รับประกันพระแท้ตามกฎ.. สวยมาก ไม่ผ่านการใช้มา เนื้อผงพุทธคุณ คัดสวย สภาพสมบูรณ์ มีคราบกรุไขฟองเต้าหู้ขึ้นให้เห็น กรุวัดคลองขอม หลวงปู่ศุขปลุกเสก ปี2460...ยุกเก่า หายากสภาพสวยๆออกวัดคลองขอม จ.สุพรรณบุรี เจ้าอาวาสวัดคลองขอมในขณะนั้นคือหลวงพ่ออุ่ม ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่ศุข พระกรุวัดคลองขอม หลวงพ่ออุ่มท่านเป็นศิษย์องค์หนึ่งของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า มักไปมาหาสู่กับหลวงปู่ศุขเป็นประจำ หลวงปู่ศุข ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ก็มักได้รับนิมนต์ให้ไปปลุกเสกพระที่วัดต่างๆ เช่นวัดอนงคาราม ในกรณีนี้ก็เช่นกัน หลวงปู่ศุข ท่านก็ได้มาช่วยสร้างพระเพื่อหาทุนสร้างพระอุโบสถที่วัดคลองขอมแห่งนี้ส่วน หนึ่งของประวัติบรรยายถึงการปลุกเสกพระไว้ว่า ขณะที่นำเอาตำราใบลานเก่าที่ชำรุดมาเผา หลวงปู่ศุข และหลวงพ่ออุ่ม ก็ได้เดินจงกรมทำสมาธิไปรอบๆกองไฟด้วย เชื่อกันว่าผงใบลานนี้ให้ผลทางคงกระพันชาตรี เมื่อสร้างเสร็จ หลวงพ่ออุ่มและหลวงปู่ศุขได้ร่วมกันปลุกเสกเป็นเวลา 1 ไตรมาส (ก่อนเข้าพิธีใหญ่)* การ ปลุกเสกพระกรุคลองขอม ปีพ.ศ.2460 ในสมัยหลวงพ่ออุ่มเป็นเจ้าอาวาสนั้น เป็นการปลุกเสกหมู่ครั้งใหญ่ โดยมีหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังมีพระเกจิอาจารย์จากเขตสุพรรณบุรี ชัยนาทและจากที่อื่นๆที่เก่งๆอีกหลายท่าน มาร่วมปลุกเสก แต่ที่รู้จักกันดีได้แก่ หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว, หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา แม้กระทั่งหลวงพ่อปาน แห่งวัดบางนมโค ก็มาร่วมพิธีนี้ด้วย หลังจากนั้น ก็แจกแก่บรรดาผู้มาร่วมการกุศล กล่าวกันว่า เมื่อโบสถ์สร้างเสร็จ พระผงยังคงเหลืออยู่จำนวนมาก ส่วนเนื้อทองเหลืองเหลือน้อย หลวงพ่ออุ่ม ได้บรรจุพระเข้าในเจดีย์ที่สร้างขึ้นหน้าโบสถ์ และใต้ฐานชุกชีพระประธานในโบสถ์ พร้อมกับบันทึกเหล็กจารในแผ่นเงิน ระบุความเป็นมาของพระชุดนี้บรรจุเข้าไปในพระเจดีย์ด้วย และที่เจดีย์นั้นได้มีการเขียนป้ายปิดไว้ว่าเป็นกรุพระของหลวงปู่ศุขอย่าง ชัดเจน แบบพิมพ์ของพระในกรุวัดคลองขอม สุพรรณบุรีนี้มีหลายแบบด้วยกัน 1. เหรียญหล่อ เนื้อโลหะผสม แก่ทองเหลือง เป็นสมเด็จสี่เหลี่ยมทรงครุฑ มีหลายพิมพ์ เนื้อโลหะนี้รู้จักกันในวงกว้าง เพราะส่วนหนึ่งหลวงปู่ศุขท่านนำติดตัวไปแจกที่ชัยนาทด้วย 2. พระเนื้อผงใบลาน เนื้อแห้งสนิท สีออกเทาดำ ทำเป็นพิมพ์สมเด็จรัศมีแขนสอบ ขนาดเท่าพระหลวงปู่ศุขทั่วๆไป หรือเท่ากับพระคะแนนของวัดต่างๆ พุทธลักษณะจะผอมเห็นองค์เป็นลายเส้น พระเศียรเป็นรูปข้าวหลามตัด หูเป็นแบบบายศรี มีเส้นรัศมีเล็กๆโดยรอบ ครอบด้วยซุ้มระฆัง และประทับบนฐาน 3 ชั้น มีด้วยกันหลายบล็อค เพราะสร้างพิมพ์นี้เป็นพิมพ์หลัก ที่เป็นพระปิดตาเนื้อดำลงรักทับ มีน้อยมาก 3. พระเนื้อผงขาว มีหลายพิมพ์ด้วยกัน ได้แก่ - พิมพ์สมเด็จรัศมีแขนสอบ มีหลายบล็อค - พิมพ์สมเด็จรัศมีแขนกลม (องค์พระต้อกว่า เศียรกลม และเส้นสายใหญ่ วงแขนเป็นรูปวงกลม) - พิมพ์ปิดตา มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก - พิมพ์พิเศษ หรือพิมพ์พระประธาน มีขนาดใหญ่เท่ากับสมเด็จพิมพ์ใหญ่ และที่ขนาดใหญ่มากเกือบคืบก็มีแต่พบน้อย มีด้วยกัน 3-4 พิมพ์ เนื้อหาเหมือนกับพระพิมพ์เนื้อขาวปกติทุกประการ บางองค์ปิดทองด้วย หาคนรู้จักได้น้อย ปัจจุบันหาชมยากมาก 4. พระเนื้อผงสีชมพู เป็นเนื้อที่ผสมว่านสบู่เลือด ซึ่งมีสีแดง ว่านนี้มีผลทางอยู่ยงคงกระพัน เมื่อผสมกับผงพระพุทธคุณแล้วทำให้มีสีขาวเจือชมพู ที่พบทำเป็นพิมพ์สมเด็จรัศมีแขนสอบ ลักษณะเหมือนๆกันแต่ก็มีหลายบล็อค พิมพ์แขนกลมมีเป็นส่วนน้อยมาก การแตกกรุ ในคราวที่แตกกรุมาใหม่ๆ เมื่อประมาณปี 2520 ว่ากันว่ามีจำนวนมากมาย เซียนส่วนกลางได้เหมามาเป็นจำนวนมากเป็นค่อนกรุเลยทีเดียว แล้วนำมาเก็บเงียบไว้นาน จนประมาณสิบก่อนได้ลงในหนังสือมหาโพธิ์เป็นเจ้าแรก ให้ลูกค้าตัดบัตรไปแลกซื้อ และต่อมาก็มีข่าวว่ามีหนังสือเล่มอื่นทำด้วยเหมือนกันเกี่ยวกับการแตกกรุ ได้ฟังจากเซียนผู้ใหญ่ที่ได้พระมาตั้งแต่ครั้งแตกกรุใหม่ๆเป็นจำนวนมากท่าน ว่ากรุที่อยู่ใต้พระประธานอุโบสถวัดคลองขอมแตกออกมาเนื่องจากหลังคารั่ว น้ำฝนได้ตกลงมาที่องค์พระเป็นเวลานาน ทำให้ฐานด้านหนึ่งขององค์พระผุและหักล้มลงพิงกำแพง ชาวบ้านต้องช่วยกันยกไว้วางข้างๆตำแหน่งเดิมจึงได้พบกรุที่บรรจุพระพิมพ์ เป็นหลุมขนาดใหญ่ สภาพกรุมีสองชั้น พระที่อยู่ชั้นบนผิวพรรณสะอาด ชั้นล่างมีน้ำฝนไหลซึมผ่าน ขังแล้วแห้งไปๆ เมื่อได้นำพระขึ้นมา ปรากฎมีทั้งดินทรายจับเป็นจำนวนมาก ทางวัดได้นำมากองเรียงๆไว้เป็นก้อนใหญ่บ้าง เล็กบ้าง พระมีดินจับอยู่เต็ม และติดกันเป็นก้อน พอจะนับแยกองค์ ก็ต้องเอาน้ำหยอดแล้วเอาอะไรค่อยๆเซาะพระออกจากกันทีละน้อยๆ ซึ่งพวกพระกรุที่เก็บในชั้นล่างนี้จะเป็นพระที่หย่อนงาม จึงถือว่าเป็นพระชุดของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าอีกพิมพ์หนึ่ง
รับประกันพระแท้ตามกฎ.. สวยมาก ไม่ผ่านการใช้มา เนื้อผงพุทธคุณ คัดสวย สภาพสมบูรณ์ มีคราบกรุไขฟองเต้าหู้ขึ้นให้เห็น กรุวัดคลองขอม หลวงปู่ศุขปลุกเสก ปี2460...ยุกเก่า หายากสภาพสวยๆออกวัดคลองขอม จ.สุพรรณบุรี เจ้าอาวาสวัดคลองขอมในขณะนั้นคือหลวงพ่ออุ่ม ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่ศุข พระกรุวัดคลองขอม หลวงพ่ออุ่มท่านเป็นศิษย์องค์หนึ่งของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า มักไปมาหาสู่กับหลวงปู่ศุขเป็นประจำ หลวงปู่ศุข ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ก็มักได้รับนิมนต์ให้ไปปลุกเสกพระที่วัดต่างๆ เช่นวัดอนงคาราม ในกรณีนี้ก็เช่นกัน หลวงปู่ศุข ท่านก็ได้มาช่วยสร้างพระเพื่อหาทุนสร้างพระอุโบสถที่วัดคลองขอมแห่งนี้ส่วน หนึ่งของประวัติบรรยายถึงการปลุกเสกพระไว้ว่า ขณะที่นำเอาตำราใบลานเก่าที่ชำรุดมาเผา หลวงปู่ศุข และหลวงพ่ออุ่ม ก็ได้เดินจงกรมทำสมาธิไปรอบๆกองไฟด้วย เชื่อกันว่าผงใบลานนี้ให้ผลทางคงกระพันชาตรี เมื่อสร้างเสร็จ หลวงพ่ออุ่มและหลวงปู่ศุขได้ร่วมกันปลุกเสกเป็นเวลา 1 ไตรมาส (ก่อนเข้าพิธีใหญ่)* การ ปลุกเสกพระกรุคลองขอม ปีพ.ศ.2460 ในสมัยหลวงพ่ออุ่มเป็นเจ้าอาวาสนั้น เป็นการปลุกเสกหมู่ครั้งใหญ่ โดยมีหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังมีพระเกจิอาจารย์จากเขตสุพรรณบุรี ชัยนาทและจากที่อื่นๆที่เก่งๆอีกหลายท่าน มาร่วมปลุกเสก แต่ที่รู้จักกันดีได้แก่ หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว, หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา แม้กระทั่งหลวงพ่อปาน แห่งวัดบางนมโค ก็มาร่วมพิธีนี้ด้วย หลังจากนั้น ก็แจกแก่บรรดาผู้มาร่วมการกุศล กล่าวกันว่า เมื่อโบสถ์สร้างเสร็จ พระผงยังคงเหลืออยู่จำนวนมาก ส่วนเนื้อทองเหลืองเหลือน้อย หลวงพ่ออุ่ม ได้บรรจุพระเข้าในเจดีย์ที่สร้างขึ้นหน้าโบสถ์ และใต้ฐานชุกชีพระประธานในโบสถ์ พร้อมกับบันทึกเหล็กจารในแผ่นเงิน ระบุความเป็นมาของพระชุดนี้บรรจุเข้าไปในพระเจดีย์ด้วย และที่เจดีย์นั้นได้มีการเขียนป้ายปิดไว้ว่าเป็นกรุพระของหลวงปู่ศุขอย่าง ชัดเจน แบบพิมพ์ของพระในกรุวัดคลองขอม สุพรรณบุรีนี้มีหลายแบบด้วยกัน 1. เหรียญหล่อ เนื้อโลหะผสม แก่ทองเหลือง เป็นสมเด็จสี่เหลี่ยมทรงครุฑ มีหลายพิมพ์ เนื้อโลหะนี้รู้จักกันในวงกว้าง เพราะส่วนหนึ่งหลวงปู่ศุขท่านนำติดตัวไปแจกที่ชัยนาทด้วย 2. พระเนื้อผงใบลาน เนื้อแห้งสนิท สีออกเทาดำ ทำเป็นพิมพ์สมเด็จรัศมีแขนสอบ ขนาดเท่าพระหลวงปู่ศุขทั่วๆไป หรือเท่ากับพระคะแนนของวัดต่างๆ พุทธลักษณะจะผอมเห็นองค์เป็นลายเส้น พระเศียรเป็นรูปข้าวหลามตัด หูเป็นแบบบายศรี มีเส้นรัศมีเล็กๆโดยรอบ ครอบด้วยซุ้มระฆัง และประทับบนฐาน 3 ชั้น มีด้วยกันหลายบล็อค เพราะสร้างพิมพ์นี้เป็นพิมพ์หลัก ที่เป็นพระปิดตาเนื้อดำลงรักทับ มีน้อยมาก 3. พระเนื้อผงขาว มีหลายพิมพ์ด้วยกัน ได้แก่ - พิมพ์สมเด็จรัศมีแขนสอบ มีหลายบล็อค - พิมพ์สมเด็จรัศมีแขนกลม (องค์พระต้อกว่า เศียรกลม และเส้นสายใหญ่ วงแขนเป็นรูปวงกลม) - พิมพ์ปิดตา มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก - พิมพ์พิเศษ หรือพิมพ์พระประธาน มีขนาดใหญ่เท่ากับสมเด็จพิมพ์ใหญ่ และที่ขนาดใหญ่มากเกือบคืบก็มีแต่พบน้อย มีด้วยกัน 3-4 พิมพ์ เนื้อหาเหมือนกับพระพิมพ์เนื้อขาวปกติทุกประการ บางองค์ปิดทองด้วย หาคนรู้จักได้น้อย ปัจจุบันหาชมยากมาก 4. พระเนื้อผงสีชมพู เป็นเนื้อที่ผสมว่านสบู่เลือด ซึ่งมีสีแดง ว่านนี้มีผลทางอยู่ยงคงกระพัน เมื่อผสมกับผงพระพุทธคุณแล้วทำให้มีสีขาวเจือชมพู ที่พบทำเป็นพิมพ์สมเด็จรัศมีแขนสอบ ลักษณะเหมือนๆกันแต่ก็มีหลายบล็อค พิมพ์แขนกลมมีเป็นส่วนน้อยมาก การแตกกรุ ในคราวที่แตกกรุมาใหม่ๆ เมื่อประมาณปี 2520 ว่ากันว่ามีจำนวนมากมาย เซียนส่วนกลางได้เหมามาเป็นจำนวนมากเป็นค่อนกรุเลยทีเดียว แล้วนำมาเก็บเงียบไว้นาน จนประมาณสิบก่อนได้ลงในหนังสือมหาโพธิ์เป็นเจ้าแรก ให้ลูกค้าตัดบัตรไปแลกซื้อ และต่อมาก็มีข่าวว่ามีหนังสือเล่มอื่นทำด้วยเหมือนกันเกี่ยวกับการแตกกรุ ได้ฟังจากเซียนผู้ใหญ่ที่ได้พระมาตั้งแต่ครั้งแตกกรุใหม่ๆเป็นจำนวนมากท่าน ว่ากรุที่อยู่ใต้พระประธานอุโบสถวัดคลองขอมแตกออกมาเนื่องจากหลังคารั่ว น้ำฝนได้ตกลงมาที่องค์พระเป็นเวลานาน ทำให้ฐานด้านหนึ่งขององค์พระผุและหักล้มลงพิงกำแพง ชาวบ้านต้องช่วยกันยกไว้วางข้างๆตำแหน่งเดิมจึงได้พบกรุที่บรรจุพระพิมพ์ เป็นหลุมขนาดใหญ่ สภาพกรุมีสองชั้น พระที่อยู่ชั้นบนผิวพรรณสะอาด ชั้นล่างมีน้ำฝนไหลซึมผ่าน ขังแล้วแห้งไปๆ เมื่อได้นำพระขึ้นมา ปรากฎมีทั้งดินทรายจับเป็นจำนวนมาก ทางวัดได้นำมากองเรียงๆไว้เป็นก้อนใหญ่บ้าง เล็กบ้าง พระมีดินจับอยู่เต็ม และติดกันเป็นก้อน พอจะนับแยกองค์ ก็ต้องเอาน้ำหยอดแล้วเอาอะไรค่อยๆเซาะพระออกจากกันทีละน้อยๆ ซึ่งพวกพระกรุที่เก็บในชั้นล่างนี้จะเป็นพระที่หย่อนงาม จึงถือว่าเป็นพระชุดของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าอีกพิมพ์หนึ่ง
รับประกันพระแท้ตามกฎ.. สวยมาก ไม่ผ่านการใช้มา เนื้อผงพุทธคุณ คัดสวย สภาพสมบูรณ์ มีคราบกรุไขฟองเต้าหู้ขึ้นให้เห็น กรุวัดคลองขอม หลวงปู่ศุขปลุกเสก ปี2460...ยุกเก่า หายากสภาพสวยๆออกวัดคลองขอม จ.สุพรรณบุรี เจ้าอาวาสวัดคลองขอมในขณะนั้นคือหลวงพ่ออุ่ม ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่ศุข พระกรุวัดคลองขอม หลวงพ่ออุ่มท่านเป็นศิษย์องค์หนึ่งของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า มักไปมาหาสู่กับหลวงปู่ศุขเป็นประจำ หลวงปู่ศุข ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ก็มักได้รับนิมนต์ให้ไปปลุกเสกพระที่วัดต่างๆ เช่นวัดอนงคาราม ในกรณีนี้ก็เช่นกัน หลวงปู่ศุข ท่านก็ได้มาช่วยสร้างพระเพื่อหาทุนสร้างพระอุโบสถที่วัดคลองขอมแห่งนี้ส่วน หนึ่งของประวัติบรรยายถึงการปลุกเสกพระไว้ว่า ขณะที่นำเอาตำราใบลานเก่าที่ชำรุดมาเผา หลวงปู่ศุข และหลวงพ่ออุ่ม ก็ได้เดินจงกรมทำสมาธิไปรอบๆกองไฟด้วย เชื่อกันว่าผงใบลานนี้ให้ผลทางคงกระพันชาตรี เมื่อสร้างเสร็จ หลวงพ่ออุ่มและหลวงปู่ศุขได้ร่วมกันปลุกเสกเป็นเวลา 1 ไตรมาส (ก่อนเข้าพิธีใหญ่)* การ ปลุกเสกพระกรุคลองขอม ปีพ.ศ.2460 ในสมัยหลวงพ่ออุ่มเป็นเจ้าอาวาสนั้น เป็นการปลุกเสกหมู่ครั้งใหญ่ โดยมีหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังมีพระเกจิอาจารย์จากเขตสุพรรณบุรี ชัยนาทและจากที่อื่นๆที่เก่งๆอีกหลายท่าน มาร่วมปลุกเสก แต่ที่รู้จักกันดีได้แก่ หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว, หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา แม้กระทั่งหลวงพ่อปาน แห่งวัดบางนมโค ก็มาร่วมพิธีนี้ด้วย หลังจากนั้น ก็แจกแก่บรรดาผู้มาร่วมการกุศล กล่าวกันว่า เมื่อโบสถ์สร้างเสร็จ พระผงยังคงเหลืออยู่จำนวนมาก ส่วนเนื้อทองเหลืองเหลือน้อย หลวงพ่ออุ่ม ได้บรรจุพระเข้าในเจดีย์ที่สร้างขึ้นหน้าโบสถ์ และใต้ฐานชุกชีพระประธานในโบสถ์ พร้อมกับบันทึกเหล็กจารในแผ่นเงิน ระบุความเป็นมาของพระชุดนี้บรรจุเข้าไปในพระเจดีย์ด้วย และที่เจดีย์นั้นได้มีการเขียนป้ายปิดไว้ว่าเป็นกรุพระของหลวงปู่ศุขอย่าง ชัดเจน แบบพิมพ์ของพระในกรุวัดคลองขอม สุพรรณบุรีนี้มีหลายแบบด้วยกัน 1. เหรียญหล่อ เนื้อโลหะผสม แก่ทองเหลือง เป็นสมเด็จสี่เหลี่ยมทรงครุฑ มีหลายพิมพ์ เนื้อโลหะนี้รู้จักกันในวงกว้าง เพราะส่วนหนึ่งหลวงปู่ศุขท่านนำติดตัวไปแจกที่ชัยนาทด้วย 2. พระเนื้อผงใบลาน เนื้อแห้งสนิท สีออกเทาดำ ทำเป็นพิมพ์สมเด็จรัศมีแขนสอบ ขนาดเท่าพระหลวงปู่ศุขทั่วๆไป หรือเท่ากับพระคะแนนของวัดต่างๆ พุทธลักษณะจะผอมเห็นองค์เป็นลายเส้น พระเศียรเป็นรูปข้าวหลามตัด หูเป็นแบบบายศรี มีเส้นรัศมีเล็กๆโดยรอบ ครอบด้วยซุ้มระฆัง และประทับบนฐาน 3 ชั้น มีด้วยกันหลายบล็อค เพราะสร้างพิมพ์นี้เป็นพิมพ์หลัก ที่เป็นพระปิดตาเนื้อดำลงรักทับ มีน้อยมาก 3. พระเนื้อผงขาว มีหลายพิมพ์ด้วยกัน ได้แก่ - พิมพ์สมเด็จรัศมีแขนสอบ มีหลายบล็อค - พิมพ์สมเด็จรัศมีแขนกลม (องค์พระต้อกว่า เศียรกลม และเส้นสายใหญ่ วงแขนเป็นรูปวงกลม) - พิมพ์ปิดตา มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก - พิมพ์พิเศษ หรือพิมพ์พระประธาน มีขนาดใหญ่เท่ากับสมเด็จพิมพ์ใหญ่ และที่ขนาดใหญ่มากเกือบคืบก็มีแต่พบน้อย มีด้วยกัน 3-4 พิมพ์ เนื้อหาเหมือนกับพระพิมพ์เนื้อขาวปกติทุกประการ บางองค์ปิดทองด้วย หาคนรู้จักได้น้อย ปัจจุบันหาชมยากมาก 4. พระเนื้อผงสีชมพู เป็นเนื้อที่ผสมว่านสบู่เลือด ซึ่งมีสีแดง ว่านนี้มีผลทางอยู่ยงคงกระพัน เมื่อผสมกับผงพระพุทธคุณแล้วทำให้มีสีขาวเจือชมพู ที่พบทำเป็นพิมพ์สมเด็จรัศมีแขนสอบ ลักษณะเหมือนๆกันแต่ก็มีหลายบล็อค พิมพ์แขนกลมมีเป็นส่วนน้อยมาก การแตกกรุ ในคราวที่แตกกรุมาใหม่ๆ เมื่อประมาณปี 2520 ว่ากันว่ามีจำนวนมากมาย เซียนส่วนกลางได้เหมามาเป็นจำนวนมากเป็นค่อนกรุเลยทีเดียว แล้วนำมาเก็บเงียบไว้นาน จนประมาณสิบก่อนได้ลงในหนังสือมหาโพธิ์เป็นเจ้าแรก ให้ลูกค้าตัดบัตรไปแลกซื้อ และต่อมาก็มีข่าวว่ามีหนังสือเล่มอื่นทำด้วยเหมือนกันเกี่ยวกับการแตกกรุ ได้ฟังจากเซียนผู้ใหญ่ที่ได้พระมาตั้งแต่ครั้งแตกกรุใหม่ๆเป็นจำนวนมากท่าน ว่ากรุที่อยู่ใต้พระประธานอุโบสถวัดคลองขอมแตกออกมาเนื่องจากหลังคารั่ว น้ำฝนได้ตกลงมาที่องค์พระเป็นเวลานาน ทำให้ฐานด้านหนึ่งขององค์พระผุและหักล้มลงพิงกำแพง ชาวบ้านต้องช่วยกันยกไว้วางข้างๆตำแหน่งเดิมจึงได้พบกรุที่บรรจุพระพิมพ์ เป็นหลุมขนาดใหญ่ สภาพกรุมีสองชั้น พระที่อยู่ชั้นบนผิวพรรณสะอาด ชั้นล่างมีน้ำฝนไหลซึมผ่าน ขังแล้วแห้งไปๆ เมื่อได้นำพระขึ้นมา ปรากฎมีทั้งดินทรายจับเป็นจำนวนมาก ทางวัดได้นำมากองเรียงๆไว้เป็นก้อนใหญ่บ้าง เล็กบ้าง พระมีดินจับอยู่เต็ม และติดกันเป็นก้อน พอจะนับแยกองค์ ก็ต้องเอาน้ำหยอดแล้วเอาอะไรค่อยๆเซาะพระออกจากกันทีละน้อยๆ ซึ่งพวกพระกรุที่เก็บในชั้นล่างนี้จะเป็นพระที่หย่อนงาม จึงถือว่าเป็นพระชุดของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าอีกพิมพ์หนึ่ง
เหลือเชื่อ “สารวัตรกำนัน” ถูกคนร้ายลอบยิง วันที่ : 20 ธันวาคม 2551 รอดตายเพราะแขวน “หลวงพ่ออ๋อย วัดไทร” “เหนือลิขิต? ประกาศิตฟ้าดิน?” วันนี้ขอนำท่านผู้อ่านไปพบกับเรื่องราวหนึ่งของ “สารวัตรกำนัน” ผู้หนึ่งซึ่งถูก “คนร้าย” ดักสังหารด้วยอาวุธปืนแบบ “เผาขน” แต่กระสุนปืนทั้ง “ลูกซอง” และ “ลูกโม่.38” กลับไม่สามารถทำให้ “สารวัตรกำนัน” ผู้นี้ตายดับแต่ประการใดและหลังเกิดเหตุแล้ว “สารวัตรกำนัน” เชื่อว่าเป็นเพราะอานุภาพแห่งวัตถุมงคลของ “หลวงพ่ออ๋อย วัดไทร” ที่เขาพกพาโดยแขวนติดคอเป็นประจำช่วยไว้เป็นแน่แท้ เนื่องจากขณะเกิดเหตุก็มีเพียงวัตถุมงคลของ “หลวงพ่ออ๋อย” เท่านั้นโดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กันยายนปี 2526 นี้เอง พร้อมกับเกิดขึ้นกับสารวัตรกำนัน “สุรินทร์ อยู่เย็น” ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ดูแลความสงบสุขให้กับชาวบ้าน “โดยขณะเกิดเหตุ “สารวัตรกำนันสุรินทร์” มีเพียง “พระเครื่อง” ที่เป็น “พระเนื้อว่านสีแดงพิมพ์สี่เหลี่ยมปรกโพธิ์” ซึ่งเป็นวัตถุมงคลที่ “หลวงพ่ออ๋อย” แห่ง “วัดไทรบางขุนเทียน” สร้างขึ้นโดยวันนั้นเวลาประมาณ 4 ทุ่มเศษขณะ “สารวัตรกำนัน” กำลังเดินกลับบ้านหลังออกตรวจท้องที่ตามที่ปฏิบัติเป็นประจำแต่ระหว่างทาง ได้พบเห็น “ผู้ชาย 2 คน” ถลันออกมาจากเงามืดข้างทางที่เป็นดงป่ารกทึบเข้าขวางหน้าห่างออกไปประมาณ 5-6 เมตร และพอถลันออกมาขวางหน้าแล้ว “ชายคนแรก” ก็ชักปืนลูกซองสั้นที่บรรจุลูกกระสุน “เบอร์12” แบบยิงได้นัดเดียวลักษณะเหมือนปืนเถื่อนทั่วไปและไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรพอ ชักปืนออกมาแล้วก็ยิงใส่ “สารวัตรกำนัน” เลยทันทีโดยที่สารวัตรกำนันไม่ได้ตั้งตัวใดๆก็ได้ยินเสียงปืนดัง “เปรี้ยง” ขึ้นและพอสิ้นเสียงปืนกระสุนนัดนั้นพุ่งเข้า “ช่องท้อง” ของสารวัตรกำนันอย่างแม่นยำผลก็คือ “สารวัตรกำนัน” ผงะถอยหลังไปสองสามก้าวตามแรงกระสุนปืนพร้อมเกิดอาการ “เสียวแปลบ” ไปทั้งตัวชั่วครู่จึงเอื้อมมือขวาเพื่อชักปืนออกมายิงตอบทว่ามือขวาเกิด อาการ “ชา” ยกไม่ขึ้นขณะนั้น “ชายอีกผู้หนึ่ง” ก็ชักปืนสั้นชนิด “ลูกโม่.38” ขึ้นมายิงซ้ำเมื่อเห็น “สารวัตรกำนัน” ถูกยิงอย่างจังแต่ยังยืนจังก้าโดยไม่เป็นอะไรเลยแต่แทนที่จะได้ยินเสียงปืน “ลูกโม่.38” แผดเสียงดังกลับได้ยินเพียงเสียงสับไกปืนดัง “แชะ...แชะ...แชะ” สามครั้งติดกันเท่านั้นเนื่องจากปืนลูกโม่ “กระสุนไม่ลั่น” เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น “สารวัตรกำนัน” จึงใช้มือซ้ายชักปืนออกมาเพื่อยิงตอบโต้แต่ยังไม่ทันได้ยิงชายทั้งสองที่ เป็น “คนร้าย” เห็นเช่นนั้นจึงวิ่งหนีหลบเข้าข้างทางหายลับไป “สารวัตรกำนัน” ที่ช่วงนั้นรู้สึกเสียวแปลบที่ลำตัวจึงใช้มือลูบท้องตัวเองก็พบว่ามี “เลือดแดงฉาน” เป็นขณะที่ชาวบ้านได้ยินเสียงปืนจึงออกมาดูได้ช่วยนำ “สารวัตรกำนัน” กลับบ้านเข้าบ้านแล้วช่วยถอดเสื้อสำรวจเนื้อตัวก็พบว่ามี “ลูกกระสุนปืนลูกซอง” ฝังอยู่ตามผิวหนังบริเวณ “หน้าท้อง” และ “หน้าอก” เพียงเล็น้อยส่วนที่แขนขวาก็มีลูกปืนฝังอยู่ 2 เม็ดจึงทำให้แขนข้างนั้น “ชา” ชักปืนไม่ได้จากนั้นชาวบ้านจึงใช้มีดแกะเอา “ลูกกระสุนปืนออก” ก็สามารถแกะออกได้อย่างง่ายๆเพราะกระสุนฝังไม่ลึกนั่น เองระหว่างนั้น “สาร วัตรกำนัน” ก็สำรวจดู “พระเนื้อว่านสีแดง” ที่แขวนคออยู่เพียงองค์เดียวเท่านั้นโดยเลี่ยมพลาสติกปิดหมดทั้งด้านหน้าและ ด้านหลัง ซึ่งขณะนั้นมีคราบเลือดจากรอยกระสุนที่หน้าอกเกาะติดพลาสติกเล็กน้อยซึ่ง ปัจจุบัน “สารวัตรกำนัน” ไม่ยอมล้างออกโดยบอกว่าจะเก็บไว้เป็น “ที่ระลึก” ตามภาพที่ผู้เขียนถ่ายมายังปรากฏแผลให้เห็นตาม ผิวหนัง ที่ หน้าท้อง และ หน้าอก พร้อม แขนขวา ที่ยังเป็นแผลเพราะขณะถ่ายภาพนี้ “สารวัตรกำนัน” เพิ่งจะถูกยิงได้เพียง 2วันจึงใช้ผ้าปิดไว้เพื่อป้องกันเชื้อโรค และหลังจากฟังเรื่องราวที่ถูกยิงแล้วผู้เขียนมีความสงสัยอยู่ไม่น้อยจึงถาม ไปว่า “นัดแรกที่คนร้ายยิงใส่ทำไมจึงลั่น?” “สารวัตรกำนัน” อึ้งไปชั่วขณะก่อนก็ตอบว่า “ยิงออกแต่ไม่เข้านะ เพราะมันแค่ฝังตามผิวเท่านั้นแสดงว่าหลวงพ่อในคอ คุ้มครองจริงๆ เพราะใน 3 นัดหลังที่ยิงไม่ออกนั้น ผมก็ยังไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะ “ลูกด้านหรือไม่” แต่คงเป็นไปได้ยากที่ลูกปืนจะด้านติดๆ กันทั้ง 3 นัด” นอกจาก “สารวัตรกำนันสุรินทร์” แล้วยังมีอีกเรื่องที่เป็นประสบการณ์ของผู้ใช้ เหรียญ “หลวงพ่ออ๋อย” คือ “นายสะอาด พรายเพ็ชร” ที่มี “เหรียญรุ่นแรกหลังยันต์” แต่ได้ทำหายไปทั้งที่ “นายสะอาด” หวงมากและอาราธนาพกติดกระเป๋าเสื้อเป็นประจำโดยวันหนึ่งได้ทำหล่นตกลงไปใน “คลองบางขุนเทียน” ตรงบริเวณหน้าบ้านจึงใช้ตะแกรงร่อนเผื่อจะได้คืนนานนับชั่วโมง แต่ก็หมดหวังจึงได้แต่เสียดายเหรียญนั้นกระ ทั่งต่อมาอีก 1 ปีขณะ “นายสะอาด” นั่งล้างชามอยู่ที่บันไดริมน้ำตรงที่ทำเหรียญตกหล่นไปเมื่อปีที่แล้วก็พบ เห็น “ลูกปลาดุกขนาดเขื่องตัวหนึ่ง” ว่ายน้ำตรงเข้ามาหาเขาที่ท่าน้ำโดยไม่มีทีท่าหวาดกลัว “นายสะอาด” เลยซึ่งผิดวิสัยของปลาทั่วไปสร้างความสงสัยให้ “นายสะอาด” ยิ่งจึงจับจ้องมองลูกปลาดุกตัวนั้นตาไม่กระพริบ กระทั่งเมื่อลูกปลาดุกว่ายเข้ามาใกล้เขาก็มองเห็นที่ปากของมันคาบสิ่งของมา ด้วย “นายสะอาด” จึงใช้ชามค่อยๆ ช้อนลูกปลาดุกตัวนั้นขึ้นมาดูก็พบเห็นสิ่งของที่อยู่ในปากของ “ลูกปลาดุก” ด้วยความอัศจรรย์ใจพร้อมกับขนลุกซู่ขึ้นมาทันทีเพราะสิ่งของที่อยู่ในปากลูก ปลาดุกนั้นก็คือ “เหรียญรุ่นแรกหลังยันต์” ที่เขาทำตกน้ำเมื่อปีที่แล้วนั่นเองเมื่อเห็นเช่นนั้น “นายสะอาด” จึงหยิบเหรียญนมาพิจารณาอีกทีครั้นแน่ใจว่าเป็นเหรียญที่เขาทำตกน้ำไป จึงยกขึ้นมือพนมเหนือศีรษะพร้อมรำลึกถึง “หลวงพ่ออ๋อย” จากนั้นนำลูกปลาดุกตัวนั้นไปเลี้ยงอย่างดีเพราะเขาประจักษ์ชัดแล้วว่าเป็น เพราะบารมีของ “หลวงพ่ออ๋อย” ที่บันดาลให้ลูกปลาดุกคาบเหรียญมาให้เขา ส่วนทางด้านประวัติของ “หลวงพ่ออ๋อย” มีนามเดิมว่า “อ๋อย ถาวรวยัคฆ์” เป็นชาว อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โดยกำเนิดโดยเกิดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2413 บิดา-มารดาชื่อ “นายเสือ-นางสำริด” ในวัยเด็กได้เข้าเรียนหนังสือไทยที่ “วัดนางสาว” โดยเรียนรู้อัก ษรไทยสมัยเก่าแค่อ่านออกเขียนได้คล่อง จึงกลับไปช่วยงานทางบ้านกระทั่งอายุย่างสู่ปีที่ 26 จึงอุปสมบท ณ วัดนางสาว เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2439 โดยมี “หลวงพ่อเกิดวัดนกกระจอก” เป็นอุปัชฌาย์ได้รับฉายาว่า “ยโส” โดยสมัยนั้นมีพระที่บวชวัดเดียวกันซึ่งต่อมาได้เป็นสหายทางธรรมที่สนิทสนม กันคือ “หลวงพ่อคง” หลังจากจำพรรษาอยู่ที่วัดนางสาวได้ 1 พรรษา จึงย้ายไปจำพรรษาที่ “วัดไทร บางขุนเทียน” เพื่อทำการ ศึกษาค้นคว้าพระธรรมวินัยอันเป็นข้อปฏิบัติของสงฆ์ พร้อมทั้งร่ำเรียนอักษรขอมแล้วจึงหันมาสนใจ การศึกษาด้านพุทธาคมเวทมนต์คาถา กระทั่งเชี่ยวชาญและต่อมาได้เป็นสหายทางธรรมกับ “หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ” และมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมากจึงไปมาหาสู่กันเป็นประจำโดย “หลวงพ่อรุ่ง” จะเดินทางมาหา “หลวงพ่ออ๋อย” ที่ “วัดไทร” เป็นประจำพร้อมค้างแรมครั้งละหลายคืนเสมอเพราะ “พระคณาจารย์” ผู้เป็นสหายทางธรรมมักจะมีการแลกเปลี่ยนวิชากันนั่นเองเนื่องจาก “หลวงพ่ออ๋อย” เองเป็นชาวกระทุ่มแบนอันเป็นเขตที่ “วัดท่ากระบือ” ของ “หลวงพ่อรุ่ง” พระคณาจารย์ทั้งสองจึงชอบพอกันเป็นพิเศษประกอบกับ “หลวงพ่ออ๋อย” โด่งดังด้าน “ยาสัก” โดยใช้ “สมุนไพร” สักลงบนผิวหนังเพื่อ “รักษาโรคภัยไข้เจ็บ” ให้ชาวบ้านหายขาดอยู่เสมอจึงมีชื่อเสียงโด่งดังมาก นอกจากนี้ยังได้เป็น เจ้าอาวาสวัดไทร พร้อมได้รับพระ ราชทานสมณศักดิ์เป็น “พระครูถาวรสมณวงศ์” และมรณภาพโดยความสงบขณะมีอายุ 89ปี เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2501 ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 11 ปีจอจุลศักราช 1320 (ขอบคุณภาพถ่ายจากนิตยสารลานโพธิ์ หลวงพ่ออ๋อย มีนามเดิมว่า อ๋อย ถาวรวยัคฆ์ เป็นชาว อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โดยกำเนิดโดยเกิดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2413 บิดา-มารดาชื่อ นายเสือ-นางสำริด ในวัยเด็กได้เข้าเรียนหนังสือไทยที่ วัดนางสาวโดยเรียนรู้อักษรไทยสมัยเก่าแค่อ่านออกเขียนได้คล่อง จึงกลับไปช่วยงานทางบ้านกระทั่งอายุย่างสู่ปีที่ 26 จึงอุปสมบท ณ วัดนางสาว เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2439 โดยมี หลวงพ่อเกิดวัดนกกระจอก เป็นอุปัชฌาย์ โดยสมัยนั้นมีพระที่บวชวัดเดียวกันซึ่งต่อมาได้เป็นสหายทางธรรมที่สนิทสนม กันคือ หลวงพ่อคง หลังจากจำพรรษาอยู่ที่วัดนางสาวได้ 1 พรรษา จึงย้ายไปจำพรรษาที่ วัดไทร บางขุนเทียน เพื่อทำการ ศึกษาค้นคว้าพระธรรมวินัยอันเป็นข้อปฏิบัติของสงฆ์ พร้อมทั้งร่ำเรียนอักษรขอมแล้วจึงหันมาสนใจ การศึกษาด้านพุทธาคมเวทมนต์คาถา กระทั่งเชี่ยวชาญและต่อมาได้เป็นสหายทางธรรมกับ หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ และมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมากจึงไปมาหาสู่กันเป็นประจำโดย หลวงพ่อรุ่ง จะเดินทางมาหา หลวงพ่ออ๋อย ที่วัดไทร เป็นประจำพร้อมค้างแรมครั้งละหลายคืนเสมอเพราะ พระคณาจารย์ ผู้เป็นสหายทางธรรมมักจะมีการแลกเปลี่ยนวิชากันนั่นเองเนื่องจาก หลวงพ่ออ๋อย เองเป็นชาวกระทุ่มแบนอันเป็นเขตที่ วัดท่ากระบือ ของ หลวงพ่อรุ่ง พระคณาจารย์ทั้งสองจึงชอบพอกันเป็นพิเศษประกอบกับ หลวงพ่ออ๋อยโด่งดังด้าน ยาสักโดยใช้ สมุนไพร สักลงบนผิวหนังเพื่อ รักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ชาวบ้านหายขาดอยู่เสมอจึงมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ทั้งนี้ การรักษาโรคด้วยยาสักมีเคล็ดอยู่ว่า ถ้าใครไม่ขอร้องให้รักษา จงอย่าขันอาสารักษาให้น้ำมันมนต์ของท่านช่วยชีวิตคนที่เป็นโรคห่า (อหิวาตกโรค)ไว้มากมาย ข้าวสารเสกเลื่องลือมาก หากใครได้กินจะร่ำเรียนปัญญาดี คนบางขุนเทียนสมัยนั้นนิยมกันมาก แม้แต่คนกรุงเทพฯยังเอาไปให้ท่านเสกกันเป็นจำนวนมาก ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านเสกทรายใส่ถุงเล็กๆแจกจ่ายทหารและชาวบ้านให้ไปพกติดตัว ปรากฏว่าไม่เป็นอันตรายเลย เป็นเรื่องเล่าขานกันมาจนทุกวันนี้ สมเด็จพระสังฆราช(แพ) วัดสุทัศน์ เลื่อมใสมาก เวลาสร้างพระกริ่งและปลุกเสกคราวใดจะต้องนิมนต์ท่านมาด้วยทุกครั้งพลังจิต ของท่านกล้าแข็งมาก สามารถเสกใบมะขามเป็นตัวต่อแตนได้ และเสกสิ่งของวัตถุมงคลอย่างใด ก็ล้วนแต่ขลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก หลวงพ่ออ๋อยท่านสร้างพระด้วย เนื้อดินเผา และเนื้อผงผสมว่านยา ซึ่งเป็นว่านยาที่ท่านใช้ในการสักด้วย
เคาะเดียวแดง กดVหลังชื่อ กรรณิกา ยังมีพระราคาไม่แพง อีกมากครับ(โอนแล้วช่วยแจ้งด้วยครับ)
กดที่ตัวยังมีอีกหลายรายการยังมีอีกหลายรายการ วัดใจทุกวัน.....วันละ 15 รายการ.เป็นอย่างน้อย โอนแล้วกรุณาแจ้งรายละเอียดการโอนให้ชัดเจน ในกล่องข้อความ 1.โอนเงินจำนวน......บาท 2. จำนวน......รายการ 3. รายการอะไรบ้าง....(ถ้าบอกได้จะดีมากครับ) เพื่อการจัดส่งที่รวดเร็ว...และถูกต้อง รวมยอดโอนทีเดียวได้ครับถ้ายอดน้อย เกิน 25 วันไม่โอน โดนคำติ
กดที่ตัวยังมีอีกหลายรายการยังมีอีกหลายรายการ วัดใจทุกวัน.....วันละ 15 รายการ.เป็นอย่างน้อย โอนแล้วกรุณาแจ้งรายละเอียดการโอนให้ชัดเจน ในกล่องข้อความ 1.โอนเงินจำนวน......บาท 2. จำนวน......รายการ 3. รายการอะไรบ้าง....(ถ้าบอกได้จะดีมากครับ) เพื่อการจัดส่งที่รวดเร็ว...และถูกต้อง รวมยอดโอนทีเดียวได้ครับถ้ายอดน้อย เกิน 25 วันไม่โอน โดนคำติ
กดที่ตัวยังมีอีกหลายรายการยังมีอีกหลายรายการ วัดใจทุกวัน.....วันละ 15 รายการ.เป็นอย่างน้อย โอนแล้วกรุณาแจ้งรายละเอียดการโอนให้ชัดเจน ในกล่องข้อความ 1.โอนเงินจำนวน......บาท 2. จำนวน......รายการ 3. รายการอะไรบ้าง....(ถ้าบอกได้จะดีมากครับ) เพื่อการจัดส่งที่รวดเร็ว...และถูกต้อง รวมยอดโอนทีเดียวได้ครับถ้ายอดน้อย เกิน 25 วันไม่โอน โดนคำติ