“พระพิมพ์หูยานลพบุรี” โดยสร้างล้อพิมพ์จาก “พระหูยานศิลปะลพบุรี” โดยแกะแม่พิมพ์ขึ้นใหม่มีความสวยงามขนาดพอเหมาะคือไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกิน ไป ด้านหลังประดิษฐานพระปรมาภิไธยย่อ “จ.ป.ร.” จัดสร้างเป็น ๒ เนื้อ “นวโลหะ” และ “เนื้อทองแดง” ออกแบบและแกะแม่พิมพ์โดย นายช่างเกษม มงคลเจริญ. “การจัดสร้างวัตถุมงคลฉลอง ๑๐๐ ปีของวัดราชบพิธฯครั้งนั้น มีความพิถีพิถันมากโดยกำชับให้ช่างทำการเจือ “เนื้อโลหะ” ทั้งหมดที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จฯเททองวัตถุมงคลเป็นปฐมฤกษ์ ผสมกับแผ่นยันต์ลงอักขระของบรรดา “คณาจารย์” ผู้ทรงวิทยาคุณจากทั่วประเทศ “๑๐๘รูป” พร้อมทั้งชนวนโลหะวัตถุมงคลรุ่นเก่า ๆ ทุกรุ่นของวัดราชบพิธฯลงในวัตถุมงคล “ทุกแบบทุกเนื้อและทุกพิมพ์” ให้ทั่วถึงกัน ทางวัดจึงกำหนดประกอบพิธี “มหาพุทธาภิเษก” เป็นเวลา “๓ วัน ๓ คืน” คือระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐-๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๔ โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงมีพระมหากรุณา ธิคุณโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธี “จุดเทียนชัย” ในวันศุกร์ที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๔ “พระคณาจารย์” ผู้ทรงวิทยาคุณจาก “ทั่วพระราชอาณาจักร” ซึ่งล้วนเเต่เป็น “พระคณาจารย์” ที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านพุทธคมในยุคนั้นทั้งสิ้นที่รับนิมนต์มานั่งปรก ปริกรรมเจริญภาวนาจำนวน “๑๐๘ รูป” โดยผลัดเปลี่ยนกันมาร่วมพิธีในเเต่ละวัน (อาทิ ลป.โต๊ะ/ลพ.เงิน/ลป.เทศก์/หลวงตามหาบัว/ลพ.เทียม/พระอาจารย์นำ/ลป.หิน/ ลพ.ทูรย์/ลพ.ทองอยู่/ลพ.กี๋/ลพ.ขอม/ลพ.โชติ ระลึกชาติ/ลป.อ่อน/ลพ.เย่อ/ลพ.นอ/ลพ.แต้ม/พระอาจารย์วัน/ลพ.เชื้อ ฯลฯ เป็นต้น) ดังนั้น “วัตถุมงคล” ชุด “ฉลอง ๑๐๐ ปี วัดราชบพิธฯ” นี้จึงเป็นวัตถุมงคลที่ถึงพร้อมด้วย “พระพุทธคุณ, พระธรรม คุณ, พระสังฆคุณ” และ “พระมหากษัตริยาธิคุณ” ของ “พระมหากษัตริย์” ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐแก่ประเทศไทยถึง “๒ พระองค์” ด้วยกันคือ “รัชกาลที่ ๕” และ“รัชกาลที่ ๙” อย่างเปี่ยมล้นยิ่งนัก. ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ อนึ่งสำหรับ “พระพิมพ์หูยาน จ.ป.ร.” รุ่นฉลอง “๑๐๐ ปีวัดราชบพิธฯ” นี้ บรรดาเซียนพระยุค “ปี ๒๕๑๔” นิยมเรียกขานว่ารุ่น “ปืนแตก” โดยจากคำบอกเล่าของท่านเจ้าคุณ “พระธรรมเมธี (อัคค ชิโน)” เช่นกัน เหตุที่บรรดาเซียนพระยุคนั้นเรียกกันก็สืบเนื่องจาก “หลังการจัดทำพิธีพุทธาภิเษกแล้ว ได้มีบรรดานายทหารจาก กรมรักษาดินแดน และ กระทรวงกลาโหม ซึ่งอยู่ใกล้กับ วัดราชบพิธฯ ได้ มาบูชาซึ่งสมัยนั้นราคาถูกมากเพียง “องค์ละ ๑๐ บาท” เท่านั้นและหลังจากบูชากันไปแล้วทหารหลายรายได้นำไปพิสูจน์ “ความเข้มขลัง” ด้วยการนำ “พระหูยาน จ.ป.ร.” ที่นำไปเลี่ยมพลาสติกแล้วไปแขวนกับ “ธงชาติ” แล้วชักธงชาติระดับเหนือศีรษะขึ้นจากนั้นทำการ “ทดลองยิง” ปรากฏว่า “นัดแรก” กระสุนปืนเกิดด้าน “ยิงไม่ออก” จึงทำการตรวจสอบปืนใหม่แล้วทดลอง “ยิงอีกนัด” คราวนี้ปรากฏว่าเกิดเสียง “ระเบิด” ดังขึ้นและพอสิ้นเสียงระเบิด “ทหาร” ผู้ทำการทดลองยิงก็ออกอาการ “ตกใจ” เมื่อเห็น “ปากกระบอกปืน” ที่ใช้ทดลองยิง “แตกเป็นรอยร้าวทั้งลำกล้อง” ใช้การไม่ได้อีกเลยตั้งแต่นั้นมาบรรดา “ทหาร” ที่อยู่ในเหตุการณ์ทดลองยิงจึงเรียก “พระหูยาน จ.ป.ร.” ว่ารุ่น “ปืนแตก” เป็นที่เลื่องลือกันมากในยุคนั้น นอกจากนี้บรรดาทหารที่อาสาสมัครไปร่วมรบใน “สมรภูมิเวียดนาม” ที่รอดชีวิตกลับมาก็มีการร่ำลือว่า “เหตุที่รอดชีวิตเพราะได้พกพาพระหูยานรุ่นปืนแตกนี้ติดตัวไปด้วย” รวมทั้งบรรดาเซียนพระหลายราย ก็มีการบอกเล่ากันต่อ ๆ มาว่า “พระหูยาน จ.ป.ร.” มีพุทธคุณเข้มขลังด้าน “ยอดเหนียว” เนื่องจากมีเหตุ “วัยรุ่นยกพวกตะลุมบอนกัน” พร้อมทั้งใช้อาวุธที่มีทั้งมีดดาบและปืนฟันและยิงใส่กันแบบ “เอาเป็นเอาตาย” แต่ปรากฏว่าผู้ที่พกพา “พระหูยาน จ.ป.ร.” ติดตัวไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเลยทั้งที่บางรายถูกฟันจนเสื้อขาดและบางราย ถูกยิงจนเสื้อเป็นรูทะลุแต่จุดที่ถูกฟันและถูกยิงเป็นเพียง “รอยจ้ำ” ช้ำแดงเท่านั้น ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“พระพิมพ์หูยานลพบุรี” โดยสร้างล้อพิมพ์จาก “พระหูยานศิลปะลพบุรี” โดยแกะแม่พิมพ์ขึ้นใหม่มีความสวยงามขนาดพอเหมาะคือไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกิน ไป ด้านหลังประดิษฐานพระปรมาภิไธยย่อ “จ.ป.ร.” จัดสร้างเป็น ๒ เนื้อ “นวโลหะ” และ “เนื้อทองแดง” ออกแบบและแกะแม่พิมพ์โดย นายช่างเกษม มงคลเจริญ “การจัดสร้างวัตถุมงคลฉลอง ๑๐๐ ปีของวัดราชบพิธฯครั้งนั้น มีความพิถีพิถันมากโดยกำชับให้ช่างทำการเจือ “เนื้อโลหะ” ทั้งหมดที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จฯเททองวัตถุมงคลเป็นปฐมฤกษ์ ผสมกับแผ่นยันต์ลงอักขระของบรรดา “คณาจารย์” ผู้ทรงวิทยาคุณจากทั่วประเทศ “๑๐๘รูป” พร้อมทั้งชนวนโลหะวัตถุมงคลรุ่นเก่า ๆ ทุกรุ่นของวัดราชบพิธฯลงในวัตถุมงคล “ทุกแบบทุกเนื้อและทุกพิมพ์” ให้ทั่วถึงกัน ทางวัดจึงกำหนดประกอบพิธี “มหาพุทธาภิเษก” เป็นเวลา “๓ วัน ๓ คืน” คือระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐-๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๔ โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงมีพระมหากรุณา ธิคุณโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธี “จุดเทียนชัย” ในวันศุกร์ที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๔ “พระคณาจารย์” ผู้ทรงวิทยาคุณจาก “ทั่วพระราชอาณาจักร” ซึ่งล้วนเเต่เป็น “พระคณาจารย์” ที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านพุทธคมในยุคนั้นทั้งสิ้นที่รับนิมนต์มานั่งปรก ปริกรรมเจริญภาวนาจำนวน “๑๐๘ รูป” โดยผลัดเปลี่ยนกันมาร่วมพิธีในเเต่ละวัน (อาทิ ลป.โต๊ะ/ลพ.เงิน/ลป.เทศก์/หลวงตามหาบัว/ลพ.เทียม/พระอาจารย์นำ/ลป.หิน/ ลพ.ทูรย์/ลพ.ทองอยู่/ลพ.กี๋/ลพ.ขอม/ลพ.โชติ ระลึกชาติ/ลป.อ่อน/ลพ.เย่อ/ลพ.นอ/ลพ.แต้ม/พระอาจารย์วัน/ลพ.เชื้อ ฯลฯ เป็นต้น) ดังนั้น “วัตถุมงคล” ชุด “ฉลอง ๑๐๐ ปี วัดราชบพิธฯ” นี้จึงเป็นวัตถุมงคลที่ถึงพร้อมด้วย “พระพุทธคุณ, พระธรรม คุณ, พระสังฆคุณ” และ “พระมหากษัตริยาธิคุณ” ของ “พระมหากษัตริย์” ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐแก่ประเทศไทยถึง “๒ พระองค์” ด้วยกันคือ “รัชกาลที่ ๕” และ“รัชกาลที่ ๙” อย่างเปี่ยมล้นยิ่งนัก. ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ อนึ่งสำหรับ “พระพิมพ์หูยาน จ.ป.ร.” รุ่นฉลอง “๑๐๐ ปีวัดราชบพิธฯ” นี้ บรรดาเซียนพระยุค “ปี ๒๕๑๔” นิยมเรียกขานว่ารุ่น “ปืนแตก” โดยจากคำบอกเล่าของท่านเจ้าคุณ “พระธรรมเมธี (อัคค ชิโน)” เช่นกัน เหตุที่บรรดาเซียนพระยุคนั้นเรียกกันก็สืบเนื่องจาก “หลังการจัดทำพิธีพุทธาภิเษกแล้ว ได้มีบรรดานายทหารจาก กรมรักษาดินแดน และ กระทรวงกลาโหม ซึ่งอยู่ใกล้กับ วัดราชบพิธฯ ได้ มาบูชาซึ่งสมัยนั้นราคาถูกมากเพียง “องค์ละ ๑๐ บาท” เท่านั้นและหลังจากบูชากันไปแล้วทหารหลายรายได้นำไปพิสูจน์ “ความเข้มขลัง” ด้วยการนำ “พระหูยาน จ.ป.ร.” ที่นำไปเลี่ยมพลาสติกแล้วไปแขวนกับ “ธงชาติ” แล้วชักธงชาติระดับเหนือศีรษะขึ้นจากนั้นทำการ “ทดลองยิง” ปรากฏว่า “นัดแรก” กระสุนปืนเกิดด้าน “ยิงไม่ออก” จึงทำการตรวจสอบปืนใหม่แล้วทดลอง “ยิงอีกนัด” คราวนี้ปรากฏว่าเกิดเสียง “ระเบิด” ดังขึ้นและพอสิ้นเสียงระเบิด “ทหาร” ผู้ทำการทดลองยิงก็ออกอาการ “ตกใจ” เมื่อเห็น “ปากกระบอกปืน” ที่ใช้ทดลองยิง “แตกเป็นรอยร้าวทั้งลำกล้อง” ใช้การไม่ได้อีกเลยตั้งแต่นั้นมาบรรดา “ทหาร” ที่อยู่ในเหตุการณ์ทดลองยิงจึงเรียก “พระหูยาน จ.ป.ร.” ว่ารุ่น “ปืนแตก” เป็นที่เลื่องลือกันมากในยุคนั้น นอกจากนี้บรรดาทหารที่อาสาสมัครไปร่วมรบใน “สมรภูมิเวียดนาม” ที่รอดชีวิตกลับมาก็มีการร่ำลือว่า “เหตุที่รอดชีวิตเพราะได้พกพาพระหูยานรุ่นปืนแตกนี้ติดตัวไปด้วย” รวมทั้งบรรดาเซียนพระหลายราย ก็มีการบอกเล่ากันต่อ ๆ มาว่า “พระหูยาน จ.ป.ร.” มีพุทธคุณเข้มขลังด้าน “ยอดเหนียว” เนื่องจากมีเหตุ “วัยรุ่นยกพวกตะลุมบอนกัน” พร้อมทั้งใช้อาวุธที่มีทั้งมีดดาบและปืนฟันและยิงใส่กันแบบ “เอาเป็นเอาตาย” แต่ปรากฏว่าผู้ที่พกพา “พระหูยาน จ.ป.ร.” ติดตัวไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเลยทั้งที่บางรายถูกฟันจนเสื้อขาดและบางราย ถูกยิงจนเสื้อเป็นรูทะลุแต่จุดที่ถูกฟันและถูกยิงเป็นเพียง “รอยจ้ำ” ช้ำแดงเท่านั้น ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เหรียญเจ้าแม่กวนอิม หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ปี 38 เนื้อทองแดง สภาพสวย (1)
รับประกันความพอใจและตามกฎครับ
เคาะเดียวเลยครับ...........
หลวงปู่ทวด วัดพังเถียะ เนื้อว่าน จ.สงขลา ปี2505 ปลุกเสกโดย อ.ทิม ผู้ให้กำเนิดพระเนื้อว่านปี2497 พิธี พุทธาภิเษกจัดขึ้นถุกต้องตามหลักโบราณในการสร้างพระลป.ทวด ผู้ปลุกเสกในพิธีเป็นพระที่มีความเชียวชาญด้านอาคม และเป็นพระที่มีพลังจิตแก่กล้าในภาคใต้ยุคนั้น เช่น อ.หมุน วัดเขาแดง พัทลุง อ.ทิม วัดวังแก้ว พระราชพรหมาภรณ์ วัดเขาแดง เจ้าคณะนราธิวาสขณะนั้น เจ้าคณะจังหวัดสตูล พระครปลัดเฉลียง ภูริปุญโญ และที่ขาดไม่ได้ อันเห็นจะได้แก่ อ.ทิม ผู้ให้กำเนิดพระเนื้อว่านปี2497 ลป.ทวด วัดช้างไห้!!!!! ซึ่งปกติการสร้างพระหลวงพ่อทวดโดยทั่วไปพระอาจารย์ทิมจะต้องทำพิธีบอกกล่าว ต่อดวงวิญญาณหลวงพ่อทวด เพื่อขออนุญาตจัดสร้างเป็นคราวๆไป แต่สำหรับหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน ของวัดพังเถียะ นับว่าเป็นที่แปลกไปกล่าวการสร้างครั้งอื่นๆ กล่าวคือท่านอาจารย์ทิมท่านได้นิมิตจากหลวงพ่อทวด บอกว่าให้สร้างพระหลวงพ่อทวดเพื่อถวายให้กับทางวัดพังเถียะ เพื่อทางวัดจะได้แจกจ่ายให้กับผู้เข้ามาทำบุญเสียสละทรัพย์ ในการก่อสร้างพระอุโบสถของวัด ดังนั้นหลวงพ่อทิมจึงแจ้งให้ทางวัดพังเถียะทราบพร้อมทั้งได้จัดสร้างพระ พิมพ์นี้ถวายให้ นัยว่าเนื้อพระมีส่วนประสมของว่านเก่าที่สร้างหลวงพ่อทวดรุ่นแรก ของวัดช้างให้เมื่อปี 2497 ไว้ด้วย ลักษณะพระมีเพียงพิมพ์เดียว สีเทา-เทาดำ-สีดำ เนื้อแกร่งเพราะมีส่วนผสมของปูนมาก แต่ก็หมดจากวัดด้วยเวลาอันรวดเร็ว
สมเด็จ ปลัดสุพจน์ วัดสุทัศน์ ปี2484 พิธีอินโดจีน พระสมเด็จนี้จัดสร้างโดยลพ.สุพจน์ นามเต็มของท่านคือ "พระครูพุทธมนต์วราจารย์" ท่านเป็นพระแบบว่าเก่งเงียบ ท่านมีวิชาลบผงสร้างผงจากตำราโบราณของวัดสุทัศน์ (ตำราโบราณของพระครูลมูล วัดสุทัศน์) เป็นสหายธรรมกับหลวงปู่นาคและหลวงปู่หินวัดระฆัง จึงได้รับมอบผงสมเด็จวัดระฆังที่แตกหักเป็นจำนวนมาก ท่านเป็นหนึ่งในเกจิที่ร่วมปลุกเสกพระยี่สิบห้าพุทธศตวรรษ และงานพุทธาภิเษกใหญ่ ๆ เช่นพิธีวัดประสาทฯ ปี 06 พิธีปลุกเสกพระประจำจังหวัดชลบุรี ปี 09 ที่วัดป่าชลบุรี ก็มีชื่อของท่านในทำเนียบพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับการนิมนต์มาร่วมพิธีปลุก เสกด้วย สมเด็จพิมพ์นี้สร้างที่วัดสุทัศน์ฯ เมื่อปี 84 (พิธีอินโดจีน) โดยลูกศิษย์ของท่านนำพระสมเด็จวัดระฆังที่แตกหักจำนวนมากและไม่ได้ใครสนใจมา ถวายท่าน ท่านจึงนำพระเหล่านั้นมาบดเป็นผงละเอียดและได้แกะพิมพ์ขึ้นมาใหม่ และได้กราบเรียนสมเด็จพระสังฆราชแพเพื่อขออนุญาตนำพระเข้าปลุกเสกในพิธีนั้น พร้อม ๆ กับวัตถุมงคลต่าง ๆ หลังจากนั้นจึงได้มอบให้แก่ลูกศิษย์ตลอดจนทหาร ตำรวจ และข้าราชการต่าง ๆ ที่ต้องไปราชการสงครามในสมัยนั้นเพื่อไปเป็นมงคล ปรากฎว่า "ประสบการณ์ดีเยี่ยม" พอข่าวนี้แพร่ออกไปปรากฎว่ามีประชาชนต่างมาทยอยขอพระสมเด็จจากท่านจำนวนมาก ซึ่งท่านก็มอบให้ด้วยความเต็มใจจนหมด จึงเรียกได้ว่าพระชุดนี้ "ดีนอก ดีใน" จริง ๆ
พระขุนแผนกั่วเผาะ มี 2 พิมพ์ คือ พิมพ์เล็ก กับพิมพ์ใหญ่ มี 3 เนื้อ ขาว แดง ดำ และอีกรุ่นคือ ขุนแผนชินกั่วเผาะ เนื้อตะกั่ว ซึ่งสร้างหลังจากชุดเนื้อผง ขุนแผนกั่วเผาะ ฟันลูกเดียว ผสมผงพรายกุมารกับลึงค์ช้าง เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา มีพระสงฆ์อยู่ในป่ารูปหนึ่ง ท่านอยู่รูปเดียวกระท่อมเล็กๆที่หมู่บ้านหิน เหล็ก ไฟ ต.กะโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ หมู่บ้านกะโพ ที่ท่านจำพรรษาอยู่ลึกเข้าไปในป่า เป็นหมู่บ้านของชาวขอทาน ซึ่งเป็นหมู่บ้านของคนที่มีวิชาอาคม และเป็นหมู่บ้านที่มีช้าง ซึ่งมีชื่อเสียงมากของประเทศไทย หลวงพ่อรูปนี้ท่านมีของดีที่เรียกว่า”กั่วเผาะ”เป็นสุดยอดทางเมตตามหานิยม “ท่านทำมาจากของดีที่เอายาก คนไปเอาของดีชนิดนี้ ดีไม่ดี ตายเอาง่ายๆ” “กั่วเผาะ” มันคือสุดยอดของเครื่องรางทางเมตตามหานิยมที่มีต้นกำเนิดทางอีสานใต้ หาคนทำได้ยากที่สุด เพราะถ้าคนทำไม่เก่งจริง มีแต่ตายลูกเดียว คนที่จะทำ”กั่วเผาะ”ได้ จะต้องเสี่ยงกับความตายโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน พระอาจารย์รูปนี้ ท่านปลูกกระท่อมอยู่รูปเดียวในหมู่บ้านหินเหล็กไฟ ที่อยู่ลึกไปจาก ต.กะโพ อีก 10 กว่ากิโล ท่านชื่อ “หลวงพ่อชู กันตะวีโร”เมื่อประมาณปี 2527 คือ 20 ปีท่แล้ว ท่านเพิ่งบวชได้เพียง 7 พรรษา อายุเพียง 56 ปีเท่านั้น ยังเป็นพระสงฆ์ที่หนุ่มแน่นอยู่มาก ก่อนที่ท่านจะมาบวช ท่านเคยเป็น “ณุ เฒ่า”มาก่อน “ณุ เฒ่า”คือหมอไสยศาสตร์ หรือคนที่มีวิชาอาคมเก่งกล้า เป็นอาจารย์ของพวกส่วยที่เลี้ยงช้าง ท่านเป็น”ณุ เฒ่า”มาตั้งแต่หนุ่มๆ ชาวบ้าน และลูกศิษย์ของท่าน เรียกท่านว่า”จอมพลสวัสดิ์ 2″ เพราะท่านมีเมียมีลูกมาก จนจำไม่ได้ว่าลูกคนไหน แม่คนไหน เพราะมีมากเหลือเกิน ชาวบ้านแถวนั้นเล่าว่า..หลวงพ่อชูสมัยเป็นฆราวาส ท่านเป็นหมอไสยศาสตร์ที่เก่งกาจมาก จะหาคนเท่าเทียมได้ยาก นอกจากท่านจะเก่งกาจในเรื่องช้างแล้ว ท่านยังเชี่ยวชาญเรื่องการทำเสน่ห์ยาแฝดอีกด้วย วัตถุที่ท่านนำมาทำเป็น “กั่วเผาะ”คือ “น้ำมันช้างตกมัน” (ตามภาษาส่วยเรียกว่า”กั่วเผาะ” ถ้าเรียกตามภาษากลางกลาง”กั่วเผาะ”ก็คือ”สีผึ้ง” นั่นเอง) สีผึ้งของหลวงพ่อชู ท่านจะผสม น้ำมันของช้างที่กำลังตกมัน ซึ่งเจ้าของต้องตีปลอกล่ามโซ่ไว้ เพื่อป้องกันมันไปกระทืบคน เพราะเวลาที่ช้างตกมัน เป็นเวลาที่มีอารมณ์รุนแรง โดยเฉพาะอารมณ์ทางเพศจะรุนแรงมาก และน้ำมันที่ไหลออกมาจากขมับทั้งซ้ายและขวา จะเป็นวัตถุอาถรรพณ์ที่แรงและมีพลังอำนาจมากๆ และท่านยังเอาว่าน และวัตถุอาถรรพณ์ต่างๆ เช่นสีผึ้งตามท่ารถ ท่าเรือ 7 ท่า มาผสมและว่านมงคลต่างๆ และสิ่งสุดท้ายที่ท่านผสมคือ น้ำมันช้างตกมันนั่นเอง หลวงพ่อชู ท่านเล่าว่า นำมันช้างตกมันเป็นของอาถรรพณ์ที่ที่หายาก มีผลทางเสน่ห์มหานิยมมากที่สุด เมื่อไปเอามาได้แล้วต้องผสมลงในสีผึ้งทันที่เพราะเป็นน้ำมันที่ระเหยเร็วมาก จากนั้นจึงนำมาทำพิธีปลุกเสกและแจกจ่ายให้ผู้ที่มาขอให้ท่านช่วยเหลือเพียงคนละเล็กละน้อยเท่านั้น หลวงพ่อชูท่านยังกล่าวอีกว่า “กั่วเผาะ”ที่ท่านทำขึ้นนั้น ใช้ได้ผลดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นให้ผัวเมียรักกัน หรือ ให้ผัวกลับมารักเมีย หลงเมีย เลิกจากเมียน้อย ท่านก็ทำได้ทั้งนั้น แต่วิชานี้เป็นวิชามาร ทำไปมากๆเข้ามารก็มาสิงในตัวท่าน ผู้หญิงที่มาหาท่านให้ท่านลงของหรือทำของให้ ท่านก็จะเอาทำเมียหมด เมื่อทำเข้าบ่อยครั้งเข้า ท่านก็สำนึกได้ว่านั่นคือ “นรก” ท่านจึงตั้งใจจะบวชสักพรรษาเดียว เพื่อจะฝึกจิตให้แข็งกว่ามาร จะได้เลิกทำชั่ว เมื่อบวชแล้ว ท่านจึงรู้ว่าที่ทำไปมันก็นรกดีๆนี่เอง ท่านจึงบวชไม่ยอมสึกและมาปลูกกระท่อมอยู่กลางป่าในหมู่บ้านหินเหล็กไฟ คุณชินพรสุข สถิตย์ จึงไปขอให้ท่านสร้างขุนแผนขึ้น นับเป็นขุนแผนรุ่นแรกที่สร้างขึ้นจากผงพรายกุมาร หลังจากที่หลวงปู่ทิม มรณะภาพแล้ว โดยผมสมกับกั่วเผาะ เรียกว่า “ขุนแผนกั่วเผาะ” มีทั้งพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ปลุกเสกในคืนวันราหูอมจันทร์ ขณะกบกำลังกินเดือน ซึ่งถือเป็นวันที่มีเสน่ห์ทางเพศสูงสุด และขุนแผนกั่วเผาะรุ่นแรก ก็ดังจริงๆ คนที่นำไปใช้ก็เห็นผลกันทั่วหน้า จนคุณชินพร ต้องทำขึ้นมาอีกรุ่น รุ่นนี้ นอกจากจะเอากั่วเผาะผสมลงไปด้วยแล้ว หลวงพ่อชู ยังให้เอา”ลึงค์ช้าง”มาผสมเข้าไปอีกด้วย และบอกเคล็บลับ ต่างๆในการสร้าง จนหมดเปลือก และขุนแผนรุ่น 2 ก็ดังอย่างสุดๆ และตั้งสมญานามให้ว่า”ฟันลูกเดียว” และมีชื่อออกมาอย่างเป็นทางการว่า”ขุนแผนชินกั่วเผาะ” สร้างตามฤกษ์ ที่ขุนแผนตีดาบฟ้าฟื้น แล้วก็ดังจริงๆ ตอนทำพิธีปลุกเสกหลวงพ่อชูยังกล่าวอีกว่า มีมารผจญ จนท้อใจ แต่ก็ทำจนสำเร็จ พระขุนแผนกั่วเผาะ มี 2 พิมพ์ คือ พิมพ์เล็ก กับพิมพ์ใหญ่ มี 3 เนื้อ ขาว แดง ดำ และอีกรุ่นคือ ขุนแผนชินกั่วเผาะ เนื้อตะกั่ว ซึ่งสร้างหลังจากชุดเนื้อผงครับ ....เพิ่มเติม ข้อมูลเชิงลึกของ หลวงพ่อชู กันตะวีโร ท่านเป็นพระสงฆ์ ที่มีความเด็ดเดี่ยวมากจากคำบอกเล่าของชาวบ้านหิน เหล็ก ไฟ ข้อมูลอาจคลาดเคลื่อน จากเวบอื่นที่ให้ข้อมูลเนื่องจากกระผมสืบจากปากชาวบ้านหินเหล็กไฟ และลูกศิษย์ก้นกุฏิ ที่เคยรับใช้แต่เด็ก คือ พี่รวย หรือคุณรวย ชาวบ้านหินเหล็กไฟ ทราบว่าท่านมาจำพรรษาอยู่ที่ป่าหินเหล็กไฟ หรือชาวบ้านเรียกหมู่บ้านนี้ว่าบ้านโสก ซึ่งเป็นภาษาลาว ชาวบ้านนี้พูดภาษาท้องถิ่นลาวเป็นหลักเนื่องจากอพยพมาจากที่อื่น จาก เขต จ.ร้อยเอ็ดบ้าง หลายจังหวัดมารวมกันอยู่อย่างกลมกลืน จากปากของ คุณลุงมา อดีต ผู้ใหญ่บ้านเป็นโยมอุปัฏฐาก อาจารย์โผน ศิษย์รับใช้ซึ่งเป็นพระสงฆ์และท่านสึกมาภายหลัง และอีกหลายหลายท่านที่เมตตาให้ข้อมูลเชิงลึกแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขออนุโมทนาคุณความดีเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลาย และองค์หลวงพ่อที่ล่วงลับไปแล้ว ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติม ว่าแต่เดิมท่านเป็นคนทาง อ.สังขะหรือกาบเชิง ของ จ.สุรินทร์ ท่านเล่าให้โยมภรรยาผู้ใหญ่มา ฟังว่าสมัยท่านเป็นฆราวาส แต่ก่อนเป็นนักเลงหัวไม้ เจ้าชู้ เป็นโจร คือแบบว่าไม่ดีมากๆ ชอบเรียนวิชาอาคมมากที่ไหนดีมีดีอาจารย์ขลังท่านจะไปขอเรียนวิชามาหมด ทั้งเรื่องคงกระพัน เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ เรียนจนสำเร็จจึง จะไปหาอาจารย์อื่น พอ สมัยผู้ว่าเสนอ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์สมัยนั้น ปราบปรามโจรอย่างหนักตาม นโบายรัฐบาล พูดง่ายๆ แบบใบไม้ร่วง (โจรนะครับ) โยมแม่ของท่านกลัวท่านจะถูกร่างแหไปด้วย จึงขอให้ท่านบวชให้ ท่านจึงคิดว่าจะบวชสักระยะหนึ่ง แต่พอบวชได้สักระยะกลับรู้สึกว่าถูกกับจริตตนจึงไม่ยอมสึก เดินธุดงค์ไปเรื่อยหาความสงบจนมาพบป่าดงสายทอ เป็นหมู่บ้านโสก สมัยนั้นป่ารกทึบ ท่านจึงมาขอให้ชาวบ้านปลูกกระท่อมให้เล็ก อยู่ในบริเวณสำนักสงฆ์หินเหล็กไฟ ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เอาจริงเอาจัง เคยมีโยมท่านหนึ่งอยู่บ้านบอน หมู่ 4 ต.เดียวกัน มาลองของท่าน ท่านจึงพันผ้าสบงเปล่าวางไว้บนเสารั้ว (มีผู้อยู่ในเหตุการณ์ คือ เมียผู้ใหญ่มา ) โยมคนดังกล่าวใช้ปืนสั้น .38 ไทยประดิษฐ์ ยิงผ้าดังกล่าว ปรากฏว่า ยิงไม่ออกทั้ง 3 นัด และ อีก คำบอกเล่า ของคุณรวย คือ เมื่อตอนเด็ก หลวงพ่อชูชอบใช้ท่าน ให้ไปเอาของดี พี่รวยบอกว่าก็ไม่รู้ว่าอะไรคือของดี แต่ได้เงินไปซื้อขนมกินก็พอใจตามประสาเด็กคือท่านจะเมตตาเด็ก ของดีอีกอย่างที่ท่านให้ไปเอาคือ น้ำผึ้งเดือนห้า และตามเวลาที่ท่านกำหนดท่านจะจับเวลาเองแล้วใช้ให้ไปเอา พอได้มาท่านก็จะเมตตาให้เงินไปซื้อขนม คือไปเอาในป่าหลังวัดนั่นแหละ และของอาถรรพ์ต่างเช่น กิ่งไม้ซึ่งคนใช้ผูกคอตาย อื่นๆเยอะ เก็บไว้ทำของดี แจกญาติโยม รวมถึงกั่วเผาะ หรือน้ำมันช้างตกมัน เวลาไปเอาท่านจะสะกดช้างแล้วเข้าไปเอา ส่วนใหญ่ใช้ตัวช่วยมากว่า ใช้วิชา ปกติเวลาตกมันควาญที่เคยหาหญ้ามันยังกระทืบใส้แตกเลยครับ ท่านก็ไปเอามาได้ น้ำมันชนิดนี้กลิ่นเหม็นมาก นึกภาพกลิ่นขี้ไก่สดๆครับ และก็ได้น้อยระเหยเร็ว เฉพาะควาญช้างที่ใช้ตัวช่วย ขวดกระทิงแดงขายเป็นหมื่นครับ เอายากมาก เสี่ยงตายสูงขนาดควาญยังทำไม่ได้ทุกคนเลยครับ ท่านก็เอามาทำสีผึ้ง หรือนวดนี่แหละครับ ท่านจะไม่ให้พร่ำเพรือนะครับ ท่านจะให้ผัวเมียแยกกันให้กลับมารักกัน ยกตัวอย่าง ช้าวบ้านโคกกุง จำชื่อไม่ได้ติดกับบ้านโสกนี่แหละครับ เมียทิ้ง ได้สีผึ้งไป เมียกลับมาครับ ขนาดเมียทิ้งนะครับ วัยรุ่นไปขอท่านไม่ให้ครับ กลัวไปใช้ในทางไม่ดี ท่านไม่ส่งเสริม ตัวผมเอง ยังหาไม่ได้เลยครับ มีวาสนาเพียงขุนแผนกั่วเผาะรุ่นแรก พิมพ์ใหญ่ เนื้อขาว จำคร่าวๆว่า คุณชินพรสร้างมีผงพรายหลวงปู่ทิมผสมด้วยครับเป็นรุ่นแรกที่สร้างหลังหลวงปู่ทิมมรณะครับ ก่อนจะไปสร้างถวายหลวงปู่ธรรมรังษี ที่ดังและราคาแรงมากๆ ก็เสือรุ่นแรกครับ ขนาดผสมแค่ 3 ช้อนชานะครับ (ที่อุดเสือรุ่นปี 39) และขุนแผนรุ่นแรกหลวงพ่อชูใช้ดีนะครับ ไม่เฉพาะแต่จีบสาว ผมจะใช้ด้านเมตตามากกว่าครับ อธิฐานเอาครับ ส่วนใหญ่ใช้เรื่องเจรจาตกลงได้ผลดีมากครับ กับตัวเองนะครับ ยังมีอีกครับ เรื่อง คงกระพันท่านไม่ด้อยไปกว่าอาจารย์องค์อื่นเลยนะครับ อย่ามองข้ามเหรียญรุ่นแรกท่านนะครับ ปี 28 ท่านเสก หนึ่งไตรมาส เฉพาะเนื้อทองแดงเนื้อเดียว 7พันกว่าเหรียญ บล็อกก็แตก ท่านชินพรสร้างถวายครับ ทหารที่มาหาท่านมาลองของท่านท่านก็เมตตาไม่โกรธ ชอบลองท่านก็ให้ลอง ท่านตั้งห่อพระที่ท่านเสก หลังศาลาวัดในปัจจุบัน คุณรวย อยู่ในเหตุการณ์ และอีกหลายๆท่านที่ไม่ได้กล่าวถึง ทหารนำปืน เอ็ม 16 บรรจุกระสุน 3 นัด ยิง 2นัดแรกด้านครับ เสียงไกสับดัง แชะ แชะ นัดที่ 3 ปัง ไม่ถูกครับระยะแค่ 5 เมตร ยิงโดยมืออาชีพ แล้วเอากระสุนที่เหลืออีก 2 นัด มายิงขึ้นฟ้า โป้ง โป้ง แตกหมดครับ ที่คุณชินสร้างถวายหลวงพ่อชู ก็ไดนำปัจจัยมาให้ท่านประมาณหลักแสน ท่านก็เอามาสร้างศาลาปัจจุบันที่มอง เข้าไปเห็นทันที ชาวบ้านเสียดายที่ท่านมาด่วนมรณภาพก่อน ท่านอาพาธและเสียชีวิต เร็วมาก หากท่านยังอยู่วัดวาอารามอาจเจริญสรุ่งเรือง มากกว่านี้ ท่านเป็นพระที่เก่ง เก่งทั้งเมตตามหานิยม เก่งทั้งแคล้วคลาด มหาอุตม์ แต่เหรียญท่านเป็นพระดีที่โลกลืม กระผมไม่ลืมหรอกครับ ลุงมาตอนนี้แกเลียงช้างอยู่ห้อยติดคออยู่เหรียญเดียว คิดจะไปหาเก็บที่แหล่งกำเนิดอาจหาไม่ง่ายแล้วครับ เพราะชาวบ้านไม่ค่อยมีเก็บมีอยู่ไม่กี่คน ใครหาขุนแผนหลวงปู่ทิมมาใช้ไม่ได้เพราะราคาเกินเอื้อม ก็หาหลวงพ่อชู แทนกันได้ครับ เหมือนมีสองอาจาย์มาช่วยครับ เจรจาตกลงเป็นที่หนึ่งไม่รองใครครับ ขนาดคนชังกันยังหันมาคุยด้วยเลยครับ xxxxx ขอบคุณข้อมูลจาก ลำพูลพระ xxxxx
เข้าชมพระอีกหลายรายการ ราคาปิดไม่แพง น่าสะสม !!! www.geetarpra.lnwshop.com "" ผู้ชนะการประมูล โอนเงินแล้ว กรุณาแจ้งใน Mailbox (อีเมลล์) "" เพื่อความรวดเร็วในการจัดส่ง เนื่องจากยอดเงินบางรายการเท่ากัน หรือโทรแจ้งก็ได้ เวลา ( 15.00 - 24.00 น. ) ทุกวัน ( แจ้งทาง Mailbox (อีเมลล์) จะสะดวกกว่าโทรนะครับ)
เข้าชมพระอีกหลายรายการ ราคาปิดไม่แพง น่าสะสม !!! www.geetarpra.lnwshop.com "" ผู้ชนะการประมูล โอนเงินแล้ว กรุณาแจ้งใน Mailbox (อีเมลล์) "" เพื่อความรวดเร็วในการจัดส่ง เนื่องจากยอดเงินบางรายการเท่ากัน หรือโทรแจ้งก็ได้ เวลา ( 15.00 - 24.00 น. ) ทุกวัน ( แจ้งทาง Mailbox (อีเมลล์) จะสะดวกกว่าโทรนะครับ)