กดที่ตัวยังมีอีกหลายรายการยังมีอีกหลายรายการ โอนแล้วกรุณาแจ้งรายละเอียดการโอนให้ชัดเจน ในกล่องข้อความ 1.โอนเงินจำนวน......บาท 2. จำนวน......รายการ 3. รายการอะไรบ้าง....(ถ้าบอกได้จะดีมากครับ) เพื่อการจัดส่งที่รวดเร็ว...และถูกต้อง รวมยอดโอนทีเดียวได้ครับถ้ายอดน้อย เกิน 25 วันไม่โอน โดนคำตอบ พี่ๆครับเคาะแล้วรับผิดชอบกันด้วยนะ อย่าเคาะแล้วเงียบหาย เยอะเลยตอนนี้เคาะแล้วหาย... ไม่โอน
เหรียญเผด็จศึก สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หลัง ภปร. วัดดอนเจดีย์ เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง จัดสร้าง พ.ศ. 2516 เป็นเหรียญพระบรมราชานุสรณ์ พระนเรศวรมหาราช "เผด็จศึก" หลัง ภปร. ที่ระลึก "เสด็จพระราชดำเนินทรงตัดลูกนิมิต" วัดดอนเจดีย์ จ. สุพรรณบุรี เหรียญเผด็จศึก สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หลัง ภปร. วัดดอนเจดีย์ เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง พ.ศ.2516 ได้ทำพิธีพุทธาภิเษกโดยพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในยุคนั้นอันมี "สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 เป็นประธานจุดเทียนชัย" พระเกจิอาจารย์ที่ร่วมพิธีครั้งนั้นได้แก่12ยอด พระเกจิอาจารย์ คือ 1. หลวงพ่อเก็บ วัดดอนเจดีย์ 2. หลวงพ่อปุย วัดเกาะ 3. หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ 4. หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ 5. หลวงพ่อเจริญ วัดธัญญวารี 6. หลวงพ่อสม วัดดอนบุบผาราม 7. หลวงพ่อเปลื้อง วัดสุวรรณภูมิ 8. หลวงพ่อแช่ม วัดราษฎรบำรุง 9. หลวงพ่อสอิ้ง วัดดอนเจดีย์ 10.หลวงปู่แหวน สุจินโณ 11.หลวงปู่โต๊ะ วัดประดูฉิมพลี 12.หลวงพ่อเจริญ วัดธัญญาวารี เหรียญเผด็จศึก พระนเรศวรมหาราช หลัง ภปร.วัดดอนเจดีย์ ประกอบพิธีพุทธาภิเษกโดยยอดพระเกจิอาจารย์เมืองสุพรรณผู้มีชื่อเสียงในยุคนั้น โดยมีสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์จุดเทียนชัย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เป็นประธานฝ่ายฆราวาส เหรียญพระบรมราชานุสรณ์ พระนเรศวรมหาราช "เผด็จศึก" หลัง ภปร.ที่ระลึก" เสด็จพระราชดำเนินทรงตัดลูกนิมิต" วัดดอนเจดีย์ เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ปี 2516 เป็นเหรียญที่น่าสะสม หายาก และยังได้พิธีปลุกเสกครั้งยิ่งใหญ่ที่ วัดดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งรวมเกจิย์คณาจารย์ดังแห่งยุคไว้จำนวนมากและได้ประกอบพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณยอดวีรกษัตริย์ไทย "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช." เข้าประทับในพิธีครั้งนั้นด้วย
ประวัติ หลวงพ่อมาลัย อุทโย วัดบางหญ้าแพรก จังหวัดสมุทรสาคร ประวัติ หลวงพ่อมาลัย อุทโย วัดบางหญ้าแพรก จังหวัดสมุทรสาคร "หลวงพ่อมาลัย อุทโย" หรือ "พระครูอุทัยธรรมสาคร" พระเกจิชื่อดังแห่งลุ่มแม่น้ำท่าจีน เป็นเจ้าคณะตำบลท่าฉลอม และเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก ปัจจุบัน สิริอายุ 73 ปี พรรษา 47 เป็นเจ้าคณะตำบลท่าฉลอม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีนามเดิมว่า มาลัย แตงอ่อน เกิดวันอาทิตย์ที่ 8 ก.ย.2483 ณ บ้านเลขที่ 63 หมู่ 8 ต.แสมดำ อ.บางขุนเทียน กรุงเทพฯ มีพี่น้องร่วมกัน 6 คน ในช่วงวัยเยาว์ท่านมีความผูกพันกับพระพุทธศาสนา ด้วยมีจิตใจเอนเอียงเข้าวัดฟังธรรม ทำให้ได้รับการปลูกฝังให้ใกล้ชิดกับพระศาสนาไปในตัว ครั้นเมื่ออายุ 21 ปี ได้เข้ารับราชการทหาร ได้รับตำแหน่งนายสิบกองประจำการ ต่อมาเข้ารับพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2509 เวลา 13.00 น. ณ พัทธสีมาวัดบางกระดี่ บางขุนเทียน กรุงเทพฯ มีพระเทพญาณมุนี วัดราชโอรสาราม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์สง่า การวิโก วัดบางกระดี่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูสงวน อาสโภ วัดกำพร้า เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เป็นพระที่มีความมุมานะ อุตสาหะ ฝักใฝ่เรียนรู้ พรรษาแรกก็สามารถสวดบทสวดพระปาฏิโมกข์เป็นแบบภาษารามัญได้อย่างชัดเจน กล่าวกันว่าในสมัยนั้นที่วัดบางหญ้าแพรก มีพระจำพรรษาอยู่ไม่มากนัก พื้นที่ของวัดรกร้างเต็มไปด้วยป่าโกงกาง ต่อมาเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2517 ตรงกับข้างขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล พระเทพสาครมุนี (หลวงปู่แก้ว) วัดสุทธิวาตวราราม (ช่องลม) มอบหมายให้เป็นเจ้าอาวาส จากนั้นจึงเริ่มบูรณปฏิสังขรณ์วัดบางหญ้าแพรก มาโดยตลอด สมกับที่ชาวบ้านกล่าวขวัญยกย่องให้ท่านเป็นพระนักพัฒนาจนเป็นที่เลื่องลือ ปีพ.ศ.2523 หลวงพ่อมาลัยเดินทางไปงานมุทิตาสักการะหลวงพ่ออุตตมะที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ครั้นเมื่อไปถึงหลวงพ่อมาลัยได้พบสิ่งแปลกประหลาดคือ มีกอไผ่ที่ไฟไม่ไหม้ มีอยู่เพียง 1 กอเท่านั้น ที่บริเวณวัดของหลวงพ่ออุตตมะ ส่วนกอไผ่กออื่นๆ ล้วนโดนไฟไหม้หมด สิ่งนี้เองทำให้หลวงพ่อเกิดประหลาดใจ จึงได้ขอไผ่กอนั้นจากหลวงพ่ออุตตมะ และได้นำไผ่กอนั้นกลับมาที่วัดบางหญ้าแพรกเพื่อที่จะเอาเนื้อของไผ่ชนิดนี้มาบรรจุผสมเข้าเพื่อจัดสร้างวัตถุมงคลอันประกอบไปด้วยไผ่มงคลทั้ง 9 ชนิด ซึ่งเป็นที่มาของ "สมเด็จไผ่" ที่มีชื่อเสียงโด่งดังและมีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ส่วนตะกรุดตี๋ใหญ่เป็นเครื่องรางของขลังที่ได้รับกล่าวขวัญมากเช่นกัน มีที่มาคือ ในยุคที่จอมโจรชื่อดังตี๋ใหญ่เดินทางมาที่ท่าฉลอมเข้ามาขอพึ่งใบบุญจากหลวงพ่อมาลัย สมัยนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมักจะพูดว่า ตี๋ใหญ่เป็นผี ไม่ใช่คนธรรมดา เพราะสามารถหายตัวล่องหนได้ แต่ความจริงตี๋ใหญ่มีวิชาคาถามหากำบัง หลังจากนั้นประมาณ 3 ครั้ง ตี๋ใหญ่เข้ามาขอเครื่องรางของขลังจากหลวงพ่อมาลัย และฝากตัวเป็นศิษย์ อีกทั้งยังได้รับปากกับหลวงพ่อว่าจะกลับตัวเป็นคนดี หลวงพ่อจึงได้มอบตะกรุดผงว่านใบลาน ซึ่งเป็นตะกรุดซึ่งคลึงจากมือของหลวงพ่อมาลัย ทำให้ตี๋ใหญ่รอดพ้นแคล้วคลาดจากการถูกจับกุมอย่างเหลือเชื่อ จนเป็นที่มาของตะกรุดที่ชาวบ้านขนานนามว่า "ตะกรุดตี๋ใหญ่" ชาวจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดใกล้เคียงต่างเชื่อกันว่า หากให้หลวงพ่อมาลัยได้ประพรมน้ำมนต์และเป่ายันต์เกราะเพชรแล้วจะทำให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง แคล้วคลาดจากภยันตรายต่างๆ หลวงพ่อมาลัย มักจะปลุกเสกเดี่ยวเนื่องจากท่านได้ร่ำเรียนวิชาต่างๆ มาจากครูบาอาจารย์หลายท่านด้วยกัน อาทิ หลวงปู่แก้ว หลวงพ่อสุด และอาจารย์ศิลป์ วัดบางกระดี่ นำวิชาความรู้ด้านวิทยาคมเป็นกุศโลบายสำคัญในการอบรมประชาชนทั่วไปได้ยึดหลักธรรมน้อมนำจิตใจ เข้าถึงธรรมะได้อย่างง่ายดาย
หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ นับเป็นพระปฏิบัติดีและมีบารมีสูงรูปหนึ่งของอ่างทอง เสียดายท่านมรณภาพเมื่ออายุได้แค่ 54ปี ในวันที่ 7 มีนาคม 2544 มิฉะนั้นหลวงพ่อคงสร้างความเจริญให้แก่พระพุทธศาสนาได้อีกมากมาย หลวงพ่อเกษม เป็นหนึ่งในพระที่ชาวอ่างทองภูมิใจ เพราะหลวงพ่อเกษม มีบารมีสูงยิ่ง สามารถสร้างวัดม่วง(วัดม่วงเจริญธรรม) ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ. อ่างทองจากเดิมเป็นวัดร้างมานาน หลวงพ่อเกษม ได้มาปักกลดธุดงค์ ได้ปรากฏนิมิต เห็นองค์หลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง มาบอกให้ท่านได้ช่วยก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2525 เพราะบารมีของหลวงพ่อทำให้มีผู้ศรัทธามาร่วมสร้างวัดและถาวรวัตถุมากมายจนกระทั่งวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2527 กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้มีการประกาศยกฐานะให้วัดม่วง ซึ่งเคยเป็นวัดร้างให้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์ และได้แต่งตั้งหลวงพ่อเกษม เป็นเจ้าอาวาสเมื่อวันที่ 24ตุลาคม พ.ศ. 2527 และวันที่ 12 กันยายน พ.ศ.2529 วัดม่วงได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา หลวงพ่อเกษม ได้บวชเป็นพระ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2522 ที่วัดนางใน (ธัมมิการาม) มีพระครูสุนทรศีลคุณ (หลวงพ่อชม) เจ้าอาวาสวัดนางใน เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้นได้ศึกษาธรรมและออกธุดงค์เป็นเวลาหลายปี ก่อนที่มาสร้างวัดม่วงให้มีความเจริญจนมีชื่อเสียงและเป็นสถานที่สำคัญของอ่างทองในปัจจุบัน มีสิ่งที่น่าสนใจในวัดได้แก่พระพุทธรูปที่ใหญ่โตสวยงาม ชื่อหลวงพ่อใหญ่หรือพระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ ซึ่งหลวงพ่อเกษม ได้เริ่มสร้างตั้งแต่ปี 2534 มาเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550 สำหรับวัตถุมงคลต่างๆของหลวงพ่อเกษม วัดม่วง ได้รับความนิยมในพื้นที่และลูกศิษย์มากพอสมควร เพราะมีประสบการณ์เกิดขึ้นบ่อยๆสำหรับผู้ที่นำไปบูชาโดยเฉพาะเรื่องคงกระพัน แคล้วคลาด โชคลาภ หลวงพ่อเกษม วัดม่วง เป็นพระเกจิอีกท่านหนึ่งซึ่งมรณภาพไปแล้วแต่ร่างกายไม่เน่าเปื่อย ร่างของหลวงพ่อถูกบรรจุในโลงแก้วบนวิหารแก้วเพื่อให้คนสักการะ
กดที่ตัวยังมีอีกหลายรายการยังมีอีกหลายรายการ โอนแล้วกรุณาแจ้งรายละเอียดการโอนให้ชัดเจน ในกล่องข้อความ 1.โอนเงินจำนวน......บาท 2. จำนวน......รายการ 3. รายการอะไรบ้าง....(ถ้าบอกได้จะดีมากครับ) เพื่อการจัดส่งที่รวดเร็ว...และถูกต้อง รวมยอดโอนทีเดียวได้ครับถ้ายอดน้อย เกิน 25 วันไม่โอน โดนคำตอบ พี่ๆครับเคาะแล้วรับผิดชอบกันด้วยนะ อย่าเคาะแล้วเงียบหาย เยอะเลยตอนนี้เคาะแล้วหาย... ไม่โอน