เมื่อสร้างพระเสร็จแล้วก็ปลุกเสกและบรรจุ ไว้ในโอ่งขนาดใหญ่ ตั้งไว้ทั้งสี่มุมของพระอุโบสถและหน้าพระประธาน สืบต่อมาได้มีคนหยิบไปบูชา ซึ่งทางวัดก็มิได้หวงห้ามแต่ประการใด ปรากฏว่ามีผู้ได้รับประสบการณ์ต่างๆ ก็มีชาวบ้านในแถบนั้นและใกล้เคียงมาขอหยิบเอาพระไปบูชาบ้าง แต่ก็ไม่ได้หวงห้ามเช่นกัน ต่อมาเกิดคำเล่าลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านสระบุรีและลพบุรีต่างก็มาขอบูชาไปจากวัด จนกระทั่งพระนางวัดเวียงที่บรรจุอยู่ในโอ่งร่อยหรอและหมดไปในที่สุด
ในระยะต่อมาที่หน้าพระอุโบสถ มีเจดีย์เก่าแก่อยู่สององค์ ซึ่งชำรุดทรุดโทรมไปตามสภาพ เด็กๆ แถววัดได้ขึ้นไปเล่นกันบนเจดีย์ และพบว่ามีรอยชำรุดเป็นโพรง และพบพระนางพญาวัดเวียงจึงนำไปให้ผู้ใหญ่ดู ทางวัดจึงได้เปิดกรุนำพระนางพญาวัดเวียงออกมาได้อีกจำนวนหนึ่ง ประมาณกันว่าสัก 3,000 องค์เห็นจะได้ พระที่แตกกรุในครั้งนี้จะมีคราบนวลกรุบางๆ จับอยู่ ซึ่งแตกต่างจากพระที่บรรจุในโอ่งที่จะไม่มีคราบกรุ
พระที่พบทั้งสองครั้งนั้นจะเป็นพระพิมพ์ เดียวกัน เนื้อเดียวกัน คือเป็นเนื้อดินเผาที่มีกรวดทรายปนอยู่ในเนื้อพระ ในส่วนของพิมพ์จะเป็นพระประทับนั่งปางสมาธิ และก็จะมีอยู่หลายพิมพ์แต่ก็คล้ายๆ กันมาก แยกพิมพ์คร่าวๆ เป็นพิมพ์ฐานยาว และพิมพ์ฐานสั้น ในด้านความนิยมจะนิยมพิมพ์ฐานยาวมากกว่าพิมพ์ฐานสั้น จากพุทธศิลปะของพระนางพญาวัดเวียงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพระที่สร้างในปลาย สมัยกรุงศรีอยุธยา หรือต้นกรุงรัตนโกสินทร์
พุทธคุณของพระนางพญาวัดเวียงจะเด่นทางด้าน อยู่คง และแคล้วคลาดท่านต้องเป็นสมาชิกที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น