พระเนื้อดินเผา พิมพ์เม็ดบัว หลวงพ่ออ๋อย วัดไทร บางขุนเทียน กทม(สวยเดิม)

ปิด สร้างโดย: pire2499   (9684)

เหลือเชื่อ “สารวัตรกำนัน” ถูกคนร้ายลอบยิง วันที่ : 20 ธันวาคม 2551 รอดตายเพราะแขวน “หลวงพ่ออ๋อย วัดไทร” “เหนือลิขิต? ประกาศิตฟ้าดิน?” วันนี้ขอนำท่านผู้อ่านไปพบกับเรื่องราวหนึ่งของ “สารวัตรกำนัน” ผู้หนึ่งซึ่งถูก “คนร้าย” ดักสังหารด้วยอาวุธปืนแบบ “เผาขน” แต่กระสุนปืนทั้ง “ลูกซอง” และ “ลูกโม่.38” กลับไม่สามารถทำให้ “สารวัตรกำนัน” ผู้นี้ตายดับแต่ประการใดและหลังเกิดเหตุแล้ว “สารวัตรกำนัน” เชื่อว่าเป็นเพราะอานุภาพแห่งวัตถุมงคลของ “หลวงพ่ออ๋อย วัดไทร” ที่เขาพกพาโดยแขวนติดคอเป็นประจำช่วยไว้เป็นแน่แท้ เนื่องจากขณะเกิดเหตุก็มีเพียงวัตถุมงคลของ “หลวงพ่ออ๋อย” เท่านั้นโดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กันยายนปี 2526 นี้เอง พร้อมกับเกิดขึ้นกับสารวัตรกำนัน “สุรินทร์ อยู่เย็น” ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ดูแลความสงบสุขให้กับชาวบ้าน “โดยขณะเกิดเหตุ “สารวัตรกำนันสุรินทร์” มีเพียง “พระเครื่อง” ที่เป็น “พระเนื้อว่านสีแดงพิมพ์สี่เหลี่ยมปรกโพธิ์” ซึ่งเป็นวัตถุมงคลที่ “หลวงพ่ออ๋อย” แห่ง “วัดไทรบางขุนเทียน” สร้างขึ้นโดยวันนั้นเวลาประมาณ 4 ทุ่มเศษขณะ “สารวัตรกำนัน” กำลังเดินกลับบ้านหลังออกตรวจท้องที่ตามที่ปฏิบัติเป็นประจำแต่ระหว่างทาง ได้พบเห็น “ผู้ชาย 2 คน” ถลันออกมาจากเงามืดข้างทางที่เป็นดงป่ารกทึบเข้าขวางหน้าห่างออกไปประมาณ 5-6 เมตร และพอถลันออกมาขวางหน้าแล้ว “ชายคนแรก” ก็ชักปืนลูกซองสั้นที่บรรจุลูกกระสุน “เบอร์12” แบบยิงได้นัดเดียวลักษณะเหมือนปืนเถื่อนทั่วไปและไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรพอ ชักปืนออกมาแล้วก็ยิงใส่ “สารวัตรกำนัน” เลยทันทีโดยที่สารวัตรกำนันไม่ได้ตั้งตัวใดๆก็ได้ยินเสียงปืนดัง “เปรี้ยง” ขึ้นและพอสิ้นเสียงปืนกระสุนนัดนั้นพุ่งเข้า “ช่องท้อง” ของสารวัตรกำนันอย่างแม่นยำผลก็คือ “สารวัตรกำนัน” ผงะถอยหลังไปสองสามก้าวตามแรงกระสุนปืนพร้อมเกิดอาการ “เสียวแปลบ” ไปทั้งตัวชั่วครู่จึงเอื้อมมือขวาเพื่อชักปืนออกมายิงตอบทว่ามือขวาเกิด อาการ “ชา” ยกไม่ขึ้นขณะนั้น “ชายอีกผู้หนึ่ง” ก็ชักปืนสั้นชนิด “ลูกโม่.38” ขึ้นมายิงซ้ำเมื่อเห็น “สารวัตรกำนัน” ถูกยิงอย่างจังแต่ยังยืนจังก้าโดยไม่เป็นอะไรเลยแต่แทนที่จะได้ยินเสียงปืน “ลูกโม่.38” แผดเสียงดังกลับได้ยินเพียงเสียงสับไกปืนดัง “แชะ...แชะ...แชะ” สามครั้งติดกันเท่านั้นเนื่องจากปืนลูกโม่ “กระสุนไม่ลั่น” เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น “สารวัตรกำนัน” จึงใช้มือซ้ายชักปืนออกมาเพื่อยิงตอบโต้แต่ยังไม่ทันได้ยิงชายทั้งสองที่ เป็น “คนร้าย” เห็นเช่นนั้นจึงวิ่งหนีหลบเข้าข้างทางหายลับไป “สารวัตรกำนัน” ที่ช่วงนั้นรู้สึกเสียวแปลบที่ลำตัวจึงใช้มือลูบท้องตัวเองก็พบว่ามี “เลือดแดงฉาน” เป็นขณะที่ชาวบ้านได้ยินเสียงปืนจึงออกมาดูได้ช่วยนำ “สารวัตรกำนัน” กลับบ้านเข้าบ้านแล้วช่วยถอดเสื้อสำรวจเนื้อตัวก็พบว่ามี “ลูกกระสุนปืนลูกซอง” ฝังอยู่ตามผิวหนังบริเวณ “หน้าท้อง” และ “หน้าอก” เพียงเล็น้อยส่วนที่แขนขวาก็มีลูกปืนฝังอยู่ 2 เม็ดจึงทำให้แขนข้างนั้น “ชา” ชักปืนไม่ได้จากนั้นชาวบ้านจึงใช้มีดแกะเอา “ลูกกระสุนปืนออก” ก็สามารถแกะออกได้อย่างง่ายๆเพราะกระสุนฝังไม่ลึกนั่น เองระหว่างนั้น “สาร วัตรกำนัน” ก็สำรวจดู “พระเนื้อว่านสีแดง” ที่แขวนคออยู่เพียงองค์เดียวเท่านั้นโดยเลี่ยมพลาสติกปิดหมดทั้งด้านหน้าและ ด้านหลัง ซึ่งขณะนั้นมีคราบเลือดจากรอยกระสุนที่หน้าอกเกาะติดพลาสติกเล็กน้อยซึ่ง ปัจจุบัน “สารวัตรกำนัน” ไม่ยอมล้างออกโดยบอกว่าจะเก็บไว้เป็น “ที่ระลึก” ตามภาพที่ผู้เขียนถ่ายมายังปรากฏแผลให้เห็นตาม ผิวหนัง ที่ หน้าท้อง และ หน้าอก พร้อม แขนขวา ที่ยังเป็นแผลเพราะขณะถ่ายภาพนี้ “สารวัตรกำนัน” เพิ่งจะถูกยิงได้เพียง 2วันจึงใช้ผ้าปิดไว้เพื่อป้องกันเชื้อโรค และหลังจากฟังเรื่องราวที่ถูกยิงแล้วผู้เขียนมีความสงสัยอยู่ไม่น้อยจึงถาม ไปว่า “นัดแรกที่คนร้ายยิงใส่ทำไมจึงลั่น?” “สารวัตรกำนัน” อึ้งไปชั่วขณะก่อนก็ตอบว่า “ยิงออกแต่ไม่เข้านะ เพราะมันแค่ฝังตามผิวเท่านั้นแสดงว่าหลวงพ่อในคอ คุ้มครองจริงๆ เพราะใน 3 นัดหลังที่ยิงไม่ออกนั้น ผมก็ยังไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะ “ลูกด้านหรือไม่” แต่คงเป็นไปได้ยากที่ลูกปืนจะด้านติดๆ กันทั้ง 3 นัด” นอกจาก “สารวัตรกำนันสุรินทร์” แล้วยังมีอีกเรื่องที่เป็นประสบการณ์ของผู้ใช้ เหรียญ “หลวงพ่ออ๋อย” คือ “นายสะอาด พรายเพ็ชร” ที่มี “เหรียญรุ่นแรกหลังยันต์” แต่ได้ทำหายไปทั้งที่ “นายสะอาด” หวงมากและอาราธนาพกติดกระเป๋าเสื้อเป็นประจำโดยวันหนึ่งได้ทำหล่นตกลงไปใน “คลองบางขุนเทียน” ตรงบริเวณหน้าบ้านจึงใช้ตะแกรงร่อนเผื่อจะได้คืนนานนับชั่วโมง แต่ก็หมดหวังจึงได้แต่เสียดายเหรียญนั้นกระ ทั่งต่อมาอีก 1 ปีขณะ “นายสะอาด” นั่งล้างชามอยู่ที่บันไดริมน้ำตรงที่ทำเหรียญตกหล่นไปเมื่อปีที่แล้วก็พบ เห็น “ลูกปลาดุกขนาดเขื่องตัวหนึ่ง” ว่ายน้ำตรงเข้ามาหาเขาที่ท่าน้ำโดยไม่มีทีท่าหวาดกลัว “นายสะอาด” เลยซึ่งผิดวิสัยของปลาทั่วไปสร้างความสงสัยให้ “นายสะอาด” ยิ่งจึงจับจ้องมองลูกปลาดุกตัวนั้นตาไม่กระพริบ กระทั่งเมื่อลูกปลาดุกว่ายเข้ามาใกล้เขาก็มองเห็นที่ปากของมันคาบสิ่งของมา ด้วย “นายสะอาด” จึงใช้ชามค่อยๆ ช้อนลูกปลาดุกตัวนั้นขึ้นมาดูก็พบเห็นสิ่งของที่อยู่ในปากของ “ลูกปลาดุก” ด้วยความอัศจรรย์ใจพร้อมกับขนลุกซู่ขึ้นมาทันทีเพราะสิ่งของที่อยู่ในปากลูก ปลาดุกนั้นก็คือ “เหรียญรุ่นแรกหลังยันต์” ที่เขาทำตกน้ำเมื่อปีที่แล้วนั่นเองเมื่อเห็นเช่นนั้น “นายสะอาด” จึงหยิบเหรียญนมาพิจารณาอีกทีครั้นแน่ใจว่าเป็นเหรียญที่เขาทำตกน้ำไป จึงยกขึ้นมือพนมเหนือศีรษะพร้อมรำลึกถึง “หลวงพ่ออ๋อย” จากนั้นนำลูกปลาดุกตัวนั้นไปเลี้ยงอย่างดีเพราะเขาประจักษ์ชัดแล้วว่าเป็น เพราะบารมีของ “หลวงพ่ออ๋อย” ที่บันดาลให้ลูกปลาดุกคาบเหรียญมาให้เขา ส่วนทางด้านประวัติของ “หลวงพ่ออ๋อย” มีนามเดิมว่า “อ๋อย ถาวรวยัคฆ์” เป็นชาว อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โดยกำเนิดโดยเกิดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2413 บิดา-มารดาชื่อ “นายเสือ-นางสำริด” ในวัยเด็กได้เข้าเรียนหนังสือไทยที่ “วัดนางสาว” โดยเรียนรู้อัก ษรไทยสมัยเก่าแค่อ่านออกเขียนได้คล่อง จึงกลับไปช่วยงานทางบ้านกระทั่งอายุย่างสู่ปีที่ 26 จึงอุปสมบท ณ วัดนางสาว เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2439 โดยมี “หลวงพ่อเกิดวัดนกกระจอก” เป็นอุปัชฌาย์ได้รับฉายาว่า “ยโส” โดยสมัยนั้นมีพระที่บวชวัดเดียวกันซึ่งต่อมาได้เป็นสหายทางธรรมที่สนิทสนม กันคือ “หลวงพ่อคง” หลังจากจำพรรษาอยู่ที่วัดนางสาวได้ 1 พรรษา จึงย้ายไปจำพรรษาที่ “วัดไทร บางขุนเทียน” เพื่อทำการ ศึกษาค้นคว้าพระธรรมวินัยอันเป็นข้อปฏิบัติของสงฆ์ พร้อมทั้งร่ำเรียนอักษรขอมแล้วจึงหันมาสนใจ การศึกษาด้านพุทธาคมเวทมนต์คาถา กระทั่งเชี่ยวชาญและต่อมาได้เป็นสหายทางธรรมกับ “หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ” และมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมากจึงไปมาหาสู่กันเป็นประจำโดย “หลวงพ่อรุ่ง” จะเดินทางมาหา “หลวงพ่ออ๋อย” ที่ “วัดไทร” เป็นประจำพร้อมค้างแรมครั้งละหลายคืนเสมอเพราะ “พระคณาจารย์” ผู้เป็นสหายทางธรรมมักจะมีการแลกเปลี่ยนวิชากันนั่นเองเนื่องจาก “หลวงพ่ออ๋อย” เองเป็นชาวกระทุ่มแบนอันเป็นเขตที่ “วัดท่ากระบือ” ของ “หลวงพ่อรุ่ง” พระคณาจารย์ทั้งสองจึงชอบพอกันเป็นพิเศษประกอบกับ “หลวงพ่ออ๋อย” โด่งดังด้าน “ยาสัก” โดยใช้ “สมุนไพร” สักลงบนผิวหนังเพื่อ “รักษาโรคภัยไข้เจ็บ” ให้ชาวบ้านหายขาดอยู่เสมอจึงมีชื่อเสียงโด่งดังมาก นอกจากนี้ยังได้เป็น เจ้าอาวาสวัดไทร พร้อมได้รับพระ ราชทานสมณศักดิ์เป็น “พระครูถาวรสมณวงศ์” และมรณภาพโดยความสงบขณะมีอายุ 89ปี เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2501 ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 11 ปีจอจุลศักราช 1320 (ขอบคุณภาพถ่ายจากนิตยสารลานโพธิ์ หลวงพ่ออ๋อย มีนามเดิมว่า อ๋อย ถาวรวยัคฆ์ เป็นชาว อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โดยกำเนิดโดยเกิดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2413 บิดา-มารดาชื่อ นายเสือ-นางสำริด ในวัยเด็กได้เข้าเรียนหนังสือไทยที่ วัดนางสาวโดยเรียนรู้อักษรไทยสมัยเก่าแค่อ่านออกเขียนได้คล่อง จึงกลับไปช่วยงานทางบ้านกระทั่งอายุย่างสู่ปีที่ 26 จึงอุปสมบท ณ วัดนางสาว เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2439 โดยมี หลวงพ่อเกิดวัดนกกระจอก เป็นอุปัชฌาย์ โดยสมัยนั้นมีพระที่บวชวัดเดียวกันซึ่งต่อมาได้เป็นสหายทางธรรมที่สนิทสนม กันคือ หลวงพ่อคง หลังจากจำพรรษาอยู่ที่วัดนางสาวได้ 1 พรรษา จึงย้ายไปจำพรรษาที่ วัดไทร บางขุนเทียน เพื่อทำการ ศึกษาค้นคว้าพระธรรมวินัยอันเป็นข้อปฏิบัติของสงฆ์ พร้อมทั้งร่ำเรียนอักษรขอมแล้วจึงหันมาสนใจ การศึกษาด้านพุทธาคมเวทมนต์คาถา กระทั่งเชี่ยวชาญและต่อมาได้เป็นสหายทางธรรมกับ หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ และมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมากจึงไปมาหาสู่กันเป็นประจำโดย หลวงพ่อรุ่ง จะเดินทางมาหา หลวงพ่ออ๋อย ที่วัดไทร เป็นประจำพร้อมค้างแรมครั้งละหลายคืนเสมอเพราะ พระคณาจารย์ ผู้เป็นสหายทางธรรมมักจะมีการแลกเปลี่ยนวิชากันนั่นเองเนื่องจาก หลวงพ่ออ๋อย เองเป็นชาวกระทุ่มแบนอันเป็นเขตที่ วัดท่ากระบือ ของ หลวงพ่อรุ่ง พระคณาจารย์ทั้งสองจึงชอบพอกันเป็นพิเศษประกอบกับ หลวงพ่ออ๋อยโด่งดังด้าน ยาสักโดยใช้ สมุนไพร สักลงบนผิวหนังเพื่อ รักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ชาวบ้านหายขาดอยู่เสมอจึงมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ทั้งนี้ การรักษาโรคด้วยยาสักมีเคล็ดอยู่ว่า ถ้าใครไม่ขอร้องให้รักษา จงอย่าขันอาสารักษาให้น้ำมันมนต์ของท่านช่วยชีวิตคนที่เป็นโรคห่า (อหิวาตกโรค)ไว้มากมาย ข้าวสารเสกเลื่องลือมาก หากใครได้กินจะร่ำเรียนปัญญาดี คนบางขุนเทียนสมัยนั้นนิยมกันมาก แม้แต่คนกรุงเทพฯยังเอาไปให้ท่านเสกกันเป็นจำนวนมาก ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านเสกทรายใส่ถุงเล็กๆแจกจ่ายทหารและชาวบ้านให้ไปพกติดตัว ปรากฏว่าไม่เป็นอันตรายเลย เป็นเรื่องเล่าขานกันมาจนทุกวันนี้ สมเด็จพระสังฆราช(แพ) วัดสุทัศน์ เลื่อมใสมาก เวลาสร้างพระกริ่งและปลุกเสกคราวใดจะต้องนิมนต์ท่านมาด้วยทุกครั้งพลังจิต ของท่านกล้าแข็งมาก สามารถเสกใบมะขามเป็นตัวต่อแตนได้ และเสกสิ่งของวัตถุมงคลอย่างใด ก็ล้วนแต่ขลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก หลวงพ่ออ๋อยท่านสร้างพระด้วย เนื้อดินเผา และเนื้อผงผสมว่านยา ซึ่งเป็นว่านยาที่ท่านใช้ในการสักด้วย

เหลือเวลา
รายการปิดแล้ว!

วันที่เริ่ม October 18, 2019 09:20:03
วันที่ปิดประมูล October 19, 2019 13:51:14
ราคาเปิด50
เพิ่มครั้งละ50
ธนาคารทหารไทย (เดอะมอลล์3รามคำแหง) , ทหารไทย (เดอะมอลล์3รามคำแหง) , กสิกรไทย (วงเวียนสระแก้วลพบุรี) ,

Welcome

ผู้เสนอราคาล่าสุด

100

ราคาล่าสุด


ความคิดเห็นจากผู้ซื้อ


ได้รับแล้วครับ บริการเยี่ยม ไว้ใจได้ ไม่มีผิดหวัง


WelcomeOctober 29, 2019 14:38:19

ความคิดเห็นจากผู้ขาย


+1 Auto Feedback


pire2499November 19, 2019 13:58:00

รายละเอียดเพิ่มเติม

ความเห็นจากเพื่อนสมาชิก

ประวัติการประมูล

ประวัติการเสนอราคา

ชื่อสมาชิก/วันที่เสนอราคา เสนอ

ประวัติการเสนอราคา

เหลือเวลา
รายการปิดแล้ว!


ต้องการเข้าร่วมประมูล !

ท่านต้องเป็นสมาชิกที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น