เหรียญรูปไข่หลวงพ่อโบสถ์น้อย ปี 2537 สร้างขึ้นมาอย่างขลังทำพิธีในอุโบสถวัดสร้างเอง มีเกจิอาจารย์ดังๆสมัยนั้นอย่างคับครั่ง ปลุกเสกเป็นร้อยรูปเลยทีเดียว รายนาม พระเกจิฯ ร่วมพิธี
พระสุเมธาธิบดี วัดมหาธาตุ เจ้าคณะกรุงเทพเจิมเทียนชัย
หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี
หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย นครนายก
พระวิสุทธาบดี วีระ วัดสุทัศเทพวราราม
พระวิสุทธิเมธี เที่ยง วัดระฆัง
หลวงพ่อเณร วัดศรีสุดาราม
หลวงพ่อเกตุ วัดเกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์
หลวงพ่อเปิ่น วัดท่าพระ นครปฐม
หลวงพ่อเฟื่อง วัดเจ้ามูล
หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ สมุทรสงคราม
หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ สมุทรสงคราม
หลวงพ่อฉอ้อน วัดแหลมหิน ปราจีนบุรี
หลวงปู่ผัน วัดระฆังโฆสิตาราม
หลวงพ่อระเบียบ วัดชิโนรสาราม
หลวงพ่อทอง วัดไทรน้อย นนทบุรี
หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก กุยบุรี ประจวบคีรีขันธ์
หลวงพ่อสุรินทร์ วัดนครหลวง อยุธยา เป็นต้น
ลักษณะเป็นเหรียญรูปไข่ ด้านหน้าตรงกลางเป็นรูปจำลองหลวงพ่อโบสถ์น้อย มีอักขระขอม ภาษาบาลี โดยรอบ ด้านบนอ่านว่า สัง วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ ซึ่งเป็น "พระคาถาหัวใจพระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์" ด้านล่างอ่านว่า อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ ซึ่งเป็น "พระคาถานวหรคุณ" คั่นกลางด้วยเครื่องหมาย ๏ ด้านหลังตรงกลางเป็น "ยันต์เฑาะว์สมาธิ" ด้านบนเป็นชื่อ "หลวงพ่อโบสถ์น้อย" ด้านล่างเป็นชื่อวัด "วัดมรินทราราม (บางว้า) กทม.
ประวัติโดยย่อ
หลวงพ่อโบสถ์น้อย วัดอมรินทรารามวรวิหาร สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่ชาวธนบุรี
วัดอมรินทรารามวรวิหาร หรือเดิมชื่อ วัดบางว้าน้อย ติดกับสถานีรถไฟบางกอกน้อย และโรงพยาบาลศิริราช ในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ แล้วสถาปนาให้เป็นพระอารามหลวง ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 กรมพระราชวังหลังได้ทรงสถาปนาวัดนี้ขึ้นใหม่ โดยการสร้างพระอุโบสถ พระระเบียง วิหาร กำแพงแก้ว หอระฆัง หอไตร ศาลาการเปรียญ กุฏิ และถนนในพระอาราม พร้อมทั้งได้พระราชทานนามใหม่ว่า "วัดอมรินทราราม" คู่กับ วัดบางว้าใหญ่ ที่เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดระฆังโฆสิตาราม"
หลวงพ่อโบสถ์น้อย เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัย ลงรักปิดทองศิลปะแบบสุโขทัย ประดิษฐานอยู่ภายในโบสถ์น้อยที่วัดอมรินทราราม ตามคำบอกเล่าสืบต่อกันมา องค์หลวงพ่อโบสถ์น้อยที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ มิใช่องค์ของหลวงพ่อที่แท้จริง เป็นองค์พระพุทธรูปที่ปั้นปูนพอกทับอำพรางเอาไว้ ส่วนองค์จริงของหลวงพ่อโบสถ์น้อยนั้น เป็นพระพุทธรูปที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ขนาดไม่ใหญ่นัก เป็นพระประธานในพระอุโบสถหลังเดิมขอวัดบางว้าน้อย พระอุโบสถหลังเดิมมีขนาดใหญ่กว่าในปัจจุบัน แต่เมื่อมีการตัดทางรถไฟสายใต้จึงได้มีการรื้อถอนออกไปบางส่วน ทำให้พระอุโบสถที่เห็นเป็นอยู่มีลักษณะเล็กและแคบมาก ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า "โบสถ์น้อย" ละคงจะเรียกชื่อพระประธานในพระอุโบสถโดยอนุโลมว่า "หลวงพ่อโบสถ์น้อย" ด้วยเช่นกัน
ข้อสันนิษฐานขององค์หลวงพ่อโบสถ์น้อยที่ได้ทำการปั้นปูนพอกทับไว้นั้น ด้วยเหตุที่องค์พระพุทธรูปมีขนาดเล็ก เพื่อมิให้บุคคลอื่นทำการเคลื่อนย้ายไปได้โดยง่ายและให้มีขนาดที่เหมาะสมกับพระอุโบสถ จึงได้คิดหาอุบายทำการปั้นปูนทับไว้ให้มีขนาดและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ต้องนับว่าเป็นความฉลาดของคนในสมัยนั้น
มีเรื่องเล่าถึงความมหัศจรรย์ของหลวงพ่อโบสถ์น้อยที่ได้แสดงพุทธาภินิหารให้แก่สายตาของคนทั่วไป เมื่อครั้งทำการตัดทางรถไฟสายใต้ จากสถานีรถไฟธนบุรีถึงสี่แยกถนนจรัญสนิทวงศ์ นายช่างชาวฝรั่งผู้หนึ่งเป็นผู้ที่ทำการส่องกล้องตัดทางวางรางเพื่อให้เป็นเส้นทางตรง แต่เมื่อส่องกล้องแล้ว เส้นทางตัดถูกตัวอุโบสถเข้าพอดี ทำให้เกิดอาเพศเหตุต่างๆ ขึ้นกับนายช่างผู้นั้นจนไม่อาจสามารถที่จะทำการตัดเส้นทางให้เป็นแนวตรงได้ จึงเปลี่ยนเส้นทางใหม่กลายเป็นแนวโค้ง ดัง เป็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ เรียกกันว่า "โค้งต้นสำโรง"
ต่อมาเมื่อระหว่างเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เครื่องบินข้าศึกได้มาทิ้งระเบิดเเพื่อทำลายย่านสถานีรถไฟธนบุรี และเนื่องจากสถานีรถไฟกับวัดมีเขตติดต่อกัน จึงทำให้ปูชนียวัตถุสถานต่างๆ ภายในวัดอมรินทรารามได้รับความเสียหายอย่างย่อยยับ ทั้ง พระอุโบสถหลังใหญ่ ศาลาการเปรียญ และกุฏิสงฆ์หลายหมู่ ถูกไฟเผาผลาญทำลายสิ้น มีหลุมระเบิดตกอยู่รอบๆ โบสถ์น้อยของท่าน ซึ่งอยู่ริมทางรถไฟ ที่เชิงเขาของโบสถ์น้อย ก็ถูกไฟไหม้เหมือนกัน แต่ก็ดับได้เองเหมือนปาฏิหาริย์ และเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักที่โบสถ์น้อยขององค์หลวงพ่อได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เนื่องจากความแรงของลูกระเบิดเป็นเหตุทำให้องค์หลวงพ่อโบสถ์น้อย ได้รับความกระทบกระเทือนพระเศียรขององค์หลวงพ่อร้าว เนื่องจากความเก่าของปูน ทางวัดจึงนำพระเศียรของหลวงพ่อไปฝากไว้ที่วัดอรุณราชวราราม เมื่อสงครามยุติลงแล้ว ทางวัดจึงได้ไปขอรับคืนมา และได้จัดพิธีการต่อพระเศียรถวายให้หลวงพ่อขึ้นใหม่
หลวงพ่อโบสถ์น้อย เป็นที่เคารพนับถือของชาวพุทธเป็นอย่างมาก นับว่าเป็นปูชนียวัตถุที่สำคัญ เป็นมิ่งขวัญและเป็นที่พึ่งทางใจของชาวเมืองธนบุรีมาตราบเท่าจนถึงปัจจุบันนี้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือประวัติ หลวงพ่อโบสถ์น้อย โดย วัดอมรินทรารามวรวิหาร
ท่านต้องเป็นสมาชิกที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น