เหรียญพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9 รุ่นประวัติศาสตร์ ปี2539 ที่ระลึกเนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และสมโภชวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร สถาปนา ครบรอบ 229 ปี "เนื้อทองแดง" ขนาดโดยประมาณ 3 ซ.ม. สวยๆเดิม พิธีมหาชัยมงคลภิเษก ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จเป็น องค์ประธานจุดเทียนชัย พร้อมทั้งพระคณาจารย์ผู้มีเมตตาธรรมชื่อดัง จากทุกภาคของประเทศไทย จำนวน 109 รูป อาทิเช่น -หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ -หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม -หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ -หลวงพูล วัดไผ่ล้อม -หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง -หลวงปู่ทิม วัดพระขาว -หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน -หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม ฯลฯ เป็นต้น
สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่มีความสำคัญสูงสุดและอยู่คู่คนไทยมาช้านาน ในอดีตอำนาจสิทธิ์ขาดในการปกครองเป็นของพระมหากษัตริย์แต่เพียงผู้เดียว โดยทรงเป็นผู้นำสูงสุดทั้งในยามสงบและในยามศึกสงครามเรียกว่าเป็นการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ต่อมาแม้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยแล้ว แต่คนไทยยังคงเทิดทูนองค์พระมหากษัตริย์ไว้เป็นพระประมุขและเป็นศูนย์รวมจิตใจของประเทศอยู่เช่นเดิม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมพลอดุลยเดช เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันื้ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 ในราชวงศ์จักรี และเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 3 ในระบอบการปกครองที่เรียกว่า "ประชาธิปไตย" แม้ว่าสถานภาพของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยจะแตกต่างจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่มีพระราชปณิธานที่แน่วแน่ในอันที่จะทรงดูแลทุกข์ของประชาชน ดังจะเห็นได้จากพระปฐมบรมราชโองการที่พระราชทานในวันประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ความว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงดำรงพระอิสริยยศ พระอิสริยศักดิ์ด้วยความสง่างาม ธำรงไว้ซึ่งหลักทศพิธราชธรรม ทรงปฎิบัติพระราชภารกิจมากมาย และเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนดูแลทุกข์สุขของราษฎรในทุกพื้นที่โดยไม่ย่อท้อ แม้ว่าจะเป็นถิ่นทุรกันดารหรือมีอันตรายแค่ไหน ได้พระราชทานความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ทรงจัดตั้งและให้ความสนับสนุนโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อสนับสนุนกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม พระองค์จึงเปรียบประดุล "พ่อ" ของประชาชนชาวไทยทั้งปวง ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ พระบุญญาธิการ และพระอัจฉริยภาพส่วนพระองค์ในด้านต่าง ๆ จึงเป็นความสง่างาม เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย และเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ทรงเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของคนไทยทุกหมู่เหล่าตลอดมา ประชาชนต่างยกย่องเทิดทูนและถวายความจงรักภักดีแด่พระองค์อย่างท่วมท้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และในวโรกาสอันเป็นมหามงคลที่ทรงครองราชสมบัติครบ 50 ปีเต็ม ในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2539 ประชาชนชาวไทยทั้งภาครัฐและเอกชนต่างพร้อมใจถวายพระพรชัยมงคล และร่วมจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2538 - 31 ธันวาคม พ.ศ. 2539 ในโอกาสพิเศษนี้รัฐบาลได้กำหนดให้มีตราสัญลักษณ์พระราชพิธีกาญจนาภิเษกของนางสาววิยะดา เจริญสุข ได้รับรางวัลชนะเลิศ ตราสัญลักษณ์ดังกล่าวมีส่วนประกอบเป็นพระราชลัญจกรประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ประดิษฐานภายใต้ตราพระบรมราชจักรีวงศ์และพระมหามงกุฎอยู่เหนือพาน 2 ชั้น มีช้างเผือกภายใต้พระสัปตปฎลเศวตฉัตรขนาบข้างซ้ายขวาด้านละ 1 เชือก ด้านล่างมีเลข "๕๐" และมีข้อความว่า "ฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๓๙" มีความหมายโดยรวมว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรี และเป็นพระประมุขของประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินต่างถวายความจงรักภักดี ตลอดจนมีชีวิตความเป็นอยู่ร่มเย็นเป็นสุขภายใต้เศวตฉัตรของพระองค์
สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่มีความสำคัญสูงสุดและอยู่คู่คนไทยมาช้านาน ในอดีตอำนาจสิทธิ์ขาดในการปกครองเป็นของพระมหากษัตริย์แต่เพียงผู้เดียว โดยทรงเป็นผู้นำสูงสุดทั้งในยามสงบและในยามศึกสงครามเรียกว่าเป็นการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ต่อมาแม้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยแล้ว แต่คนไทยยังคงเทิดทูนองค์พระมหากษัตริย์ไว้เป็นพระประมุขและเป็นศูนย์รวมจิตใจของประเทศอยู่เช่นเดิม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมพลอดุลยเดช เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันื้ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 ในราชวงศ์จักรี และเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 3 ในระบอบการปกครองที่เรียกว่า "ประชาธิปไตย" แม้ว่าสถานภาพของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยจะแตกต่างจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่มีพระราชปณิธานที่แน่วแน่ในอันที่จะทรงดูแลทุกข์ของประชาชน ดังจะเห็นได้จากพระปฐมบรมราชโองการที่พระราชทานในวันประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ความว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงดำรงพระอิสริยยศ พระอิสริยศักดิ์ด้วยความสง่างาม ธำรงไว้ซึ่งหลักทศพิธราชธรรม ทรงปฎิบัติพระราชภารกิจมากมาย และเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนดูแลทุกข์สุขของราษฎรในทุกพื้นที่โดยไม่ย่อท้อ แม้ว่าจะเป็นถิ่นทุรกันดารหรือมีอันตรายแค่ไหน ได้พระราชทานความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ทรงจัดตั้งและให้ความสนับสนุนโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อสนับสนุนกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม พระองค์จึงเปรียบประดุล "พ่อ" ของประชาชนชาวไทยทั้งปวง ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ พระบุญญาธิการ และพระอัจฉริยภาพส่วนพระองค์ในด้านต่าง ๆ จึงเป็นความสง่างาม เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย และเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ทรงเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของคนไทยทุกหมู่เหล่าตลอดมา ประชาชนต่างยกย่องเทิดทูนและถวายความจงรักภักดีแด่พระองค์อย่างท่วมท้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และในวโรกาสอันเป็นมหามงคลที่ทรงครองราชสมบัติครบ 50 ปีเต็ม ในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2539 ประชาชนชาวไทยทั้งภาครัฐและเอกชนต่างพร้อมใจถวายพระพรชัยมงคล และร่วมจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2538 - 31 ธันวาคม พ.ศ. 2539 ในโอกาสพิเศษนี้รัฐบาลได้กำหนดให้มีตราสัญลักษณ์พระราชพิธีกาญจนาภิเษกของนางสาววิยะดา เจริญสุข ได้รับรางวัลชนะเลิศ ตราสัญลักษณ์ดังกล่าวมีส่วนประกอบเป็นพระราชลัญจกรประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ประดิษฐานภายใต้ตราพระบรมราชจักรีวงศ์และพระมหามงกุฎอยู่เหนือพาน 2 ชั้น มีช้างเผือกภายใต้พระสัปตปฎลเศวตฉัตรขนาบข้างซ้ายขวาด้านละ 1 เชือก ด้านล่างมีเลข "๕๐" และมีข้อความว่า "ฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๓๙" มีความหมายโดยรวมว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรี และเป็นพระประมุขของประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินต่างถวายความจงรักภักดี ตลอดจนมีชีวิตความเป็นอยู่ร่มเย็นเป็นสุขภายใต้เศวตฉัตรของพระองค์
เหรียญเฉลิมพระเกียรติพระชนมพรรษา 6รอบ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลวงทรงงาน ปี2542 เนื้อทองแดงขัดเงา สภาพสวย
ด้วย ในปี พ.ศ.2539 ซึ่งเป็นมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี คณะกรรมการมีความเห็นที่จะจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นเป็นที่ระลึกเพื่อให้พสกนิกรได้สักการบูชาแสดงความจงรักภักดีน้อมเกล้าฯ ในวโรกาสมหามงคลดังกล่าว และหากจะพึงมีรายรับก็จะนำทูลเกล้าฯ ถวายสนับสนุนมูลนิธิโครงการหลวง คณะกรรมการได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้าง ดังนี้ พระพุทธรูปบูชา ขนาดหน้าตัก 12 นิ้ว, พระกริ่งพิมพ์จิตรลดา, พระพิมพ์จิตรลดา เป็นพระพิมพ์นูนบนพื้นสามเหลี่ยม, และพระพิมพ์จิตรลดาเนื้อผง การจัดสร้างพระพุทธนวราชบพิตร พระพิมพ์จิตรลดาดังกล่าวนี้ สืบเนื่องจากคณะกรรมการได้พิจารณาเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระพุทธนวราชบพิตรและพระราชทานเพื่อ ประดิษฐาน ณ จังหวัดต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2509 ที่ฐานบัวหงายของพระพุทธนวราชบพิตร ได้ทรงบรรจุพระพุทธรูปพิมพ์ซึ่งทรงสร้างด้วยพระหัตถ์จากผงศักดิ์สิทธิ์นานา ชนิด ทั้งในพระองค์และจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดต่างๆ ดังปรากฏรายละเอียดการจัดสร้างพระพุทธนวราชบพิตรที่พระราชทานเป็นพระประจำ จังหวัด ดังนี้ พระพุทธนวราชบพิตร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 23 ซม. สูง 40 ซม. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้สร้างขึ้น เพื่อประดิษฐานไว้ ณ จังหวัดต่างๆ ทุกจังหวัดทั่วพระราชอาณาเขต เมื่อ พ.ศ.2509 โดยได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ข้าราชการกองหัตถศิลป กรมศิลปากร เข้ามาปั้นหุ่นพระพุทธปฏิมานี้ในพระราชฐาน ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน และได้ทรงตรวจพระพุทธลักษณะของพระปฏิมานั้นจนเป็นที่พอพระราชหฤทัยแล้ว จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้นายช่างเททองหล่อพระพุทธรูปนั้นขึ้น เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2509และได้โปรดเกล้าฯให้ขนานนามพระพุทธรูปนั้นว่า “พระพุทธนวราชบพิตร” พระพุทธนวราชบพิตรนั้น นอกจากจะเป็นนิมิตหมายแห่งคุณพระรัตนตรัย อันเป็นที่เคารพบูชาสูงสุดแห่งพุทธศาสนิกชนทั่วไปแล้ว ยังเป็นนิมิตหมายแห่งความผูกพันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ระหว่างองค์พระมหากษัตราธิราชกับบรรดาพสกนิกรของพระองค์ในทุกจังหวัดทั่วพระ ราชอาณาจักร และพระพุทธรูปพิมพ์ซึ่งได้บรรจุไว้ที่ฐานบัวหงายนั้น ก็ประกอบด้วยวัตถุศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อันศาสนิกชนทั่วพระราชอาณาจักรได้ปฏิบัติบูชาสืบเนื่องกันมาเป็นเวลาช้านาน พระพุทธนวราชบพิตร จึงเป็นพระพุทธรูปที่สำคัญยิ่งองค์หนึ่งในรัชกาลปัจจุบัน พระพุทธรูปพิมพ์ที่ทรงสร้างนี้ นอกจากที่ทรงประดิษฐานไว้ที่ฐานบัวของพระพุทธนวราชบพิตรแล้ว ยังทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯพระราชทานแก่ข้าราชบริพารและพสกนิกรบางคนนำไปบูชาด้วย แต่จำนวนไม่มากนัก และได้เรียกขานนามพระกันเป็นสามัญ จนเป็นที่รู้จักว่า “พระสมเด็จจิตรลดา” คณะ กรรมการได้เห็นความสำคัญของพระพุทธนวราชบพิตรและพระสมเด็จจิตรลดาดังกล่าว ซึ่งมีความสำคัญและหาได้ยากยิ่ง จึงได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเพื่อจัดสร้างพระพุทธนวราชบพิตร พระพิมพ์จิตรลดา ในโอกาสเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสสักการบูชา เมื่อได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ (นามพระพิมพ์จิตรลดา เพื่อให้แตกต่างจากพระสมเด็จจิตรลดา) จึงได้เกิด “โครงการสร้างพระพุทธนวราชบพิตร พระพิมพ์จิตรลดา ในพระบรมราชินูปถัมภ์” ขึ้น โครงการ นี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับโครงการไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ คณะกรรมการนั้นมีมูลนิธิโครงการหลวง มูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท และ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นที่ปรึกษา หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ทรงเป็นประธานกรรมการอำนวยการ พล.อ.ต.กำธน สินธวานนท์ เป็นรองประธานกรรมการอำนวยการ และคุณวัลลภ เจียรวนนท์ เป็นประธานกรรมการดำเนินงาน การจัดสร้างนั้น แบ่งเป็นพระเนื้อโลหะส่วนหนึ่ง และพระเนื้อผงอีกส่วนหนึ่งคณะกรรมการได้ดำเนินการ ดังนี้ ด้วยการจัดสร้างพระพุทธนวราชบพิตร พระพิมพ์จิตรลดาในครั้งนี้ มีทั้งพระเนื้อโลหะและพระเนื้อผง พระเนื้อโลหะมีหลายรายการ แต่สร้างจำนวนไม่มาก แต่พระเนื้อผงรายการเดียวนั้นจัดสร้าง 1 ล้านองค์ ดังนั้น การจัดเตรียมเนื้อพระจึงเป็นเรื่องใหญ่ที่คณะกรรมการได้เตรียมการล่วงหน้า ไว้เป็นเวลานาน คณะกรรมการได้จัดสร้างพระทั้งหมดตามโครงการนี้ ดังนี้ 1.พระพุทธนวราชบพิตร พระบูชาเนื้อนวโลหะ ขนาดหน้าตัก 12 นิ้ว จำนวน 3 องค์ เพื่อทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (เมื่อทูลเกล้าฯถวายแล้ว ได้พระราชทานมูลนิธิโครงการหลวง 1 องค์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ 1 องค์) 2.พระ กริ่งพิมพ์จิตรลดา ชุดพิเศษ เป็นองค์พระพุทธนวราชบพิตรลอยองค์ ฐานบัวสองชั้น ขนาดหน้าตัก 2.2 ซม. สูง 4.6 ซม. ด้านหลังมีตรากาญจนาภิเษก จัดสร้างเฉพาะผู้สั่งจอง จำนวน 108 ชุด 1 ชุด มีพระกริ่งเนื้อทองคำหนักประมาณ 51 กรัม 1องค์ เนื้อเงิน 1 องค์ เนื้อนาก 1 องค์ เนื้อสัมฤทธิ์ 1 องค์ เนื้อนวโลหะ 1 องค์ พระพิมพ์จิตรลดา ขนาดใหญ่ เนื้อทองคำ 1 องค์ เนื้อเงิน 1 องค์ เนื้อนวโลหะ 1 องค์ พระพิมพ์จิตรลดา ขนาดเล็ก เนื้อทองคำ 1 องค์ เนื้อเงิน 1 องค์ เนื้อนวโลหะ 1 องค์ และพระพิมพ์จิตรลดา เนื้อผง 1 องค์ รวม 12 องค์ บรรจุรวมในกล่องไม้สวยงาม 3.พระ พิมพ์จิตรลดา ขนาดใหญ่ เป็นพระพิมพ์รูปองค์พระพุทธนวราชบพิตรนูนต่ำบนพื้นสามเหลี่ยม สูง 3.2 ซม. ด้านหลังเป็นตรากาญจนาภิเษก มีอักษรว่า โครงการหลวง สร้างเป็นเนื้อทองคำ เงิน และนวโลหะ 2,539 ชุด เฉพาะเนื้อเงิน 40,000 องค์ เฉพาะเนื้อนวโลหะ 40,000 องค์ พระพิมพ์จิตรลดาขนาดเล็ก เหมือนขนาดใหญ่แต่ย่อมกว่า คือสูงเพียง 2.3 ซม. จัดสร้างเนื้อทองคำ เงิน นวโลหะ ชุดละ 3 องค์ รวม5,000 ชุด เฉพาะเนื้อเงิน 60,000 องค์ เนื้อนวโลหะ 60,000 องค์ 4.พระ พิมพ์จิตรลดา เนื้อผงลักษณะและขนาดเหมือนพระพิมพ์จิตรลดาขนาดใหญ่ มีรายละเอียดเหมือนกัน เพียงแต่เป็นเนื้อผงพุทธคุณ จัดสร้างจำนวน 1,000,000 องค์ นอก จากจำนวนที่สร้างตามกำหนดดังกล่าวแล้ว ยังได้จัดสร้างอีกส่วนหนึ่งคือ พระกริ่งจิตรลดาชุดพิเศษ (ชุดละ 12 องค์ ตามข้อ 2) จำนวน 6 ชุด และพระเนื้อผงจำนวน 50,000 องค์ เพื่อทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก กับมีพระกริ่งเจริญโภคทรัพย์ 1 องค์ พระพิมพ์จิตรลดา เนื้อผง 1 องค์ รวมเป็นชุด ทั้งหมด 1,999 ชุด สำหรับกรรมการและคณะทำงานดังที่ได้เล่าเมื่อครั้งก่อนแล้ว สำหรับ พิธีพุทธาภิเษกดังได้ให้รายละเอียดไว้ใน ลานโพธิ์ ฉบับที่ 960 ตอนพระกริ่งเจริญโภคทรัพย์ คือ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2538 สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เป็นประธานจุดเทียนชัย และ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ดับเทียนชัย มีพระคณาจารย์นั่งปรกปลุกเสก รวม 36 รูป พระ กริ่งจิตรลดาหรือพระพุทธนวราชบพิตร พิมพ์จิตรลดาชุดพิเศษ จำนวน 108 ชุด นั้นมีผู้จองครบตามจำนวนที่สร้างนั้น และเมื่อหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ประธานคณะกรรมการอำนวยการทรงนำคณะกรรมการเข้าเฝ้าทูลเกล้าฯถวายพระชุดพิเศษ 1 ชุด และพระเนื้อผง 50,000 องค์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกับทูลเกล้าฯ ถวายเงินสมทบทุนมูลนิธิโครงการหลวง จำนวน 277,035,026.19 บาท ผู้สั่งจองพระชุดพิเศษทั้งหมดได้เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานพระจากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวเรียบร้อย เมื่อวันอังคารที่ 23 เมษายน 2539 ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระพิมพ์จิตรลดา เนื้อโลหะ และเนื้อผง น่าจะยังพอหาได้บ้าง ส่วนพระกริ่งเจริญโภคทรัพย์ มีผู้ทำบุญไปหมดแล้ว.
เหรียญพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9 รุ่นประวัติศาสตร์ ปี2539 ที่ระลึกเนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และสมโภชวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร สถาปนา ครบรอบ 229 ปี "เนื้อทองแดง" ขนาดโดยประมาณ 3 ซ.ม. สวยๆเดิม พิธีมหาชัยมงคลภิเษก ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จเป็น องค์ประธานจุดเทียนชัย พร้อมทั้งพระคณาจารย์ผู้มีเมตตาธรรมชื่อดัง จากทุกภาคของประเทศไทย จำนวน 109 รูป อาทิเช่น -หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ -หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม -หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ -หลวงพูล วัดไผ่ล้อม -หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง -หลวงปู่ทิม วัดพระขาว -หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน -หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม ฯลฯ เป็นต้น
เหรียญพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9 รุ่นประวัติศาสตร์ ปี2539 ที่ระลึกเนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และสมโภชวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร สถาปนา ครบรอบ 229 ปี "เนื้อทองแดง" ขนาดโดยประมาณ 3 ซ.ม. สวยๆเดิม พิธีมหาชัยมงคลภิเษก ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จเป็น องค์ประธานจุดเทียนชัย พร้อมทั้งพระคณาจารย์ผู้มีเมตตาธรรมชื่อดัง จากทุกภาคของประเทศไทย จำนวน 109 รูป อาทิเช่น -หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ -หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม -หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ -หลวงพูล วัดไผ่ล้อม -หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง -หลวงปู่ทิม วัดพระขาว -หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน -หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม ฯลฯ เป็นต้น
เหรียญพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9 รุ่นประวัติศาสตร์ ปี2539 ที่ระลึกเนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และสมโภชวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร สถาปนา ครบรอบ 229 ปี "เนื้อทองแดง" ขนาดโดยประมาณ 3 ซ.ม. สวยๆเดิม พิธีมหาชัยมงคลภิเษก ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จเป็น องค์ประธานจุดเทียนชัย พร้อมทั้งพระคณาจารย์ผู้มีเมตตาธรรมชื่อดัง จากทุกภาคของประเทศไทย จำนวน 109 รูป อาทิเช่น -หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ -หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม -หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ -หลวงพูล วัดไผ่ล้อม -หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง -หลวงปู่ทิม วัดพระขาว -หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน -หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม ฯลฯ เป็นต้น
+++เหรียญในหลวงทรงผนวช บล๊อคธรรมดา(เจดีย์ไม่เต็ม) ตัวหนังสือไหล(นิยม) ปี 2508 เนื้อฝาบาตร วัดบวรฯ กทม. สวยเดิม พร้อมบัตรรับรองพระแท้เพื่อความสบายใจ ปัจจุบันเริ่มหายากแล้วนะครับ พระดีอนาคตไกล เอาไว้ใช้ก็เป็นศิริมงคลแก่ชีวิต +++พระตรงตามรูปครับ+++ ประวัติการสร้าง เมื่อปี พ.ศ. 2508 ทางวัดบวรฯ กทม. ได้ขอพระบรมราชานุญาตสร้าง เหรียญพระบรมรูปทรงผนวช มีพระปรมาภิไธย ซึ่งเป็นลายพระหัตถเลขาทรงไว้ในสมุดทะเบียนวัดว่า "ภูมิพลอดุลยเดช ปร. ภูมิพโล" อยู่ภายใต้พระบรมรูป (ถ่ายทำจากลายเซ็นตามจริง) เบื้องบนมีอักษรว่า "ทรงผนวช ๒๔๙๙" ส่วนอีกด้านหนึ่งมีรูปพระเจดีย์วัดบวรนิเวศวิหาร มีอักษรเป็นวงกลมที่ขอบเหรียญว่า"สมเด็จฯสมโภชพระเจดีย์ทองบวรนิเวศ ในมงคลสมัยพระชนมายุเสมอสมเด็จพระราชบิดา ๒๙ สิงห์ พ.ศ. ๒๕๐๘" เหรียญทั้งหมด ได้นำเข้าในพิธีพุทธาภิเษก ในวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2508 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ถึง 4 ครั้ง คือ ในวันที่ 27 สิงหาคม 2508 เสด็จฯ ทรงบำเพ็ญพุทธาภิเษกครั้งหนึ่ง วันที่ 28 สิงหาคม 2508 เสด็จฯ ในพระราชพิธีกุศลทักษิณานุปทานถวายสมเด็จพระราชบิดาครั้งหนึ่ง วันที่ 29 สิงหาคม 2508 เสด็จ 2 ครั้ง ตอนเช้าเสด็จฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระชนมายุเสมอด้วยสมเด็จพระราชบิดา ทรงปฏิบัติพระราชกิจทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอีก 3 อย่าง มีทรงประกอบพิธีหล่อพระพุทธรูป ภปร. เป็นต้น พิธีพุทธาภิเษก ได้ประกอบพิธีกันทั้งคืน มีพระคณาจารย์ผู้ทรงคุณนั่งปรกถึง 5 ชุด ชุดละ 8 องค์ รวม 40 องค์ ล้วนแล้วแต่เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ทรงคุณและมีชื่อเสียงโด่งดัง เช่น1.สมเด็จพระญาณสังวร พระสังฆราชวัดบวรฯ กรุงเทพมหานคร 2.หลวงปู่ดี วัดเหนือ กาญจนบุรี 3.หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพมหานคร 4.อาจารย์นำ วัดดอนศาลา พัทลุง 5.หลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม นครปฐม เป็นต้น ทำให้เหรียญพระบรมรูปทรงพระผนวชรุ่นแรกนี้ได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบันและเป็นวัตถุมงคลยอดนิยมเป็นอันดับต้นๆของนักนิยมพระเครื่อง
องค์นี้เนื้อนวะออกวรรณะแก่เงิน หายากครับ เนื่องในปี2539 ในวโรกาสพระราชพิธีกาญจนาภิเษก ฉลองสิริราชสมบัติ 50 ปี ได้มีการจัดสร้าง "พระกำลังแผ่นดิน" ขึ้นโดยพระราชพิพัฒน์โกศล เจ้าอาวาสวัดศรีสุดารามวรวิหาร ประธานการก่อสร้างโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ เพื่อมอบแก่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคทรัพย์สมทบทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ พุทธมณฑลสาย3 พระกำลังแผ่นดินที่จัดสร้างขึ้นในครั้งนั้น ประกอบด้วยเนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวโลหะ และเนื้อผง องค์พระมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับพระสมเด็จจิตรลดา และที่ด้านหลัง ได้อัญเชิญตราสัญลักษณ์งานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปีมาประดิษฐานไว้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จพระราชดำเนิน เป็นองค์ประธานประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวัง วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2539 เวลา 15:19 น. โดยพระภาวนาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมจำนวน 109 รูป โดยถือว่าพระรุ่นนี้ได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการจัดสร้าง ถือว่าเป็นสมเด็จจิตรลดา๒ ควรค่าแก่การบูชา ต่อไปคงหาราคาแบบนี้ไม่ได้แล้วครับ ช.มหานิยม *****รับประกันคุณภาพครับ*****