รูปเหมือนปั๊ม พระครูไพโรจน์ศาสนกิจ (หลวงพ่อพลับ) รุ่นแรก ปี2504 วัดราษสโมสร อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส หนึ่งในพระเครื่องที่ท่านได้จัดสร้างขึ้นโดยหลวงพ่อพลับ อินทโชโต ตามนิมิตความฝันจึงเป็นที่มาของชื่อ พระพุทธนิมิต
พระไพโรจน์นราธิคุณ(พลับ อินทโชโต) วัดราษฎร์สโมสร อ.รือเสาะ อดีตเจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส เกิด วันอาทิตย์ที่ ๑๘ มีนาคม ๒๔๓๖ มรณะภาพเมื่อ ๙ กันยายน๒๕๑๔ ศพไม่เน่าเปื่อยแข็งเป็นหิน แต่น่า เสียดายกรรมการวัดมีมติให้เผา หลวงพ่อเรียนคาถาอาคมหลายสำนักมีอาจารย์หลายองค์ แต่องค์ที่คนทั่วไปรู้จักกันมากๆคือ ๑.หลวงพ่อครน วัดบางแซะมาเลเซีย ๒.หลวงปู่นาค วัดหัวหิน ประจวบฯ ๓.หลวงพ่อเชย วัดท่าควาย สิงห์บุรี วัดราษฎร์สโมสร ถือได้ว่าเป็นวัดประจำอำเภอที่มีประวัติศาสตร์น่าสนใจ และควรศึกษามากมาย แต่ได้รับการเผยแพร่สู่สาธารณชนไม่มากนัก วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๘ โดยได้รับการบริจาคที่ดินจาก ขุนอุปการประชากร เจ้าอาวาสองค์แรกคือ หลวงพ่อพลับ อินทโชโต ซึ่งต่อมาท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ในพระราชทินนามว่า พระไพโรจน์นราธิคุณ เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส พระไพโรจน์นราธิคุณ(พลับ อินทโชโต) วัดราษฎร์สโมสร อ.รือเสาะ อดีตเจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส เกิด วันอาทิตย์ที่ ๑๘ มีนาคม ๒๔๓๖ มรณะภาพเมื่อ ๙ กันยายน๒๕๑๔ ศพไม่เน่าเปื่อยแข็งเป็นหินแต่น่าเสีย ดายกรรมการวัดมีมติให้เผา หลวงพ่อเรียนคาถาอาคมหลายสำนักมีอาจารย์ หลายองค์ แต่องค์ที่คนทั่วไปรู้จักกันมากๆคือ ๑.หลวงพ่อครน วัดบางแซะ มาเลเซีย ๒.หลวงปู่นาค วัดหัวหิน ประจวบฯ ๓.หลวงพ่อเชย วัดท่าควาย สิงห์บุรี ฯลฯ เท่าที่ผมรู้ท่านชอบฉันท์น้ำโค๊กกับขนมโคและชอบดูหนังตลุง ซึ่งเป็นที่มาของค่านิยมการแก้บนหลวงพ่อพลับด้วยขนมโคและฉายหนังตลุง ภายหลังจากที่ท่านมรณภาพ เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๑๔ พุทธศาสนิกชน ชาวรือเสาะได้ร่วมกันสร้างศาลามณฑปขึ้นในปี ๒๕๑๙ เพื่อประดิษฐานรูปเหมือน ของท่าน ซึ่งท่านได้หล่อขึ้นด้วยทองแดงไว้ ตั้งแต่ปี ๒๕๐๔ และพุทธศาสนิกชนทั่ว ไปให้ความเคารพสักการะมาตราบจนทุกวันนี้ ปัจจุบันวัดราษฎร์สโมสร ยังคงเป็น จุดศูนย์รวมของเหล่าพุทธศาสนิกชน ทั้งในอำเภอรือเสาะ และอำเภอใกล้เคียง รวมถึงพุทธศาสนิกชนประเทศเพื่อนบ้าน เช่นประเทศมาเลเซีย ต่างพากันมาเยี่ยม ชมและสักการะบูชาอยู่เสมอ ภายใต้การต้อนรับดียิ่งจาก พระครูวรปัญญาประยุต (เจ้าคณะตำบล) เจ้าอาวาสวัดราษฎร์สโมสร องค์ปัจจุบัน พระพุทธราษฎร์ (หลวงพ่อโต) สร้างขึ้นภายในปี ๒๔๙๕ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ปางสมาธิ ประดิษฐานในวิหารครอบใหญ่ ถือได้ว่าเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ปั้นโดยนายช่างจากบ้านช่างหล่อ บางกอกหน้อย กรุงเทพฯ พระพักตร์แบบพิมพ์ พระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก ข้อมูลเพิ่มเติม คุณย่าผมเคยเล่าให้ฟังว่าภายใน พระพุทธราษฎร์ได้บรรจุพระธาตุ ซึ่งพระธาตุจะอยู่ภายในขันขนาดเล็กลอยอยู่ใน อ่างน้ำมนต์ขนาดใหญ่ ส่วนพระธาตุหลวงพ่อพลับได้รับมาจากประเทศอินเดีย วิหาร เป็นวิหารประดิษฐานพระพุทธราษฎร์ (หลวงพ่อโต) มีลักษณะทาง สถาปัตยกรรมอันงดงามยิ่ง บริเวณทางเข้าประตูด้านหน้ามีปูนปั้นรูปพระยม และ พระอินทร์ ยืนเฝ้าประตู ส่วนประตูด้านหลัง มีท้าวเวฬุวัน และอาฬวกยักษ์ ยืนเฝ้าประตูอยู่เช่นกัน ตรงมุมเชิงบันไดทั้งสี่ด้านมีรูปปั้นสิงโตประดิษฐานในท่ายืน ด้านละหนึ่งตัว ซึ่งมีความพิเศษและพิสดารยิ่ง เพราะสามารถฉี่และกรนได้ กล่าวได้ ว่าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่น่าสนใจ โบราณวัตถุ เก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ซึ่งหลวงพ่อพลับได้จัดสร้างขึ้น ตั้งอยู่ภายใน พระวิหารหลวงพ่อโต มีวัตถุโบราณเก่าแก่คู่บ้าน คู่เมือง ประมาณ ๕๐๐ ชิ้น แต่ละชิ้นมีอายุนับร้อยปี ประกอบด้วยวัตถุโบราณสมัย ทรารวดี ศรีวิชัย ลพบุรี อยุธยา อุโบสถ เป็นอุโบสถเก่าแก่คู่กับวัดราษฎร์สโมสร ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทาง พุทธศาสนาสำหรับพระสงฆ์ ภายในอุโบสถมีพระพุทธรูปเก่าแก่ประดิษฐานเป็นองค์พระประธาน แป๊ะก๋ง ซำปอกงสร้างขึ้นพร้อมวัดราษฎร์สโมสร ในปีพ.ศ.๒๔๖๘ เป็นที่เคารพสักการะของชาวไทยเชื้อสายจีนในอำเภอรือเสาะและ อำเภอใกล้เคียง แป๊ะก๋ง ซำปอกง องค์จริงสร้างด้วยกระเบื้องกวางไส และได้ถูกโบกทับเอาไว้ภายใน โดยหลวงพ่อพลับได้รับมอบองค์แป๊ะก๋ง มาจากชาวจีน ซึ่งนำมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ และในศาลแป๊ะก๋งมีครกหิน โบราณอายุกว่า๒๐๐ปีตั้งอยู่
