัวผ้าแดง บางคนก็เชื่อว่าเป็นเพราะอภินิหาร หลวงพ่อก็พูดสวนกลับไปว่า ให้แกเอาผ้าแดงห่มแล้วลงไปตามมันในสระเอาไหม? คนที่พูดว่าจระเข้กลัวผ้าแดงก็เงียบไป? จระเข้ตัวนี้ชื่อ อีมิ่ง จระเข้นี้แปลกมีจิ๋มเหมือนของคนเลย
ไม่ชอบโจร
หลวงพ่อมีหลานชายคนหนึ่งชื่อ แดง ท่านรักมากได้เอามาเลี้ยงไว้ในวัด ท่านเคยเสกข้าวให้กินเป่าหัวให้ แต่หลานท่านไม่รักดี พอเริ่มโตเป็นหนุ่มใหญ่ได้มีนิสัยลักขโมยของชาวบ้าน ขโมยวัว ควาย เป็ด ไก่ เป็นที่เดือดร้อนกับชาวบ้านดงคอนทั่วไป? ภายหลังชาวบ้านได้ไปบอกท่าน? ท่านได้ตักเตือนแต่หลานท่านไม่เชื่อฟัง ภายหลังท่านได้ตัดขาดไม่นับว่าเป็นหลาน ใครจะทำอะไรขอให้ไม่ต้องเกรงใจท่าน วันหนึ่งหลานท่านได้ไปลักวัวเขา ถูกเจ้าทรัพย์ตีสลบ? ชาวบ้านนึกว่าตายเพราะตีจนตัวบวมไปหมด ได้แอบลากไปทิ้งไว้ในหลุมโคลาด (หลุมขนาดใหญ่ชาวบ้านขุดหาสมบัติ) พอวันรุ่งขึ้นปรากฏว่าฟื้นขึ้นมาไม่เป็นอะไรเลย
เรื่องที่หลานท่านเป็นขโมยนี้? ได้สร้างความสะเทือนใจให้ท่านมาก? ทำให้เกิดพระเครื่องที่มีความมหัศจรรย์ จนผมเองผู้เขียนไม่อาจบรรยายออกมาได้ พระเครื่องของท่านสามารถเตือนภัยได้ทุกองค์ คือถ้านำพระท่านไปขโมยของเขา เจ้าทรัพย์จะตื่น หมาจะเห่าชนิดเข้าบ้านไม่ได้ แม้ไม่มีหมาเจ้าทรัพย์ก็จะรู้ตัว? ถ้าเจ้าทรัพย์มีพระของท่านอยู่ขโมยก็จะขโมยของไม่ได้ เจ้าทรัพย์จะรู้ตัว
วัตถุมงคล
หลวงพ่อโตได้สร้างเครื่องรางไว้หลายชนิด เช่น ผ้ายันต์, เสื้อยันต์? ซึ่งดูง่ายมาก เพราะท่านเขียนเป็นภาษาไทยเพียง 9 ตัว คือ แถวบน? ท่านเขียนว่า นะโมพุทธายะ แถวล่างท่านเขียนว่า นะมะพะทะ แต่มีน้อยและหาดูยาก นอกจากนั้นท่านก็เคยสร้าง แหวนแขน และ ตะกรุด แต่ดูยากเพราะมีน้อยและไม่มีแบบแผนการดู นอกจากการได้มาด้วยการตกทอด ส่วนวัตถุมงคลท่านได้สร้างไว้ 4 แบบ 5 พิมพ์ ดังนี้คือ
1.? พระพิมพ์เนื้อทองเหลืองหล่อ
เป็นพระพิมพ์รูปพระพุทธยืน? ปางห้ามญาติ ทรงคล้ายสี่เหลี่ยม หูในตัว ด้านหลังโดยมากไม่มีจาร? เนื้อทองเหลือง สร้างประมาณ พ.ศ.2457 หายากมาก รูปแบบคล้ายพระพิมพ์เมืองสรรคบุรี คือ ยืนห้ามญาติ คนเมืองสรรค์มักเรียกพระพิมพ์นี้ว่า ปางห้ามลูกปืน พระพิมพ์นี้เคยเห็นมีของปลอม แต่หล่อได้ไม่เหมือน เช่าหากันแพง เพราะของมีน้อย
2.? พระพิมพ์เนื้อชินเงินผสมตะกั่ว
พระเนื้อนี้แบ่งออกเป็น 2 พิมพ์? คือ พิมพ์นั่ง และ พิมพ์ยืน พิมพ์นั่งรูปทรงคล้ายตัว ก. มีอักขระด้านข้าง 4 ตัว คือ ยอดศีล ได้แก่ พุทธะสังมิ? ใต้ฐานมีขอม 3 ตัว คือ มะอะอุ? ด้านหลังจารทุกองค์ พิมพ์ยืนจะเล็กกว่าพิมพ์นั่ง เป็นพระพุทธรูปยืนห้ามญาติแบบพิมพ์สรรค์ยืนบนฐานบัว? ด้านหลังมีจารทุกองค์เช่นกัน อายุการสร้างหลังจากสร้างเนื้อทองเหลือง? ประมาณปี พ.ศ.2460 ส่วนเนื้อนั้นคล้ายกับของหลวงพ่อปากคลองมะขามเฒ่ามาก มีคราบเก่าเห็นได้ชัด? มีสนิมไขสนิมขุม? ของปลอมมีมากและมีมานาน แต่ปลอมเนื้อได้ไม่เหมือน พระ 2 พิมพ์นี้จะพบมากกว่าพิมพ์อื่นๆ การเช่าหาหลักพันต้นๆ
3.? เหรียญพุทธลีลา
เหรียญรุ่นนี้รูปลักษณะภายนอกอยู่ในทรงใบเสมา หูในตัว ต่อด้วยห่วงเชื่อม ขอบด้านหน้าประดับด้วยลายกนกสวยงามมาก ตัวเหรียญบางมาก เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ไม่มีภาษาไทยบอกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สมัยก่อนมีการแหกหูแหกตากันเป็นประจำ
ด้านหลังเป็นยันต์อกเลา ยังไม่ปรากฏของปลอม เหรียญรุ่นนี้สร้างขึ้นหลังจากเนื้อชินเงินผสมตะกั่ว? สนนราคาแพงเช่นกัน
4.? เหรียญรูปท่าน
เป็นเหรียญปั๊มหูในตัว เนื้ออัลปาก้าเก่าแบบช้อนส้อมรุ่นเก่า? แก่ทองเหลืองเล็กน้อย เป็นรูปท่านครึ่งองค์ ด้านหน้าและด้านหลังไม่ได้บอกชื่อท่าน ไม่บอกชื่อวัด คือไม่ปรากฏภาษาไทยเลย ด้านหลังเป็นยันต์สี่เหลี่ยม? สรุปได้ว่าเหรียญท่านไม่ได้บอกภาษาไทยเลย สมัยก่อนมีการแหกหูแหกตากันเป็นประจำ
เฉพาะพิมพ์รูปเหมือนนี้ มีสนนราคาถึง 4-5-10,000 บาท และหายากมาก สร้างหลังจากเหรียญพุทธลีลา เหรียญรุ่นนี้มีการสร้างขึ้นใหม่ รูปแบบคล้ายคลึงมาก (เขาจะลบ พ.ศ.2514 ออก) สร้าง พ.ศ.2514? เนื้อทองแดงกะไหล่เงินขาว แต่ด้านหลังบอก พ.ศ. ไว้คือ พ.ศ.2514 จะเช่าหาระวังเจอรุ่นนี้เข้า
นอกจากพระเครื่อง 4 แบบ 4 พิมพ์นี้แล้ว สมัยท่านยังได้สร้างรูปถ่ายอัดกระจกรูปท่านไว้ด้วย รูปถ่ายนี้ท่านเคยถ่ายไว้เพียง 2 ครั้ง ภายหลังเมื่อมีการรื้อเจดีย์ยังได้พบพระเนื้อดินยืน, พระเนื้อชิน นั่ง-ยืน? และพิมพ์รูปท่าน หลังเตารีด บอกชื่อ และ พ.ศ. ไว้ชัดเจน แม้ตามเจดีย์คนตายถ้ามีการรื้อถอนก็จะพบพระพิมพ์ของท่านมากมาย แต่โดยมากจะเป็นพระลีลายืนและพระพิมพ์สรรค์? แสดงว่าในสมัยของท่าน ท่านชอบสร้างพระมาก
อภินิหารในวัตถุมงคล
1.?? ?ดิ่งพสุธา
นายรอด บ้านอยู่ห้วยกรด? อ.สรรคบุรี มีอาชีพขึ้นต้นตาลเอาน้ำตาล วันหนึ่งเกิดพลาดขึ้นมาได้ตกต้นตาลจากยอดลอยละลิ่ว มือกางตีนกางตกถึงพื้นดังเผละ? ปรากฏว่าลุกขึ้นมาได้ไม่เป็นอะไรเลย? ในตัวมีเหรียญอัลปาก้า รูปเหมือนเหรียญเดียว ซึ่งการตกต้นตาลนี้มี 2 กรณี คือ ตาย กับ พิการ แต่โดยมากตาย บางคนพูดว่า ท่านหลวงพ่อโตท่านสำเร็จวิชาหินเบา คือของหนักมาปะทะจะกลายเป็นเบา
2.?? ?หินเบา
นายแดง หรือ ประสิทธิ์ อิ่มเชื่ออยู่ เป็นคนบ้านเดียวกับผม เมื่อปีกว่าๆ มานี้ แกอ่านเจอว่าศูนย์สามแยกเกษตรมีเหรียญหลวงพ่อโตจำหน่าย แกจะไปเช่า บังเอิญ เฮียกวง เจ้าของศูนย์ไม่อยู่ แกเลยจ้างมอเตอร์ไซค์ไปที่ศูนย์ธนบุรีหรือไงนี่แหละผมไม่แน่ใจ ที่อยู่ตรงข้ามสมาคมแซ่ลิ้ม ปรากฏว่ามอเตอร์ไซค์คันของแกโดนรถฮีโน่ 6 ล้อ ชนแกอย่างจังชนตรงขา รถมอเตอร์ไซค์กระเด็นไปชนสะพาน คนขับรถเลือดทั้งตัว รถมอเตอร์ไซค์พังยับ นายแดงหลังจากโดนรถฮีโน่ชนขาแล้วยังกระเด็นออกไป หัวยังไปชนสะพานปูนดังโพละ หัวก็ไม่แตกเช่นกัน ในคอมีเหรียญพุทธลีลาเหรียญเดียว? แสดงว่าหลวงพ่อโตสำเร็จวิชาหินเบาจริงๆ ผมได้ถามแกว่าก่อนที่จะโดนรถชนไม่รู้ตัวบ้างหรือ แกบอกรู้เลยหนังตาเต้นตลอดเวลาที่ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ แกนึกแต่ว่าแค่เฉี่ยวๆ เท่านั้น เลยไม่ยอมลงรถ
3.?? ?เตือนภัย
เรื่องนี้เกิดกับ นายลิ้ม บ้านอยู่ตลาดเก่า ตลาดสรรคบุรี เป็นร้านทอง? ตลาดเก่านี้อยู่ใกล้กับวัดพระธาตุ? แกขายของและเลี่ยมทองด้วย ผมเคยเจอแกเกือบ 10 ปีมาแล้ว แกเล่าว่า เตี่ยแกเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อโต? เลยมีวัตถุมงคลหลวงพ่อโตเป็นเหรียญหล่อรุ่นแรก แกนับถือมาก? ถ้าแกไม่ได้คล้องคอแกจะเอาไว้ใต้หมอน บ้านแกสมัยก่อนมักจะมีคนมาจี้, ปล้น, งัดแงะประจำ เพราะเป็นร้านทอง แกบอกเวลามันมาทุกครั้งแกจะรู้ตัว ถ้าหมาไม่เห่าแกก็ตื่นเอง ถ้าไม่ตื่นเองก็นอนไม่หลับเฉยๆ? แม้เวลาเดินทางถ้าจะมีเรื่องโดนจี้มักจะมีเหตุบอกจนรู้ตัวทุกครั้ง เช่น ลูกร้องอ้อนตาม, ตาเขม่น, จิ้งจกร้องทั้งบ้าน บางครั้งหล่นลงมาใส่จนแกรู้ตัวเลิกไปนั่นแหละจึงจะไม่มีเหตุการณ์บอก แกรอดจากการถูกจี้ ปล้นนับครั้งไม่ถ้วน และไม่เคยโดนจี้เลย
อีกเรื่องหนึ่ง จ่าบุญชู เคยรับราชการ สภ.อ.หันคา สมัยเกือบ 10 ปีมาแล้ว แกเล่าให้ผมฟังว่า แกนับถือเพราะแกเคยไปล้อมจับเสือคนหนึ่ง แต่จะล้อมกี่ครั้งก็จับไม่ได้? เพราะเสือคนนั้นรู้ตัวทุกที เพราะจ่าเขามีพระหลวงพ่อโตใช้อยู่องค์หนึ่ง? พิมพ์ยืน เนื้อชิน แกได้ไปล้อมจับคนร้าย คนร้ายรู้ตัวทุกที แกเอะใจ? ครั้งหลังแกเลยถอดออกแขวนกิ่งไม้ไว้แล้วเข้าไปจับคนร้ายตอนเช้ามืด? ปรากฏว่าแกจับได้ ดีใจมากเอาตัวคนร้ายไปส่งโรงพัก ปรากฏว่าลืมพระพอกลับมาดูพระ ปรากฏว่าหายไปแล้ว
เอาอีกสักเรื่องหนึ่ง นายปทุม? คนบ้านเนินขาม ไปรบสงครามลาว? มี พระหลวงพ่อโต เนื้อชิน นั่ง ไปองค์หนึ่งพ่อให้มา ได้ไปลาดตระเวนปรากฏว่าข้าศึกรู้ตัวทุกครั้ง พอเจอกันก็ต่างคนต่างหนี แกเอะใจ ตอนจะไปลาดตระเวนใหม่ แกถอดพระหลวงพ่อโตออกแขวนกิ่งไม้แล้วไปลาดตระเวน ได้เจอกับข้าศึกและยิงข้าศึกตาย 3 คน ได้รับการชมเชย แกดีใจมาก กลับมาถึงแคมป์ปรากฏว่ามือดีลักหลวงพ่อโตเอาไปแล้ว
เอาอีกสักเรื่องน่า เรื่องสุดท้าย? เรื่องนี้ได้รับการบอกเล่าจาก มหาทองอยู่ ประภัทรสโร รักษาการเจ้าอาวาสวัดวิหารทอง เนื่องจากพระครูพิมพ์ไปสร้างศาลาที่วัดสนามชัย ท่านเล่าว่า ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านวัดนก ไม่ขอเอ่ยชื่อ ได้ไปลักเครื่องเขา เจ้าของได้เอาพ้อมครอบเครื่องเอาไว้ และเอาหมาพันธ์ุฝรั่งตัวเล็กๆ เฝ้าไว้ โดยให้นอนบนพ้อมอีกทีหนึ่ง ผู้ช่วยคนนี้คงจะไม่รู้ว่าพระหลวงพ่อโตไม่ให้เอาไปขโมย แกได้เข้าไปขโมยเครื่องเขากับเพื่อนปรากฏว่าหมาตื่น จะเข้าไปกี่หนก็ตื่น เห่าทุกครั้ง แกเลยให้เพื่อนอยู่ข้างนอก แกเอากระสอบไปครอบหมาแล้วอุ้มหมาออกมาทั้งๆ ที่เห่า แกเอาหมาออกมาทุบตายแล้วเข้าไปใหม่ เข้าไปแกะเครื่อง (เข้าใจว่าเครื่องรถไถ) คราวนี้แกได้ยินเสียงนกสับไกปืน 3 ครั้ง? แสดงว่ายิงไม่ติด แกได้วิ่งออกมา คราวนี้ยิงออก เขาใช้เหรียญรุ่นแรก
ความผูกพันในศิษย์อาจารย์
เกี่ยวกับผมเองกับท่านหลวงพ่อโต ท่านแปลกมาก ไม่ว่าผมจะเดือดร้อนอย่างไร บอกกับท่านท่านไม่เคยช่วยเหลือเลยสักครั้งเดียว แต่แปลกถ้าท่านจะช่วยเหลือท่านจะช่วยเอง? เช่นมาปลุกให้ตื่นเมื่อมีเหตุร้ายหรือมีภัย เป็นต้น พระเครื่องของท่านติดตัวผมมาสิบกว่าปี ช่วยให้รอดพ้นอันตรายนับครั้งไม่ถ้วน
คาถาแก้หลังสะดุ้ง
หลังสะดุ้งเกิดจากเส้นด้านหลังอักเสบหรือพลิก โดยมากเกิดกับคนมีอายุ ถ้าเป็นหลังสะดุ้งให้หาหมากมา 3 คำ คือ พลูป้ายกับปูน โดยถวายหลวงพ่อโต 1 คำ กินเอง 1 คำ (ถ้าคนอื่นมาวานให้รักษา) และเอาไปนอนทับอีก 1 คำ เวลากลางคืนให้ทับบริเวณที่หลังของคนเจ็บสะดุ้ง? ให้ภาวนาคาถาพร้อมทั้งระลึกถึงท่านหลวงพ่อโตว่า ?อมมะระกะโต? บอกกับหลวงพ่อโต หายกัน? ให้ภาวนาคาถานี้จนกระทั่งหลับไป? อาการหลังสะดุ้งของคนป่วยจะหายไป? แต่ห้ามเรียกร้องเงินทองนอกจากหมาก
ถ้าเป็นความกันแต่เราไม่ผิด ให้เขียนชื่อศัตรูลงในใบพลู แล้วเอาปูนป้ายทับ แล้วเอาไปนอนทับภาวนาคาถานี้เช่นกัน จะเลิกแล้วต่อกัน คาถานี้เป็นคาถาเกี่ยวกับจิต เข้าใจว่าให้ระลึกถึงท่าน ท่านจะสามารถช่วยเหลือได้นั่นเอง ถ้าจะเรียนไว้ก็จุดธูปบอกท่านเรียนกันได้เลย ถ้าเป็นความกันก็ใช้หมาก 3 คำ เช่นกัน
มรณภาพแล้วยังคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์
ที่วัดวิหารทอง เมื่อหลวงพ่อโตมรณภาพไปแล้ว ทางศิษย์และกรรมการวัดได้ปั้นรูปหลวงพ่อโตขึ้น? แบบรูปหล่อ โดยใช้ดินและผงวิเศษสีขาว ภายในบรรจุอัฐิของท่านที่รูปหล่อนี้ คนอำเภอสรรคบุรีและใกล้เคียงเมื่อมีเรื่องทุกข์ร้อนมักจะมาบอกกล่าวบนบานต่อ ท่าน แม้เมื่อมีการก่อสร้างเมรุขึ้น ยังนิมนต์ท่านเป็นประธานการก่อสร้าง
ครั้งหนึ่ง กรรมการวัดเงินหมด? มีเงินเหลือ 800 บาท ได้จุดธูปบอกท่านว่าเงินหมดแล้ว ขอให้ผู้มีจิตศรัทธานำเงินมาร่วมในการก่อสร้าง? ปรากฏว่าอีก 4 วันต่อมา มีผู้นำผ้าป่ามาทอด จำนวน 40,000 บาท โดยการนำของ นายสำราญ อ่ำบัว และชาวกรุงเทพฯ
อีกครั้งหนึ่งคือ วันที่ 18 พฤษภาคม? พ.ศ. 2529? เวลา 09.09 น. ทางวัดได้ขุดหลุมก่อสร้างเมรุ? โดย นายช่างสัมฤทธิ์ ไป๋งาม เป็นหัวหน้าควบคุมการก่อสร้าง ขณะขุดหลุมวางฐานมีเมฆฝนตั้งเค้ามืดครึ้มจะตกลงมา คณะกรรมการได้จุดธูปบอกหลวงพ่อขออย่าให้ฝนตก ปรากฏว่าเมื่อเมฆลอยมาใกล้ก็ฉีกออกเป็นสองทาง ฝนไม่ตกบริเวณวัดเลยแต่ไปตกที่อื่น เมื่อเทฐาน ตั้งเสา เทปูนฝ้าเสร็จประมาณ 10 วัน คนงานประมาณ 100 คน บ่นบอกว่าร้อนอบอ้าว คณะกรรมการวัดจึงจุดธูปบอกหลวงพ่อขอให้ฝนตก (ขอบ่อยเหลือเกิน) ประมาณ 15.00 น.? ของวันนั้น? ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก? คนงานต้องหลบฝนบนศาลาคลายร้อนได้ทันตา ขณะที่ดำเนินการก่อสร้างเมรุนี้ มีของหาย มีคนขโมยนาฬิกาแขวนบนศาลา, เหยือกน้ำ,? แก้วน้ำ, หม้อ, กระทะ ฯลฯ บนศาลาการเปรียญไป คณะกรรมการได้จุดธูปบอกหลวงพ่อขอให้ได้ของคืน? ปรากฏว่าขโมยได้นำของทั้งหมดใส่กล่องอย่างดีเอามาคืนไว้ที่ศาลาครบทุกรายการ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก
มรณะสัญญาณและมรณภาพ
หลวงพ่อโตได้ดูแลก่อสร้างโบสถ์ วิหาร และศาลาการเปรียญให้วัดต่างๆ จนกระทั่งอายุประมาณ 81 ปี หลวงพ่อมีดำริว่าจะบูรณะวัดมเหยงค์ ซึ่งอยู่ฝั่งเดียวกับวัดห่างออกไปทางเหนือประมาณครึ่งกิโลเมตร และมีดำริจะบูรณะวัดเรไลย์ ซึ่งอยู่คนละฝั่งแม่น้ำซึ่งเป็นวัดร้าง (ปัจจุบันเป็นวัดร้าง แทบไม่เหลือเนื้อที่ของวัดอยู่เลย อยู่หน้า ร.ร.อนุบาลสรรคบุรี) และที่วัดมเหยงค์นี้เอง คืนวันหนึ่งท่านเดินผ่านวัดมา ท่านได้มายืนพิจารณาเพื่อบูรณะวัด บังเอิญท่านปวดเบา พอท่านถ่ายปวดเบาเสร็จท่านก็เดินออกมาที่ถนน ซึ่งเป็นสวนของชาวบ้านด้วยอำนาจกรรมเก่า ทำให้ท่านตกลงไปในหลุมขวากที่เจ้าของสวนขุดหลุมดักขโมย พอท่านได้สติเท้าของท่านทั้ง 2 ข้างก็เหยียบลงที่ปลายขวาก ด้วยน้ำหนักตัวที่มากประมาณ 80 กิโลกรัมเศษ เท้าของท่านได้เหยียบขวากมิดถึงพื้นดิน ทำให้เท้าของท่านเป็นรองช้ำ แต่ขวากไม้ไผ่ไม่สามารถตำเท้าของท่านได้เลย แต่ก็ทำให้ท่านเดินไม่สะดวก และไม่ได้มาวัดมเหยงค์อีกเลย จนกระทั่งอายุ 82 ปี พรรษา 62 สามเณร 13 พรรษา เดือน 8 ปีมะโรง พ.ศ.2483 ท่านก็มรณภาพด้วยโรคชรา ยังความเศร้าโศกเสียใจต่อศิษย์เป็นอย่างสูง ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ 1 ปี ท่านได้นอนนั่งภาวนาอย่างเดียว เมื่อมีศิษย์มาขอวัตถุมงคลท่านจะพูดว่าวัตถุมงคลของท่าน เสือ, โจร, ขโมย จะเอาไปใช้ไม่ได้ผลเลย ให้ดูกูเป็นตัวอย่าง เพราะขโมยแท้ๆ จึงทำให้เจ้าของสวนเขาขุดหลุมขวากเพื่อกันขโมยกันทรัพย์สิน กูขอสาปแช่งไว้เป็นสัจจะวาจา
ทายาททางอาคม
หลวงพ่อโตมรณภาพด้วยโรคชรา? เพราะตรากตรำในการก่อสร้างและทำนุบำรุงพระศาสนาตลอดชีวิตท่าน? พออายุครบ 7 ขวบ ก็บวชเป็นสามเณรเลย นับว่าหาได้ยากมาก? ในสมัยที่พระครูพิมพ์เป็นเจ้าอาวาสวัดวิหารทอง ท่านได้สร้างเหรียญหลวงพ่อโตไว้ 1 รุ่น? และที่วัดดงคอน? (โคกดอกไม้) พระครูพร้าได้เคยสร้างเหรียญรูปท่าน แกะพิมพ์คล้ายของเดิม แต่เขียนว่า วัดดงคอน มีเซียนบางคนได้ขูดชื่อวัดออก และนำไปหลอกจำหน่ายเป็นเหรียญรุ่น 1? ปัจจุบันที่วัดดงคอนได้สร้างมณฑป (สร้างไว้หลายปีแล้ว) สร้างไว้ด้วยความเคารพ และตั้งใจสร้างสวยงามมาก เจ้าอาวาสชื่อพระครูพร้า มีศักดิ์เป็นหลานของท่าน? อายุประมาณ 80 ปีได้ ดูดวงชะตาพอได้ รดน้ำมนต์พอได้ ในอำเภอสรรคบุรีถ้ามีงานพุทธาภิเษกจะขาดท่านไม่ได้เช่นกัน วัตถุมงคลมีจำหน่ายบ้างเป็นครั้งคราว เช่น พระสมเด็จ, พระพิมพ์สรรค์ 9 คนแถววัดให้ความเคารพยำเกรงมาก
วัดดงคอนอยู่ห่างที่ว่าการอำเภอไม่ไกลนัก จะมีรูปหล่อของขุนสรรค์? วีรบุรุษแห่งลุ่มแม่น้ำน้อย เป็นผู้หนึ่งที่รวบรวมคนร่วมกับชาวบ้านบางระจันต่อสู้กับพม่า มีความศักดิ์สิทธิ์มาก แต่ทุกครั้งที่ผมผ่านไปผมอดสะเทือนใจไม่ได้ ?วีรบุรุษยามมีชีวิตอยู่ก็ต้องต่อสู้กับข้าศึก อดอยากลำบากมาก ยามเมื่อตายไปแล้วยังต้องมายืนตากแดดอีก? ผมว่าอย่างน้อยควรจะทำฉัตรกันแดดให้ท่าน? และขอสมมุติยุติประวัติและอภินิหารหลวงพ่อโตแต่เพียงนี้
ภาคผนวก
วัดวิหารทองนี้? เดิมมีที่ดิน 2 ฝั่ง? แม่น้ำ แต่ภายหลังได้ปรับพื้นดินฝั่งตะวันตกเพื่อก่อสร้างที่ว่าการอำเภอ? ได้พบพระพิมพ์ ทั้งเนื้อดิน, เนื้อชิน? และเนื้อว่าน บอกชื่อท่านและ พ.ศ. ที่สร้าง ในเจดีย์คนตายมากมาย แต่ที่ได้รับความนิยมมากคือ? เนื้อชินเงิน? ทั้งนั่งและยืน
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2540? ทางวัดได้ทำการรื้อศาลาหลังเก่า? ได้พบพระพิมพ์ปิดตา เนื้อผงสีขาว? โดยแอบซุกซ่อนไว้ที่หัวเสา โดยเจาะหัวเสาเอาไว้ เซียนพระมีความคิดเห็นตรงกันว่า ผงอิทธิเจสีขาว? หลวงพ่อโตคงจะได้มาจากหลวงพ่อปากคลองมะขามเฒ่า แล้วหลวงพ่อโตได้สร้างเป็นพระปิดตาขึ้นโดยผสมทรายเสก เมื่อผงยุบตัวทรายเสกเลยผุดให้เห็น พระชุดนี้แตกกรุออกมาประมาณ 500 องค์ แต่แทนที่จะได้เงินจำหน่ายเป็นทุนในการก่อสร้าง? แต่กลับเป็นว่าใครมือยาวสาวได้สาวไป
วัตถุมงคลอีกแบบหนึ่งที่หลวงพ่อได้รับนิมนต์ปลุกเสกและไม่ได้กล่าวเอาไว้ คือ เหรียญรูปพระพุทธรุ่นแรก คือ เหรียญหลวงพ่อหินเขื่อน? (เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท) หลวงพ่อได้ร่วมกันปลุกเสกกับหลวงพ่อปลื้ม วัดสังฆาราม อีกองค์หนึ่งจำไม่ได้เสียแล้ว
คาถาขอดชายผ้า
หลวงพ่อโตเคยขอดชายผ้าให้เสือหว่าง ขณะหนีตำรวจ คาถานี้ผมได้เรียนและถ่ายทอดเอาไว้ ใครจะเรียนให้จุดธูป, ดอกไม้, ธูป, เทียน? ใส่พานขอเรียนต่อหน้ารูปถ่ายท่าน? จะขอด 3 ขอด 5 ขอด 7 ขอด ก็ได้? แต่ต้องขอดแบบพิรอด คาถาว่าดังนี้
?นะอุตตะรังปิจะ (3 จบ)
นะใยยะนะ พระอะ
ระหังพุทโธ นะโม
พุทธายะ?
YOU MUST BE LOGGED IN TO REPLY TO THIS TOPIC!