




ปิดตารุ่นแรกท้องอุ เนื้อผงว่านผสมน้ำนมควาย หลวงพ่อเขียว วัดหรงบล จ.นครศรีธรรมราช พ.ศ. 2510
พ่อท่านเขียว
 เกิดปี พ.ศ. 2424 อุปสมบทที่วัดคงคาวดีเมื่ออายุได้ 22 ปี 
ท่านศึกษาวิชากับสำนักพ่อท่านเอียด วัดหรงบน ซึ่งเชี่ยวชาญวิปัสสนา 
คาถาอาคม อักขระโบราณต่าง ๆ พ่อท่านเป็นพระคงแก่เรียน 
ปฏิบัติพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด มีอาจารย์ดีหลายท่านถ่ายทอดวิชาอาคมให้ 
พ่อท่านเขียวออกธุดงค์ จาริกตามป่าเขาในเขตภาคใต้จนถึงปี 2459 
ท่านกลับไปวัดหรงบนแต่อาจารย์เอียดมรณภาพไปแล้ว 
ชาวบ้านจึงอาราธนาท่านขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดหรงบน 
ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ยุคเดียวกับอาจารย์นำ วัดดอนศาลาและพ่อท่านคลิ้ง 
วัดถลุงทอง 
ซึ่งทั้งสามท่านได้รับนิมนต์ร่วมในงานปลุกเสกวัตถุมงคลของหลวงปู่เพิ่มที่ 
วัดกลางบางแก้วในปี 2513 
เกียรติคุณของพ่อท่านเขียวยิ่งโด่งดังเมื่อท่านมรณภาพแล้ว (ปี 2519) 
ทางวัดทำพิธีฌาปนกิจท่านแต่ปรากฏว่าเผาแล้วร่างท่านไม่ไหม้ไฟ 
แม้กระทั่งจีวรเก็บไว้ก็ไม่เน่าเปื่อยกลายเป็นหินเป็นความมหัศจรรย์จากความ 
ศักดิ์สิทธิ์ของพ่อท่านเขียว
พ่อท่านเขียว วัดหรงบน 
สมัยท่านมีชีวิตอยู่คนไม่ค่อยจะรู้จัก 
เคยอ่านพบในหนังสือเล่มหนึ่งว่าตอนที่ท่านมาปลุกเสกพระกริ่งพุทธชัยศรีที่ 
วัดกลางบางแก้วช่วงที่นั่งพักผ่อน 
ญาติโยมที่ไปร่วมงานไม่มีใครสนใจท่านเพราะไม่เป็นที่รู้จัก 
แต่พระดังๆในสมัยนั้นคนรุมล้อมเพียบ
คนที่เขียนบทความนั้นก็ไม่รู้จักท่านแต่ได้เข้าไปถามท่านว่ามาจากไหน
 ท่านบอกว่ามาจากวัดหรงบน ท่านได้มอบรูปหล่อให้ด้วย 
ตอนท่านอยู่ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักในวงแคบ 
วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์มากมายในพื้นที่ แต่ไม่มีการประชาสัมพันธ์ 
จนหลังจากท่านมรณภาพไปแล้วก็ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ท่านมาดังเอาจริง 
ๆจัง ๆก็ตอนงานฌาปนกิจศพของท่าน 
หลังจากท่านมรณภาพแล้วศพของท่านไม่เน่าเปื่อย กลับแข็งเป็นหิน 
พอถึงวันฌาปนกิจ ศพของท่านเผาไฟไม่ไหม้ แม้แต่จีวรห่อศพก็ไม่ไหม้ 
เป็นที่อัศจรรย์ ทางวัดจึงเก็บสรีระของท่านเอาไว้ให้คนไปกราบไหว้ 
นอกจากสังขารของท่านจะไม่เน่าเปื่อยแล้ว 
เล็บและผมของท่านงอกยาวออกมาเรื่อยๆ ต้องได้ปลงทุกปี
วัตถุมงคลอย่างหนึ่งที่ท่านได้สร้างเอาไว้
 องค์นี้ก็คือ พระปิดตา 
ซึ่งสร้างเพื่อแจกแก่ผู้มาร่วมทำบุญในงานก่อเจดีย์ทรายของวัดหรงบนในปี 2510
 พ่อท่านเขียวได้มอบผงวิเศษให้ลูกศิษย์นำไปผสมกับมวลสารอย่างอื่น เช่น ว่าน
 เกสรดอกไม้ ดินกรุ ชันโรง ชานหมาก เส้นเกศา ฯลฯ 
โดยนำมวลสารมาคลุกเคล้าให้เข้ากันโดยมี "น้ำนมควาย" 
เป็นตัวผสมช่วยในการประสานเนื้อพระ โดยในครั้งนั้นได้พระจำนวนมากพอสมควร 
จากนั้นท่านได้ปลุกเสกเดี่ยวตลอด 15 คืน แล้วนำออกแจกในงานก่อเจดีย์ทราย 
เมื่อปี 2510 พระปิดตารุ่นนี้ส่วนมากเนื้อหาจะแก่ว่านและผงมาก 
มีหลายโซนสีทั้งสีออกแดง ,เทา สีใบลานผิวไขหว่านขาว ๆ 
นอกจากนี้ในคราวเดียวกัน 
พ่อท่านเขียวก็ได้สร้างพระปิดตาด้วยเนื้อตะกั่วลงถม ขนาดเท่านิ้วก้อย 
อีกด้วยจำนวนการสร้างก็พอ ๆ กับเนื้อว่านผสมชานหมาก
ว่าไปแล้วชาวบ้านทางใต้
 เขานิยมใช้พระปิดตาของท่าน 
มากกว่าเหรียญกับรูปเหมือนของท่านเสียอีกเพราะท่านพูดเสมอๆ 
ว่าเหรียญกับรูปเหมือนเป็นของที่คนอื่นทำมาให้ท่านปลุกเสก 
สู้ของที่ท่านทำเอง สร้างเองไม่ได้ ประสบการณ์ก็ดีครบทุกด้าน 
ตั้งแต่เมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาด คงกระพัน มหาอุตม์
ท่านบอกวันมรณะภาพให้ศิษย์และพระในวัดรู้
 แต่ก็ไม่มีใครสนใจกันนัก คงจะลืม 
แล้วท่านก็จากไปด้วยความสงบเมื่อเผาร่างของท่านเป็นชั่วโมง ๆ 
ไฟที่จุดนั้นไม่ลุกติดจีวรของท่านเลยแสดงถึงบุญอภินิหาร 
และท่านฉันว่านยาเป็นนิจ 
ทำให้ร่างกายของท่านเผาไม่ไหม้ไฟปัจจุบันร่างท่านแข็งเป็นหินไปแล้วพระสงฆ์ 
ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ขนาดว่ามรณะภาพแล้วเผาไฟก็ไม่ไหม้ 
นานไปร่างก็แข็งเป็นหินอีก ในประเทศไทยมีกี่รูปกันครับ
ภาณุภัณฑ์ พระเครื่อง เชิญที่นี่ >>>  https://www.siam-pra.com/shop/Ting_sathu
ท่านต้องเป็นสมาชิกที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น