!!!!วัดใจกันค่ะ 29บาทค่ะ!!!!เหรียญหลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร รุ่นฉลองอายุ 7 รอบ 84 ปีค่ะ

ปิด สร้างโดย: กัสจัง  (4652)

วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร พระอารามหลวงชื่อดังแห่งฝั่งธนบุรี ไม่เพียงเลื่องลือระบือไกลด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของ “พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อโต(ซำปอกง)” ซึ่งมากด้วยอภินิหารเท่านั้น

ทว่าอดีตเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ ล้วนมากมีไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทั้งสายวิปัสสนากรรมฐาน และวิทยาคมที่สูงส่ง หนึ่งในนั้นก็คือ พระสุนทรสมาจาร (พรหม อินทโชติ) หรือ “เจ้าคุณพรหม” พระเกจิอาจารย์ที่เก่งทางวิชาอาคม ขลัง เจ้าของ พระปรกใบมะขามอันลือลั่นสนั่นกรุง

ท่านมีศิษย์เอกองค์สำคัญที่สร้างชื่อเสียง และความเจริญให้แก่วัดกัลยาณ์อย่างมากคือ “พระครูโศภณกัลยาณวัตร” หรือสมญานามที่บรรดาศิษย์กล่าวขานถึงด้วยความเคารพว่า “หลวงปู่เส่ง โสภโณ”

แม้ ท่านจะ อยู่ในฐานะพระลูกวัด แต่มีผู้คนให้ความเคารพศรัทธามากมาย เนื่องจากต่างเชื่อมั่นในวิชาความรู้ที่ท่านได้รับการถ่ายทอดจากเจ้าคุณพรหม อีกทั้งเลื่อมใสในความเป็นพระผู้มากด้วยเมตตาบารมีโดยแท้ ท่านมรณภาพไปเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2526 รวมสิริอายุได้ 92 ปี 7 เดือน 4 วัน นับพรรษาได้ 72 พรรษา รวมเวลากว่า 20 ปีแล้ว แต่ความเลื่อมใสศรัทธาในคุณงามความดีของท่าน ไม่เคยจางหายไปจากจิตใจของชาวบ้าน

หลวงปู่เส่งเกิด เมื่อวันศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 2434 ที่บ้านย่านปากคลองตลาด เขตพระนคร กทม. เป็นบุตรของนายเพี้ยน และนางแดง นามสกุล “เปี๊ยนสู่ลาภ” มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 3 คน ท่านเป็นคนโต สมัยที่ยังเยาว์วัย วัดกัลยาณมิตรซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับปากคลองตลาด มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังรูปหนึ่งมีบารมีทางธรรมสูงและมีความเชี่ยวชาญทาง ด้านพระวิปัสนาธุระ – วิทยาคม คือ “พระสุนทร สมาจาร (พรหม)” เมื่อครั้งยังเป็นพระครูพินิต วิหารการ

กิตติคุณทางไสยศาสตร์ของท่าน เป็นที่เคารพศรัทธาของมหาชนจำนวนมาก จึงต่างพากันมาขอของดีและฝากตัวเป็นศิษย์ มีทั้งระดับชาวบ้านธรรมดาและชาววัง อาทิ พระยาศิริชัยบุรินทร์, พระยาสิงหเสนีย์ , พระยาสุรเทพศักดิ์ , พระยามนตรีสุริยวงศ์ และขุนหลวงพระยาไกรสีห์ (เปล่ง เวภาระ) เป็นต้น

โยมบิดา มารดาของหลวงปู่เส่ง ก็เป็นอีกครอบครัวหนึ่งที่พากันมาฝากตัวเป็นสานุศิษย์ในท่านเจ้าคุณพระสุนทร สมาจาร (พรหม) ทำให้ท่านได้ติดสอยห้อยตามเข้าวัด อยู่บ่อยครั้ง อาศัยที่ท่านมีใจฝักใฝ่ในทางธรรม – รักความสงบชอบความสันโดษ จึง เกิดความพอใจความสงบวิเวกภายในบริเวณวัด โดยมีคำบอกเล่าต่อๆมาว่า ท่านมักจะหนีออกจากบ้านข้ามฟากมาวัดกัลยาณ์บ่อย ๆ เพื่อหนีสภาพความความสับสนวุ่นวายในย่านปากคลองตลาด

บางครั้งก็แอบไป นั่งสมาธิทำความสงบในป่าช้าคนเดียว ซึ่งป่าช้านั้นติดอยู่กับด้านหลังของคณะ 4 อันเป็นที่พำนักของท่านเจ้าคุณพระสุนทรสมาจาร (พรหม) ในขณะนั้น บิดามารดาเห็น ว่าท่านไม่มีอุปนิสัยไปในทางค้าขาย ใฝ่ใจไปในทางธรรม จึงนำบุตรชายไปมอบถวายตัวเป็นสานุศิษย์ของเจ้าคุณพรหม

กระทั่ง อายุ 14 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร และอุปสมบทเมื่ออายุ 21 ปี ตรงกับปีพ.ศ.2455 ณ วัดกัลยาณมิตร โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์ ธมฺมสิริ) วัดอรุณราชวราราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระธร รมเทศาจารย์ (มุ้ย ธมฺมปาโล) วัดราชโอรสาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสุนทรสมาจาร (พรหม) วัดกัลยาณมิตร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า “โสภโณ”

สำหรับ ตำแหน่งสมณศักดิ์ เดิมได้รับตำแหน่งเป็นพระฐานานุกรมในท่านเจ้าคุณพระสุนทรสมาจาร (พรหม) เป็นพระปลัด พ.ศ.2493 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท(จปร.) ที่ “พระครูโศภณกัลยาณวัตร” และอยู่ในสมณศักดิ์เดิมตราบจนสิ้นอายุขัย

ตลอดระยะ เวลาที่ดำรงตำแหน่งพระปลัดนั้น หลวงปู่เส่งได้มีส่วนช่วยท่านเจ้าคุณพรหม ในด้านการพัฒนาต่าง ๆ เพราะพระอาจารย์ของท่านนอกจากจะเป็นพระเถระที่ทรงคุณธรรมในด้านพระวิปัสสนา ธุระและวิทยาคม ยังเป็นพระนักพัฒนารูปสำคัญอีกด้วย

สิ่งที่ท่านเจ้า คุณพรหม สร้างสรรค์ไว้และได้กลายมาเป็นอนุสรณ์อันสำคัญยิ่งก็คือ การที่จัดหล่อระฆังใบใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2474 ซึ่งต่อ มาปรากฏตามหลักฐานประวัติศาสตร์ของกรมศิลปากรได้จารึกไว้ว่า “เป็นระฆังใบใหญ่ที่สุดในประเทศไทย”

ภายหลังจากที่ท่านเจ้าคุณพรหมมรณภาพลงในปี พ.ศ. 2476 หลวงปู่เส่งได้รับภาระการสร้างต่อจนเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2478 ทำพิธีนำระฆังไปประดิษฐานและฉลองเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2478 โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า เสด็จเป็นองค์ประธาน

เนื่องจากท่านใช้เวลาส่วนมากในการช่วยงานพระอาจารย์พัฒนาวัด จึงไม่มี เวลาไปศึกษาทางด้านปริยัติธรรมอย่างจริงจัง ต้องอาศัยเวลาในยามว่างเล่าเรียนธรรมและวิทยาคมจากท่านเจ้าคุณพรหม แต่เป็นการเรียนเพื่อรู้ ไม่ได้เข้าสอบไล่ในสนามหลวงเอาใบประกาศวุฒิบัตร จึงเป็นไปในลักษณะเรียนรู้หลักธรรมเล่านั้น เพื่อที่จะได้นำมาปฏิบัติได้ถูกต้องตามขั้นตอนของพระพุทธศาสนา กล่าวคือ ปริยัติ – ปฏิบัติ – และปฏิเวธ

ส่วนทางด้านวิปัสสนาธุระและวิทยาคมนั้น เข้าใจว่าท่านเจ้าคุณพรหมคงจะถ่ายทอดให้หมด เพราะท่านเป็นสานุศิษย์เพียงองค์เดียว ที่อยู่ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดตลอดมา แต่เนื่องด้วย อุปนิสัยที่สุขุมนุ่มนวลของท่าน ไม่ชอบโอ้อวด ไม่ค่อยแสดงออก จึงไม่เป็นที่เปิดเผยเท่าไรนัก

ทั้งนี้ปฏิปทาของหลวง ปู่เส่งจะหนักไปในทาง “เมตตาธรรม” เป็นหลักใหญ่ ดังจะเห็นได้จากการที่ใครมีทุกข์เดือดร้อนเมื่อบากหน้ามาหา ท่านก็ไม่เคยปฏิเสธความช่วยเหลือกับใครเลย ถ้าขอ เป็นเงินท่านก็ให้เป็นเงินสงเคราะห์ไป ถ้าขอเป็นสิ่งของท่านก็ให้เป็นสิ่งของ บางรายที่ได้ทราบว่าท่านคือศิษย์ก้นกุฏิของท่านเจ้าคุณพรหม ผู้เรืองวิทยาคม ก็จะพากันมาขอรับน้ำมนต์ – น้ำพร ท่านก็ไม่เคยขัดศรัทธา ฉลองศรัทธาทำให้ทุก ๆรายไป

นานวันเข้า คำเล่าลือในความศักดิ์สิทธิ์จากน้ำพระพุทธมนต์ที่หลวงปู่เส่งปลุกเสกก็แผ่ ออกไปในวงกว้างมากขึ้นทุกที จึงมีมหาชนเป็นจำนวนมากแห่กันมาตั้งแต่เช้าจนกระทั่งเย็น ถึงยามวิกาล ทำให้ท่านเป็นพระเถระที่ทรงวิทยาคมขลังไปในทางปลุกเสก น้ำพระพุทธมนต์บัวลอย ปล่อยเคราะห์ไปโดยเหตุดังที่กล่าวมา

สาเหตุที่ เรียก "น้ำพระ พุทธมนต์บัวลอย" ปล่อย เคราะห์ ก็เพราะ ว่าผู้ที่ต้องการน้ำมนต์-น้ำพรจาก หลวงปู่เส่งจะต้องนำดอกบัวขาว 3 ดอกเทียนขาว 1 เล่ม มาให้หลวง ปู่เส่งท่านทำพิธีปลุกเสกให้ที่บาตรน้ำมนต์ แล้วท่านจะรด "น้ำพระพุทธมนต์บัวลอย" นั้นให้ เสร็จแล้วท่านก็จะให้ดอกบัวขาว 2 ดอกนั้นๆแก่ผู้ที่นำมา นำดอกบัวขาวที่หักก้านออกแล้ว 1 ดอกไปลอยลงในแม่พระคงคาเพื่อปล่อย เคราะห์เป็นอันเสร็จพิธี

สำหรับ วิทยาคมด้านอื่น ๆ เนื่องจากท่านเป็นพระสมถะที่ไม่ค่อยแสดงออก จึงมักปรากฏผลและทราบก็แต่เฉพาะผู้ที่ท่านสงเคราะห์ไปให้เป็นราย ๆเท่านั้น นอกจากนี้ ท่านได้ใช้เวลาว่างทำผ้ายันต์แจกศิษย์ โดยเขียนลงบนผืนผ้าสี่เหลี่ยมจัตุรัสจารอักขระขอมและยันต์ต่าง ๆ ด้วยมือของท่านเองทุก ๆผืน

ส่วนวัตถุมงคลที่ท่านสร้างแจกแก่บรรดา ศิษย์ทั่วไปในวาระต่างๆ มีพระสมเด็จ ปางสมาธิเนื้อผง พิมพ์ทรงฐาน 5 ชั้น,พระหลวงพ่อโตปางมารวิชัย เนื้อดินเผา พระนาคปรกเมล็ดข้าวเม่าหรือ ใบมะขามเนื้อทองแดง-ทองเหลือง, พระเกษทองคำปางสมาธิ เนื้อเมฆพัตร พระพิมพ์ ขุนแผนปางมารวิชัย เนื้อผง และผ้ายันต์รูปสี่เหลี่ยม กว้างและยาวด้านละ 9 นิ้ว เหรียญรูปเหมือน มีรูปแบบและขนาดแตกต่างกันไป เช่น เหรียญรูปไข่ เนื้อทองแดง,เนื้อทองแดงชุบนิกเกิล,เหรียญรูปใบเสมาเนื้อทองแดง,เหรียญรูป อาร์มเนื้อทองแดง เงิน และทองคำ(ฉลองอายุ 80 ปี) เหรียญรูปไข่ (เหรียญ 2 หน้า) เนื้อทองแดงรมดำ ลักษณะคล้ายเหรียญเจ้าคุณพรหม

วัตถุมงคลของท่าน กล่าวขานกันว่า ทรงคุณวิเศษทางเมตตามหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาดจากสรรพภัยทั้งปวง และเป็นที่หวงแหน-เสาะหาในหมู่ลูกศิษย์อยู่เสมอ

เหลือเวลา
รายการปิดแล้ว!

วันที่เริ่ม February 15, 2020 05:41:55
วันที่ปิดประมูล February 22, 2020 02:24:47
ราคาเปิด9
เพิ่มครั้งละ20
ธนาคารกรุงเทพ (สมุทรปราการ) ,

เขี้ยวฉลาม

ผู้เสนอราคาล่าสุด

49

ราคาล่าสุด


ความคิดเห็นจากผู้ขาย


+1 Auto Feedback


กัสจังMarch 22, 2020 02:28:00

ความคิดเห็นจากผู้ซื้อ


+1 Auto Feedback


เขี้ยวฉลามMarch 22, 2020 02:28:00

รายละเอียดเพิ่มเติม

ความเห็นจากเพื่อนสมาชิก

ประวัติการประมูล

ประวัติการเสนอราคา

ชื่อสมาชิก/วันที่เสนอราคา เสนอ

ประวัติการเสนอราคา

เหลือเวลา
รายการปิดแล้ว!


ต้องการเข้าร่วมประมูล !

ท่านต้องเป็นสมาชิกที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น