ประวัติพระนารายณ์
เล่ากันว่า
มีเขาพระนารายณ์ อยู่ในตำบลเหล อำเภอกะปง จังหวัดพังงา
บนภูเขาพระนารายณ์แห่งนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพในศาสนาพราหมณ์ จำนวน 3
รูป ซึ่งคนทั่วไปเรียกกันว่า พระนารายณ์ พระลักษณ์ และนางสีดา
นอกจากนี้ยังพบศิลาจารึกรวมอยู่ด้วย 1 แผ่น
อยู่ในลักษณะพระนารายณ์ประทับยืนอยู่กลางมีบริวารเพศชายคือพระลักษณ์อยู่ข้างซ้ายเพศหญิง
คือ นางสีดาอยู่ข้างขวาทั้งหมด แกะสลักขึ้นจากหินชนวนเหมือนกัน
เมื่อครั้งที่พม่ายกกองทัพมารุกรานหัวเมืองปักษ์ใต้ในปี
พ.ศ.2328 ก่อนที่พวกพม่าจะยกกองทัพมาถึงตะกั่วป่า
ชาวเมืองได้อพยพครอบครัวหลบหนีภัยไปอยู่ตามป่าเขาในเขตตำบลรมณีย์ อำเภอกะปง
(เดิมเรียก ตำบลหลัง พม่าซึ่งได้เรียกกันมา แต่คราวนั้น)
พม่าติดตามไล่ไม่ทัน อีกทั้งกลัวคนไทย โอบล้อมตีตลบหลัง
เมื่อเวลาถอนทัพกลับได้ขนเทวรูป พระนารายณ์ พระลักษณ์ และนางสีดา
ลงมาจากเขาพระนารายณ์บรรทุกเรือ จะนำไปไว้ในบ้านเมืองตน
แต่เกิดเหตุอัศจรรย์มีพายุฝนฟ้าคะนองอย่างหนักไม่สามารถนำเรืออกไปได้
พวกพม่าเห็นผิดปกติ กลัวความศักดิ์สิทธิ์
จึงขนเทวรูปทั้งหมดขึ้นพิงไว้โคนต้นตะแบก ฝั่งตรงข้ามกับเขาพระนารายณ์
(ทิศเหนือคลองเหล) ลมฝนก็หยุดคลื่นสงบลง สามารถนำเรือถอนทัพกลับไปได้
ส่วนศิลาจารึก ซึ่งมีขนาดสูง 102 เซนติเมตร กว้าง 68 เซนติเมตร
คงยังอยู่บนเขาพระนารายณ์ โดยไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งถึง พ.ศ.2445
เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษากรมโลหกิจ (กรมทรัพยากรธรณี ของคนไทยได้ไปพบ
จึงได้แจ้งให้พระสารศาสตร์พลขันธ์ทราบเป็นครั้งแรก
หลักศิลาจารึกปลักที่
26 คือ หลักที่พบจากเขาพระนารายณ์แห่งนี้
จึงได้เปิดเผยให้นักปราชญ์ทางโบราณคดีทั่วโลกทราบ
และต่อมาได้มีผู้นำลงมาเก็บรักษาไว้ที่วัดหน้าเมือง
ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองตะกั่วป่าอยู่ระยะหนึ่งแล้วมีผู้นำกลับไปไว้รวมกับเทวรูป
3 องค์ ที่โคนต้นตะแบกบ้านพระนารายณ์ ตำบลเหล อำเภอกะปง จังหวัดพังงา
เมื่อเดือนมีนาคม
2509 ระหว่างที่กำลังสร้างถนนสายตะกั่วป่า – สุราษฎร์ธานี
ซึ่งตัดผ่านไปใกล้ที่ประดิษฐานเทวรูปได้มีคนร้ายลักทุบทำลายเพื่อประโยชน์ส่วนตน
สกัดเอาพระพักตร์พระลักษณ์และนางสีดาไปด้วย
องค์นางสีดานำไปทิ้งในหนองน้ำห่างจากสถานที่เกิดเหตุราวครึ่งกิโลเมตร
ซึ่งต่อมาอีกราวปีหน้าแล้ง น้ำแห้งชาวบ้านออกไปหาปลา
พบรูปนางสีดาจึงช่วยกันพาไปไว้ที่วัดนารายณิการาม ตำบลเหล
สำหรับองค์พระนารายณ์ และพระลักษณ์พร้อมด้วยศิลาจารึก หน่วยศิลปากรที่ 8
นำไปเก็บรักษาไว้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2509
และซ่อมประกอบจัดตั้งให้แสดงให้ประชาชนชมอยู่ ณ
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาตินครศรีธรรมราชจนถึงทุกวันนี้
ส่วนพระพักตร์นางสีดาคนร้ายนำไปขายออกนอกประเทศ
โดยกรมศิลปากรทราบและติดต่อคืนมาได้จากประเทศอังกฤษ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2516
แต่พระพักตร์ของพระลักษณ์ยังมืดมนอยู่
องค์เทวรูปพระนารายณ์
สูงจากพระบาท 2.35 เมตร (ถ้านับแกนหลักพื้นที่ใต้พระบาทด้วยก็สูง 3.15
เมตร) กว้าง 85 เซนติเมตร นับเป็นเทวรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดองค์หนึ่ง
รูปพระลักษณ์รูปนางสีดาทำเป็นรูปประทับนั่งหรือคล้ายคนคุกเข่า สูงประมาณ
1.25 เมตร กว้าง 77 เซนติเมตร
ลักษณะทางศิลปกรรมเป็นแบบปัลลวะของอินเดียใต้ทรวดทรงค่อนข้างแข็งกระด้าง
แสดงความมีอำนาจมากกว่าความมีเมตตาอ่อนหวาน
ตลอดจนอาภรณ์เครื่องประดับมีมากสลักขึ้นประมาณปี พ.ศ. 1200 – 1400
พร้อมศิลาจารึกซึ่งเป็นภาษาและอักษรทมิฬโบราณศาสตราจารย์
เป็นคนแรกที่สามารถอ่านได้เมื่อพ.ศ. 2456
ภาณุภัณฑ์ พระเครื่อง เชิญที่นี่ >>> http://www.web-pra.com/Shop/TingSathu
ติดต่อง่าย เครดิตดี ส่งให้วันนี้นะครับ ขอบคุณมากครับ
ได้รับของแล้วครับ ส่งเร็วส่งจริง ขอบคุณครับ
ท่านต้องเป็นสมาชิกที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น