พระสุนทรศีลสมาจาร
(ผล คุตฺตจิตฺโต)
เจ้าอาวาส รูปที่ ๗
พระสุนทรศีลสมาจาร คุตตจิตตเถร นามเดิมผล นามฉายา คุตฺตจิตฺโต (ฉายาเดิมที่พระอุปัชฌาย์ ตั้งไว้ในวันอุปสมบทเป็น “คงฺคสฺโส”) เจ้าคุณพระมหาโพธิวงศาจารย์ อินทโชตมหาเถร วัดอนงคาราม อดีตเจ้าคณะจังหวัดธนบุรี ปรารภว่า ที่ประชุมในคราวพิจารณาคัดเลือก พระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ คณะสังฆมนตรี พากันหัวเราะเรื่องฉายา คงฺคสฺโส มีความหมายไม่เหมาะสม ขอให้ผู้เขียนประวัติ ไปเรียน ให้พระวิเชียรกวี (ฉัตร)ทราบ และให้เปลี่ยน ฉายาเสียใหม่ ผู้เขียนกราบเรียนให้ทราบว่า หลวงพ่อ เจ้าคุณวิเชียรกวี อาพาธหนัก ขอให้พระเดชพระคุณ อดีตเจ้าคณะจังหวัดธนบุรีเปลี่ยนให้ ท่านจึงเขียน มาให้ หลวงพ่อเจ้าคุณสุนทรฯ คัดเลือกเอา ตามใจชอบเท่าที่ผู้เขียนจำได้มีอยู่ 3ชื่อ หลวงพ่อเลือกเอา คุตฺตจิตฺตเถร ท่านให้เหตุผลว่า ที่เลือกเอา ชื่อฉายา เห็นว่าเกี่ยวกับการรักษาจิตเพราะ หลวงพ่อสนใจ เรื่องทำสมาธิจิต เป็นประจำอยู่แล้ว
หลวงพ่อสุนทรฯ เกิดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2437 ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 9 ปีมะเมีย จุลศักราช 1256 ในรัชกาลที่ 5 ที่บ้านโคกขาม ตำบลโคกขาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เป็นบุตรนายแก้ว นางยิ้ม แก้วเพ็ชรหลวงพ่อเป็นพระเถระที่ฝักไฝ่อยู่ในวิปัสสนาธุระเท่าที่องค์ปัญญาจะเกิดมี ขึ้นแก่ท่านและได้แนะนำให้ ้พระภิกษุ ุทายกทายิกา ผู้มีศรัทธาปสาทะในแนวทางปฏิบัติ ให้ได้รับเรียนวิปัสสนาในสำนักของท่าน และต่างสำนัก กิจวัตรที่หลวงพ่อมีพลังศรัทธาอยู่มาก และสนใจอยู่มากนั้นก็คือ ธุดงควัตร เมื่อเป็นพระอันดับ อยู่ท่านถือการ ธุดงค์เป็นประจำทุก ๆ ปี มาจนตราบเท่าเจริญพรรษายุกาล มากขึ้นโดยลำดับ ได้ทราบว่า หลวงพ่อวิเชียรกวี อดีตเจ้าอาวาสวัดหนังองค์ที่ 6 ในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ ได้ขอร้องให้อยู่กับวัด โดยมิให้เดินธุดงค์จาริก ไปในคามนิคมชนบท เพราะเห็นความสำคัญในหลวงพ่อ เจ้าคุณพระสุนทร ฯ เกี่ยวกับ เรื่องวัดวาอาราม ละการอนุเคราะห์ทายกทายิกา ผู้หันหน้ามาพึ่ง เพื่อบำบัดทุกข์โศกโรคภัย นานาประการ และอีกประการหนึ่ง ก็เท่ากับว่า หลวงพ่อเจ้าคุณพระสุนทร ฯ เป็นกำลังเป็นมือขวาของหลวงพ่อ เจ้าคุณพระวิเชียรกวี เมื่อท่านละ ทิ้งวัดไปนาน ๆ ก็เกิดความว้าวุ่นใจ ของพระเถระผู้ปกครองวัด ขาดผู้แบ่งเบา ภาระ ขาดที่ปรึกษากิจการงาน ด้วยความเคารพและเห็นใจ ที่หลวงพ่อทั้งสองมีต่อกัน เป็นพื้นอยู่แล้ว เมื่อท่านขอร้องเช่นนั้น ท่านจะไม่ยอมรับเหตุผล ก็เห็นจะผิดวิสัยของท่านผู้ปรารถนาดีต่อกัน จึงจำยอมปฏิบัติตาม
หลวงพ่อเจ้าคุณ ฯ เป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่มั่นคงอยู่ในเพศพรหมจรรย์ ตลอดชีวิต ความเป็นสมณะของท่าน ตั้งอยู่ในพรหมวิหารธรรม ให้ความคุ้นเคยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กับบุคคลทุกชั้นทุกวรรณะมิได้แสดงอาการ อันเป็นเหตุให้อาคันตุกะได้รับความหนักใจ เพราะความมากไปด้วยเมตตากรุณนั่นเอง ท่านจึงต้องใช้สังขาร อย่างกรากกรำ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุข ให้แก่คนที่หันหน้ามาพึงท่าน มิได้คำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อย ไม่ใคร่มีเวลาพักผ่อน เวลาไม่เป็นของท่าน กิจธุระนอกวัดก็มากขึ้นตามลำดับเมื่อกลับถึงวัดก็ควรจักได้พักผ่อน ถึงวัดถึงกุฏิก็ต้องแก้ปัญหา บำบัดความทุกข์เวทนาของบุคคล ผู้มาคอยหวังความอนุเคราะห์อยู่เป็นประจำ เพราะความคุ้นเคย เป็นกันเองนั่นเอง จึงมีผู้ศรัทธาปสาทะในท่านเป็นจำนวนมาก ท่านได้บำเพ็ญตน อยู่ในลักษณะนี้ ชั่วอายุของท่าน จึงเป็นเหตุให้เราคนวัดเกือบจะไม่ได้ยินใครเรียกว่า พระสุนทรศีลสมาจารว่า เจ้าคุณ มีแต่ใช้คำเรียกท่านว่า “หลวงพ่อ”ทั้งในวัดและนอกวัดในที่ทั่ว ๆ ไป เรียกหลวงพ่อกันได้อย่างสนิทใจ เหมือนกับเป็นพ่อของคนเหล่านั้นโดยความรู้สึก โดยปกติคนเราเมื่อมีทุกข์ภัยเกิดขึ้น ก็ไม่มีคนอื่นจะดีไปกว่า บิดามารดาฉันใด หลวงพ่อก็ฉันนั้น
ท่านต้องเป็นสมาชิกที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น