ครูบาเจ้าเกษม หรือ หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้รับการกล่าวขานถึงอภิญญาญาณอันแรงกล้า วัตรปฏิบัติอันงดงามและเคร่งครัด ท่านมักน้อยถือสันโดษ ฉันภัตตาหาร ๒-๓ วันเพียงมื้อเดียว คลุกเคล้าอาหารคาวหวานและขนมรวมกัน บางครั้งก็บูดเน่า แต่ท่านขบฉันได้หน้าตาเฉย ท่านเคยนั่งสมาธิเจริญภาวนากลางแดดจ้ากลางฝนและท่ามกลางอากาศหนาวเย็นตลอด ๓ เดือนเต็ม โดยไม่เข้าที่ร่ม ท่าน
บอกว่า“เพื่อให้รู้เหตุของทุกข์ จะได้รู้จักการหลุดพ้นทุกข์”สาธุชนทั่วไปเชื่อว่าท่านสำเร็จมรรคผลชั้นสูงเป็นพระอริยสงฆ์รูปหนึ่งของสยามประเทศ
หลวงพ่อเกษม ถือวัตรปฏิบัติเช่นนี้จนได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืน เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๒ แต่ท่านลาออกปลีกวิเวกเจริญพระกรรมฐานอยู่ตามป่าช้าต่างๆ ทั่วจังหวัดลำปาง สุดท้ายไปปักหลักบำเพ็ญเพียร ณ ป่าช้าประตูม้า (สุสานไตรลักษณ์) ตามปกติในเวลา ๑ ปี ท่านจะอาบน้ำเพียงครั้งเดียว และหลังจาก พ.ศ. ๒๕๑๔ เป็นต้นมา ท่านไม่ได้อาบน้ำอีกเลย แต่ไม่มีกลิ่นตัว ไม่มีเหงื่อ ผิวพรรณวรรณะผ่องใสน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ท่านละสังขารในวันที่ ๑๕ ม.ค.๒๕๓๙ สิริอายุรวม ๘๔ ปี ด้วยเหตุนี้ผู้ศรัทธาจึงเสาะหาวัตถุมงคลของท่านบูชาติดตัว ล้วนพานพบประสบการณ์มากมาย ทุกรุ่นทุกพิมพ์มีพลังพุทธานุภาพสูง
หลวงพ่อเกษมและเกจิอาจารย์สายเหนืออธิษฐานจิตครั้งใหญ่ก่อนที่จะมอบให้ญาติโยม ตลอดทั้งศิษยานุศิษย์ทุกท่าน เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นสุดยอดเหรียญแห่งโชคลาภและนิรันตรายที่พิเศษสุดคือ หลวงพ่อเกษมและเกจิอาจารย์ตั้งใจปลุกเสกกำกับคาถาเรียกทรัพย์ เสริมทรัพย์ เสริมบารมี โดดเด่นเรื่อง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ บันดาลโชคใช้แล้วร่ำรวยเงินทอง ทำมาค้าขายขึ้น ดุจแม่น้ำคงคาไม่ขาดสาย สมหวังดังใจผู้ใช้ปราถนา เพราะสร้างด้วยจิตเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ เมตตาสูงสุด(ประสบการณ์โชคลาภ ไม่เป็นรองใคร ) หลวงพ่อเกษมได้ปลุกเสกให้พิเศษอีกรอบอย่างเข้มขลัง
