+++เหรียญเสมาหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี เนื้ออัลปากา โค๊ต ท รุ่นเสาร์ห้ามหามงคล ๑๐๐ ปี อาจารย์ทิม ปี ๒๕๕๕ พร้อมกล่องเดิม รุ่นนี้มีพิธีมหาพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ ถึง 3 ครั้ง โดยเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงร่วมปลุกเสกจำนวน 100 รูปครับ+++รับประกันตามกฎกติกา+++
พระลีลา เนื้อชินเขียว กรุทุ่งยั้ง จ.อุตรดิถต์ สภาพสวยเดิมๆ ฿เคาะแรกแดง ฿ รับประกันแท้ตามกฎ
คืนหนึ่งในฤดูฝน เมื่อปี พ.ศ.2515 เป็นยามวิกาล ฝนฟ้าได้ตกพรำๆทำให้ผู้คนไม่พลุกพล่าน บรรดานักลักขโมยทั้งหลายชอบนักหนา ได้ปรึกษาหารือกันเพื่อจะทำการขุดเจาะพระเจดีย์หน้าพระอุโบสถของวัดค้างคาว ทางด้านทิศตะวันออกของพระอุโบสถ ผลที่สุดได้ของ(พระจำนวนมาก) จากการลักลอบขุดครั้งแรกนั้น เลยไม่ทราบว่าเป็นพระอะไร เมื่อขโมยนำมาจำหน่ายในท้องที่ลพบุรี จึงได้ทราบว่าเป็นพระโคนสมอ (หรือเรียกกันว่าซุ้มประสาทนั่นเอง) เนื้อตะกั่วสนิมแดง จับมาแทบทุกองค์ มีพระเนื้อดิน อีกจำนวนหนึ่ง รวมกันประมาณทั้งกรุ 1,000 องค์เศษ ผู้ลักลอบขุดได้ทำการแบ่งสรรกันคนละเท่าๆกัน เมื่อเรื่องราวต่างๆแตกขึ้น ทำให้ล่วงรู้ไปถึงบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่องมีอันดับเข้า ก็ตามไปยังวัดค้างคาวกันไม่ขาดสาย ระยะนั้นพระกรุนี้มีราคาแพงมาก เพราะเป็นพระที่แตกกรุออกมาใหม่ๆ หนำซ้ำยังเป็น พระเนื้อตะกั่วแดง ขนาดเล็กกะทัดรัดน่าใช้มาก และมีความงามยิ่งกว่าพระโคนสมอกรุอื่นๆที่เคยพบมา เรียกได้ว่าไม่มีพระโคนสมอสนิมแดง กรุใดจะสวยงามเกินไปกว่าพระโคนสมอกรุ วัดค้างคาว คงไม่มีอีกแล้ว การปลอมแปลงขณะนี้ยังไม่แนบเนียนเท่าใดนัก ยังพอจัดเค้าได้ว่าเป็นของปลอมอยู่ ซึ่งตรงกันข้ามกับของจริง (ของแท้ไม่ปลอม)อยู่มาก ห่างไกลกันลิบลับ แต่ในอนาคตนั้นไม่แน่ อาจจะมีการปลอมแปลงขึ้นได้ พระโคนสมอกรุต่างๆนั้นมีหลายแบบอย่าง และมีหลายพิมพ์ทรง ส่วนใหญ่สร้างเป็นแบบพระประจำวันตั้งแต่วันอาทิตย์ถึงวันเสาร์ พบมากที่สุดคือ กรุวัดราชบูรณะ ที่กรมศิลปากรขุดพบเมื่อ พ.ศ.2501 โดยมีความตั้งใจจะบูรระพระปรางค์ แต่เมื่อขุดแต่งก็พบพระพิมพ์ พระบูชา และสมบัติจำนวนมากในวัดนี้ ประมาณอายุของพระเครื่องพิมพ์ไม่ต่ำกว่า 535 ปี วัดนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นพุทธบูชาแด่พระเจ้าอ้าย พระเจ้ายี่ สองพี่น้องที่ทำสงครามช่วงชิงราชสมบัติ จนสิ้นพระชมน์ทั้งสองพระองค์ เจ้าสามพระยาพระอนุชาองค์สุดท้องได้ครองเมืองแทนจึงสร้างวัดไว้ ณ.บริเวณที่พระเชษฐาทั้งสองทำสงครามกัน ได้สร้างพระเครื่องวัตถุมงคลเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาบรรจุไว้ พระโคนสมอดังกล่าวนี้เป็นพระที่มีความใหญ่โตมากกว่าพระกรุวัดค้างคาวมาก จึงไม่ค่อยมีผู้นิยมมากนัก จะจัดอยู่ในพระบูชาก็เล็กเกินไป ไม่เหมาะสม สำหรับ พระโคนสมอกรุวัดค้างคาวนี้ ไม่ทราบผู้สร้าง แต่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระโคนสมอกรุอื่นๆเป็นแน่แท้ วัดค้างคาวนี้อยู่ห่างจากสรรคบุรี ประมาณ 13 กม. จากวัดค้างคาวถึงบางระจัน 14 กม. การเดินทางไปมาสะดวกมากเพราะมีถนนสายสิงห์บุรี-สรรคบุรี ผ่านทั้งสองฟากแม่น้ำน้อย วัดค้างคาวนี้เป็นวันที่มีสวนลิงอยู่ประมาณ 500 ตัว ปัจจุบันนี้ วัดค้างคาวเจริญมาก เพราะมีประชาชนให้การสนับสนุนอยู่ตลอดเวลา เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันก็เป็นพระนักพัฒนา จึงทำให้วัดวาเป็นสง่าแก่พระศาสนาเป็ยอย่างยิ่ง
สภาพเดิมๆ ตอกโค๊ดเป็นหมายเลข
วัดเพชร เป็นวัดหนึ่งในเขตอำเภอเสาไห้นี้ ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านยาง สันนิษฐานว่าสร้างในประมาณปีพ.ศ.2315 เป็นวัดเก่าแก่ ส่วนการแตกกรุนั้น เมื่อประมาณปีพ.ศ.2491 ทางคณะกรรมการวัดได้ทำการปฏิสังขรณ์ โบราณสถานต่างๆ ภายในวัด ก็ได้พบพระเจดีย์เก่าสององค์ที่อยู่หลังโบสถ์ มีสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก ยากที่จะบูรณะให้คืนสภาพได้ จึงมีมติให้รื้อซากพระเจดีย์นั้นเสีย ปรากฏว่า ได้พบพระเครื่องเนื้อชินพิมพ์ต่างๆ บรรจุอยู่ในโอ่งประมาณหลายหมื่นองค์ มีแบบพิมพ์ต่างๆ เช่น พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์ป่าเลไลยก์ พิมพ์ไสยาสน์ พิมพ์อู่ทอง พิมพ์สมาธิ พิมพ์เพชรกลับ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังพบพระเนื้อดินที่เหมือนกับ พระกรุวัดดาวเสด็จ ที่ใต้ฐานพระประธานในพระอุโบสถอีกจำนวนหนึ่ง การพบพระเครื่องกรุวัดเพชรพิมพ์ต่างๆ ในครั้งนั้น ตอนแรกๆ ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าใดนัก สนใจแต่่พระที่ใต้ฐานพระประธานเสียมากกว่า เพราะเหมือนกับพระกรุวัดดาวเสด็จ ภายหลังมีผู้นำพระไปทดสอบปรากฏว่ายิงไม่ออก ข่าวนี้แพร่ออกไปจึงมีคนกลับมาหา พระกรุวัดเพชร กันเป็นจำนวนมาก จนพระหมดไปจากวัดเพชรในที่สุด พระเครื่องกรุนี้เป็นพระเนื้อชินเงินผิวปรอทขาว เกือบทุกองค์ ปัจจุบันนี้ก็ยังพอหาได้ไม่ยากนักครับ นับว่าเป็นพระกรุของดีของเสาไห้ เมืองสระบุรีกรุหนึ่งครับ รับประกันพระแท้ ยึดถือตามกฎของทางเวปทุกประการครับ
พระราชพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี เป็นพระราชพิธีที่จัดขึ้นเนื่องในโอกาสที่กรุงรัตนโกสินทร์จะมีอายุ บรรจบครบ 200 ปี เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2525 ซึ่งรัฐบาลสมัย พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทว่า ในปีพ.ศ. 2525 กรุงรัตนโกสินทร์จะมีอายุได้ 200 ปี นับเป็นมหามงคลสมัยแสดงถึงความมั่นคงของบ้านเมือง ได้ผ่านพ้นภัยพิบัติต่างๆ มาโดยสวัสดี มีความร่มเย็นเป็นสุขด้วยพระบารมีของพระผู้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ และด้วยพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า ผู้สืบราชสันตติวงศ์ทุกรัชกาลโดยลำดับ รัฐบาลและปวงชนชาวไทยจึงมีความปีติยินดี พร้อมกันแสดงความกตเวทิตาคุณ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อ พระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ และบรรพชนไทยที่จรรโลงชาติให้มีความรุ่งเรืองสันติสุขสืบมาตราบเท่าทุกวันนี้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้กำหนดการ ในส่วนที่จะทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชพิธี สมโภชกรุงรัตนโกสินทร์และฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยอนุโลมตามราชประเพณีที่มีมาแล้วในรัชกาลก่อน ทั้งให้สอดคล้องพอเหมาะ พอควรแก่กาลสมัยในปัจจุบัน เหรียญพระแก้วมรกตทรงเครื่อง ภปร. ฉลอง 200 ปี กรุงเทพฯ พระแก้วมรกต หรือ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนไทยทั้งประเทศ เป็นพระพุทธรูปที่ทำมาจากมรกตซึ่งเป็นตระกูลหินหยกชั้นดีที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีค่าประมาณมิได้ในปัจจุบัน เป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนตอนต้น ปางสมาธิ ขนาดหน้าตัก 43 ซม. สูง 55 ซม.ประวัติการสร้างพระแก้วมรกตไม่ชัดเจน มีหลายตำนานเช่น บางตำนานกล่าวว่าพระแก้วมรกตสร้างโดยพระอรหันต์ชื่อ พระนาคะเสนเถระ (น่าจะเป็นองค์เดียวกันกับผู้ที่ตอบปัญหาในเรื่องพระเจ้ามิลินท์)สร้างพระแก้วมรกตที่เมืองนครปาตาลีบุตร อินเดีย อดีตเมืองหลวงของพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว 500 ปีปัจจุบันพระแก้วมรกต ประดิษฐ์ฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2325 เป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง เช่นเดียวกับ วัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังหลวงในสมัยอยุธยา และมีพระราชประสงค์ให้วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต วัดพระศรีรัตนศาสดารามได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาโดยตลอด การบูรณะครั้งใหญ่ทั้งพระอาราม มีขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้มีการเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 100 ปี ใน พ.ศ. 2425 ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ทั้งพระอารามในโอกาสที่มีพระราชพิธีฉลองพระนครครบ 150 ปี ในรัชกาลปัจจุบันโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ทั้งพระอารามอีกครั้งใน พ.ศ. 2525 เมื่อมีการสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นองค์ประธานในการบูรณะ ในการบูรณะครั้งนี้ได้มีการจัดสร้างเหรียญพระแก้วมรกต ทั้ง 3 ฤดูให้ประชาชนได้ร่วมทำบุญ ซึ่งเหรียญพระแก้วมรกตมีการจัดสร้าง 2 ครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน พระ ราชพิธีพุทธาภิเษกมีขึ้นในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๔ ณ พระอุโบสถวัดพระแก้ว โดย พระมหาเถระจำนวน ๑๐ รูป ประกอบด้วย 1. สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ 2. พระมงคลราชมุนี (สุพจน์ โชติปาโล) วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ 3. พระราชสังวรญาณ (สนิท ถิรสินิทฺโธ) วัดศิลขันธาราม อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง 4. หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี 5. หลวงพ่ออุตตมะ อุตฺตมังกโร วัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี 6. พระครูพิพิธพัชรศาสน์ (หลวงพ่อจ้วน) วัดพระพุทธบาท เขาลูกช้าง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี 7. หลวงพ่อสุด วัดกาหลง อ.เมือง จ.เพชรบุรี 8. พระครูสุตาธิการี (หลวงพ่อทองอยู่) วัดใหม่หนองพะอง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร 9. พระครูประดิษฐ์นวการ วัดวังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี 10. พระครูญาณวิจักขณ์ (พระอาจารย์ผ่องจินดา) วัดจักรวรรดิ ราชาวาส กรุงเทพฯเข้า นั่งปรกเจริญภาวนาอธิษฐานจิตใน มณฑลพิธีราชวัตรฉัตรธง ประกอบพิธีพุทธาภิเษก
เหมือนจริงตามภาพทุกประการ สวยครับ 096 5248739