หลวงปู่ทองดำบริกรรมคาถา ปลุกเสกและประพรมน้ำมนต์.
น้ำมนต์....เป็นของศักดิ์สิทธิ์...!!
......ในทางวิทยาศาสตร์ โมเลกุลของน้ำมีประสิทธิภาพในการดูดซับ มงคลพิธีต่างๆ ไม่ว่าในทาง พุทธหรือพราหมณ์ จึงมีการเอาน้ำเข้าร่วมในพิธีกรรม ความขลังจากบทสวดหรือคาถานั้นๆ ส่งผลให้มวลน้ำมีพลังตามความหมายของบทคาถา ด้วยคุณสมบัติของโมเลกุลน้ำ จึงเรียกว่า..... “น้ำมนต์”
ในพุทธตำนาน....สมัยพุทธกาลได้เกิดโรคร้ายระบาดในชมพูทวีป ผู้คนเดือดร้อนล้มตายเป็นจำนวนมาก พระพุทธองค์ทรงสวดพระปริตทำน้ำมนต์ประพรมไปทั่วปริมณฑล ทำให้โรคภัยนั้นมลายหายไปสิ้น......
....ล่วงลุมาเกือบ 26 ศตวรรษ ความศักดิ์สิทธิ์ ยังจารึก!!!
คติความเชื่อ......ได้แผ่ขยายเป็นวงกว้างและสืบสานในสังคมไทยมาเป็นเวลาเนิ่นนาน จากอดีตอันไกลโพ้นถึงปัจจุบัน แม้คาบเวลาจะเข้า สู่ยุคไฮเทคแล้ว......ความศรัทธาก็ยังไม่ล่าถอย
ต่อความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำมนต์จะขนาดไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าพิธีนั้นจะมีพลังเข้มขลังเพียงใด ถ้ามีฌานสมาบัติสูงก็เข้มขลังมีพลังมงคล เมื่อดื่ม กิน อาบ พรม จะบังเกิดผลขับไล่สิ่งเลวร้าย เจ็บป่วยไข้ ดลบันดาลให้เป็นสิริมงคล มีโชคมีลาภ...ฯลฯ
หรือ.....แม้แต่การสร้างวัตถุมงคล นอกจากจะเข้าพิธีกรรมปลุกเสกตามตำราแล้ว ยังเอาวัตถุมงคลลงแช่ในน้ำมนต์ เพื่อให้มงคลพลังนั้นซึมซับเข้มขลังฝังลึกในเนื้อ
หลวงปู่ทองดำ อินทวังโส เจ้าอาวาสถ้ำตะเพียนทอง ตำบลห้วยขุนราม อำเภอพัฒนานิคม ลพบุรี ในฉายาอริยสงฆ์แห่งทุ่งทานตะวัน ก็ได้นำคติความเชื่อนี้มาใช้กับการสร้างวัตถุมงคลรุ่นเจริญพร 80 เพื่อเป็นอนุสรณ์
หลวงปู่ทองดำ อินทวังโส เกิดที่อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2475 ในครอบครัวของชาวนา หลังเรียนจบชั้นประถม ก็ออกมาช่วยทางบ้านทำนา เลี้ยงวัวเลี้ยงควายจับปลาหาหอยตามอัตภาพ
อายุ 22 ปีจึงเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อุป-สมบทที่วัดสมอ เริ่มชีวิตในเพศบรรพชิตเรียนนักธรรม แล้วจึงหันไปทางพระเวท สมัครเป็นศิษย์ หลวงพ่อมุม อินทปัญโญ วัดปราสาทเยอร์เหนือ
ถือว่าเป็นพระอาจารย์คนแรก
แล้ว.....เรียนวิชาสักยันต์ ปฏิบัติภาวนากรรม-ฐาน กับพระอาจารย์ทองสุข วัดบ้านเพชร ซึ่งถือว่าเป็นเกจิอาจารย์ที่แกร่งกล้าพระเวทมากในยุคนั้น หลังเรียนจบอาจารย์ก็มอบตำราให้ พระอาจารย์ทองสุขก็ลาสิกขา
ในวัยหนุ่ม...หลวงปู่ทองดำก็ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากชาวบ้าน หลวงพ่อมุมซึ่งเป็นพระอาจารย์ จึงมอบหมายให้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดปราสาทจันโง....ด้วยอายุเพียง 32 ปีเท่านั้น
การสั่งสมพลังบารมี...... หลวงปู่ทองดำได้สร้างศาสน-สถานแห่งนี้จนสำเร็จมั่นคง มีครบสถานปฏิบัติศาสนกิจ จึงออกเดินธุดงค์ไปที่จังหวัดอุบลฯแล้วข้ามไปลาว เรียนวิชาอาคมจากพระสงฆ์และฤาษีในหลายท่าน
ล่วงถึงลพบุรี ปักกลดที่หน้าถ้ำพระนารายณ์เขาวง ในปี 2512 ตอนนั้นอายุ 43 ปี พรรษาที่ 21
เครือญาติของ นางพิสมัย แซ่บาง เห็น วัตร ปฏิบัติของหลวงปู่ทองดำ เกิดความเลื่อมใส จึงนิมนต์ให้อยู่สร้างวัดที่ถ้ำตะเพียนทอง ซึ่งตอนนั้นชาวบ้านไม่รู้ว่าเป็นถ้ำ ด้วย ฌานของหลวงปู่ทองดำจึงรู้ว่าพื้นตรงนั้นเป็นถ้ำ ปี 2516 จึงได้ชักชวนชาว- บ้านเปิดปากถ้ำ.....ปัจจุบัน พัฒนาเป็นสถานที่ท่อง– เที่ยวไปในตัว
........สร้างวัดในช่วงแรกๆ มักมีคนจากไกลใกล้มาขอของดีแทบไม่ขาดสาย หลวงปู่ทอง-ดำจะให้ตะกรุดโทนหรือไม่ก็สักยันต์ด้วยเมตตา จำนวนนี้ก็ มีพวกมิจฉาชีพ อยู่ด้วย แล้วนำในทางที่ผิดเป็นภัยต่อสังคม
นายเชาวน์วัศ สุดลาภา ผู้ว่าราชการฯขณะนั้น ขอร้องให้งดการลงหมึกสักยันต์ จึงเลิกตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา จะสร้างของขลังก็เพียง ตะกรุดโทนกับเสื้อยันต์แจกเหล่าทหารและตำรวจตระเวนชายแดน
หลวงปู่ทองดำจึงได้สร้างพระสมเด็จพิมพ์ขาโต๊ะ เนื้อผงพุทธคุณ โดยใช้ตำราของ หลวงพ่อมุมวัดปราสาทเยอร์เหนือ อาจารย์คนแรก และ ใช้พิธีกรรมนำมาแช่น้ำมนต์ตามแบบของ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม. ซึ่งเป็นอาจารย์อีกท่านหนึ่ง (ด้วยเคยไปร่วมพิธีกรรมพุทธาภิเษกหลายครั้ง ได้รับการถ่ายทอดความรู้ต่างๆจากหลวงปู่โต๊ะ ด้วยความนับถือจึงฝากตัวเป็นศิษย์)
น้ำมนต์ที่นำมาแช่นี้เป็นน้ำมาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง อาทิ จากเศียรหลวงพ่อทองสุข วัดตูม อยุธยา และ จากเศียรหลวงพ่ออุ่นเมือง วัดน้ำฮูม อ.ปาย แม่ฮ่องสอน ซึ่งหลวงปู่โต๊ะได้ทำการปลุกเสกเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2523
....และ 19 สิงหาคม จะเอาขึ้นจากน้ำมนต์เข้าสู่พิธีปลุกเสก ถือว่าสุดท้ายเป็นการเสร็จพิธีจากนั้นจึงจะจ่ายแจกศิษยานุศิษย์ที่เลื่อมใส สำหรับผู้เข้าร่วมพิธีในวันนั้น หลวงปู่แฉล้ม จากวัดพุทธ-
ขอขอบพระคุณท่าน ที่มาอุดหนุนครับ 3.TH71104XPQQA1H FLASH
ท่านต้องเป็นสมาชิกที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น