ktwarin

ข้อมูลสมาชิก – ktwarin

เริ่มเป็นสมาชิก: April 01, 2013 08:15:39 , สถานะ: ปกติ , ตั้งประมูล: 0 รายการ , รายการที่ยังไม่ปิด: 0 รายการ , คำชม: 317 รายการ , คำติ: 0 รายการ

ประวัติ Feedback

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/หลวงพ่อคูณ-ปี-2512-2539/6419710


รับประกันความพอใจและตามกฎครับ   ****ท่านที่ชนะประมูลเมื่อโอนแล้วกรุณาแจ้งรายการและยอดโอนในกล่องข้อความให้กระผมด้วยนะครับ *** เพื่อความรวดเร็วในการจัดส่งครับ เพราะผมส่งสินค้าได้ทุกวันตั้งแต่จันทร์ถึงวันอาทิตย์ (เนื่องมีลูกค้าหลายรายยอดเงินเดียวกันแต่ไม่แจ้งข้อมูลเข้ามาอาจจะเกิดความล่าช้าได้ครับ)


เขียนโดย :กฤษ09 เจ้าของรายการ April 29, 2016 08:06:31

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/หลวงพ่อคูณ-ปี-2512-2539/6428500


รับประกันความพอใจและตามกฎครับ   ****ท่านที่ชนะประมูลเมื่อโอนแล้วกรุณาแจ้งรายการและยอดโอนในกล่องข้อความให้กระผมด้วยนะครับ *** เพื่อความรวดเร็วในการจัดส่งครับ เพราะผมส่งสินค้าได้ทุกวันตั้งแต่จันทร์ถึงวันอาทิตย์ (เนื่องมีลูกค้าหลายรายยอดเงินเดียวกันแต่ไม่แจ้งข้อมูลเข้ามาอาจจะเกิดความล่าช้าได้ครับ)


เขียนโดย :กฤษ09 เจ้าของรายการ April 29, 2016 08:06:10

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/หลวงพ่อคูณ-ปี-2512-2539/6388756


รับประกันความพอใจและตามกฎครับ   ****ท่านที่ชนะประมูลเมื่อโอนแล้วกรุณาแจ้งรายการและยอดโอนในกล่องข้อความให้กระผมด้วยนะครับ *** เพื่อความรวดเร็วในการจัดส่งครับ เพราะผมส่งสินค้าได้ทุกวันตั้งแต่จันทร์ถึงวันอาทิตย์ (เนื่องมีลูกค้าหลายรายยอดเงินเดียวกันแต่ไม่แจ้งข้อมูลเข้ามาอาจจะเกิดความล่าช้าได้ครับ)


เขียนโดย :กฤษ09 เจ้าของรายการ April 22, 2016 09:15:05

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/หลวงพ่อคูณ-ปี-2512-2539/6355416


รับประกันความพอใจและตามกฎครับ   ****ท่านที่ชนะประมูลเมื่อโอนแล้วกรุณาแจ้งรายการและยอดโอนในกล่องข้อความให้กระผมด้วยนะครับ *** เพื่อความรวดเร็วในการจัดส่งครับ เพราะผมส่งสินค้าได้ทุกวันตั้งแต่จันทร์ถึงวันอาทิตย์ (เนื่องมีลูกค้าหลายรายยอดเงินเดียวกันแต่ไม่แจ้งข้อมูลเข้ามาอาจจะเกิดความล่าช้าได้ครับ)


เขียนโดย :กฤษ09 เจ้าของรายการ April 07, 2016 07:56:57

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/หลวงพ่อคูณ-ปี-2512-2539/6355401


รับประกันความพอใจและตามกฎครับ   ****ท่านที่ชนะประมูลเมื่อโอนแล้วกรุณาแจ้งรายการและยอดโอนในกล่องข้อความให้กระผมด้วยนะครับ *** เพื่อความรวดเร็วในการจัดส่งครับ เพราะผมส่งสินค้าได้ทุกวันตั้งแต่จันทร์ถึงวันอาทิตย์ (เนื่องมีลูกค้าหลายรายยอดเงินเดียวกันแต่ไม่แจ้งข้อมูลเข้ามาอาจจะเกิดความล่าช้าได้ครับ)


เขียนโดย :กฤษ09 เจ้าของรายการ April 07, 2016 07:56:45


รับประกันความพอใจและตามกฎครับ   ****ท่านที่ชนะประมูลเมื่อโอนแล้วกรุณาแจ้งรายการและยอดโอนในกล่องข้อความให้กระผมด้วยนะครับ *** เพื่อความรวดเร็วในการจัดส่งครับ เพราะผมส่งสินค้าได้ทุกวันตั้งแต่จันทร์ถึงวันอาทิตย์ (เนื่องมีลูกค้าหลายรายยอดเงินเดียวกันแต่ไม่แจ้งข้อมูลเข้ามาอาจจะเกิดความล่าช้าได้ครับ)


เขียนโดย :กฤษ09 เจ้าของรายการ April 01, 2016 10:43:49


ประวัติของหลวงพ่อขอม เดิมท่านชื่อ เป้า แต่เพื่อนๆ เรียกท่านว่า ขอม เมื่อได้ก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์แล้ว พระขอม หรือ อนิโชภิกษุ ได้จำพรรษาอยู่ที่ วัดบางสาม ได้ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาพระธรรมวินัย ด้วยความเอาใจใส่อย่างยิ่ง และปฏิบัติตนในศีลาจารวัตรเป็นอย่างดี อยู่หลายปี    จนกระทั่งเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงมาถึง ได้มีสำนักสงฆ์สร้างขึ้นใหม่แห่งหนึ่ง มีชื่อเรียกตามความนิยมของชาวบ้านว่า “วัดไผ่โรงวัว”    ด้วย เหตุที่นี่ไม่มีสมภารเจ้าวัด บรรดาชาวบ้านย่านนั้นซึ่งจับตาดูพระขอมมาตั้งแต่ต้น ลงความเห็นพ้องต้องกันว่า ผู้ที่สมควรได้รับตำแหน่งสมภารวัดใหม่นี้ ไม่มีท่านใดเหมาะเท่า พระขอม    เมื่อลงความเห็นดังนี้ ต่างก็พากันกันไปนิมนต์ พระขอม ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดไผ่โรงวัว พระขอมซึ่งเคยเป็นที่คุ้นเคยกับพุทธบริษัทที่นั่น ไม่อาจขัดศรัทธาได้ จึงย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดนั้นเป็นเวลา ๒ ปี    ชีวิตของท่านในช่วงนี้ หากจะขาดก็คือขาดสถานศึกษาเล่าเรียนพระพุทธศาสนา เพราะวัดไผ่โรงวัวเป็นวัดใหม่ สิ่งนี้ทำให้พระขอมพิจารณาตนเอง และเห็นว่าอันธรรมวินัยของพระศาสดานั้น ท่านยังเข้าไม่ถึงพอที่จะเป็นสมภารเจ้าวัดได้ หากผู้ศรัทธายังประสงค์จะให้ท่านเป็นผู้นำของวัดนี้อยู่ ท่านก็จำต้องเสาะแสวงหาความรู้เพิ่มเติม    ดังนั้นท่านจึงขอย้ายไปจำ พรรษาที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งอยู่ในตัวเมืองสุพรรณบุรี แล้วไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่ วัดประตูสาร ใกล้ๆ กับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ที่ท่านจำพรรษาอยู่นั่นเอง การศึกษาพระปริยัติธรรมของพระขอมดำเนินไป ๓ ปี ก็สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก อันเป็นความรู้ชั้นเถรภูมิ    คราวนี้ท่านกลับมาสู่วัดไผ่โรงวัวอีกครั้งหนึ่ง อย่างสมภาคภูมิ กลับมาอย่างผู้พร้อมที่จะบริหารภารกิจให้พระศาสนาอย่างเต็มที่    ดัง ได้กล่าวแล้วว่า วัดไผ่โรงวัวเป็นวัดใหม่ จึงยังไม่ถึงพร้อมในทุกๆ ด้าน คือไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย กุฏิที่อยู่จำพรรษาของพระภิกษุสามเณร ก็เป็นกระต๊อบมุงจากเก่าๆ มีอยู่เพียง ๒ หลัง ศาลาการเปรียญที่เป็นที่บำเพ็ญกุศลของทายกทายิกา เป็นเพียงเรือนไม้ไผ่หลังคามุงจาก อาศัยพื้นดินเป็นพื้นของศาลา น่าอนาถใจยิ่ง    ภาระของพระขอม คือต้องปรับปรุงศาสนสถานแห่งนี้ให้น่าพักพิงสมกับเป็นวัดก่อน เพื่อจะได้เป็นหนทางนำไปซึ่งการปรับปรุงจิตใจของชาวบ้านผู้ศรัทธาเป็นชั้น ที่สอง และเนื่องจากบรรดาชาวบ้านต่างมีศรัทธาพระขอมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว งานปรับปรุงก่อสร้างชั้นแรกจึงผ่านไปได้ไม่ยาก เริ่มด้วยการถมดินไม่ให้น้ำท่วมวัดได้ เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นที่ลุ่มมาก ถึงฤดูฝนคราใดน้ำท่วมทุกปี และท่วมมากขนาดเรือยนต์เรือแจวแล่นถึงกุฏิได้    เมื่อ ถมดินเสร็จ ท่านได้จัดการขุดสระน้ำสำหรับเป็นที่สรงน้ำ และน้ำดื่มของพระภิกษุสามเณร และเพื่อชาวบ้านทั้งหลายจะได้อาศัยอาบกินโดยทั่วไป แล้วซ่อมกุฏิที่ชำรุดทรุดโทรม สร้างศาลาการเปรียญ สร้างโบสถ์ จัดสรรให้เหมาะสมเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม สมกับคำว่า “วัด” ทำให้ศรัทธาของชาวบ้านก็เพิ่มมากขึ้น    นับตั้งแต่พระขอมได้บวชเป็นพระสงฆ์ ท่านมีความตั้งใจมั่น ดังที่เรียกว่ามโนปณิธาน เรื่องนี้ท่านกล่าวกับผู้ใกล้ชิดว่า    “... อาตมาได้ฟังพระท่านเทศน์ว่า บุคคลผู้ใดเลื่อมใส ได้สร้างพระพุทธรูป จะเล็กเท่าต้นคาก็ดี โตกว่าต้นคาก็ดี ผู้นั้นจะได้เป็นพรหม เป็นอินทร์ หมื่นชาติแสนชาติ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ หมื่นชาติแสนชาติ ผู้นั้นจะไม่เป็นผู้ตกต่ำเลย จนตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน ถ้าผู้ใดสร้างพระพุทธรูปด้วยทองคำ ผู้นั้นจะได้เกิดเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า...”    ด้วยมโนปณิธานนี้เอง ทำให้ท่านขอมคิดเริ่มสร้าง พระพุทธโคดม ด้วยทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก    พ. ศ. ๒๕๐๐ หลวงพ่อขอมเริ่มบอกบุญแก่ญาติโยม ใช้เวลา ๒ ปี กว่าจะเริ่มสร้างได้ เนื่องจากเป็นงานใหญ่นั่นเอง ถึงต้องใช้เวลาสร้างทั้งหมด ๑๒ ปี จนแล้วเสร็จ พ.ศ. ๒๕๑๒    จนถึงวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๓๓ เวลา ๑๖.๕๕ หลวงพ่อขอมก็มรณภาพลงด้วยโรคหัวใจล้มเหลว รวมสิริอายุ ๘๘ ปี พรรษา ๖๘ ทำให้นึกถึงคำปฏิญาณของหลวงพ่อขอม ที่ท่านได้กล่าวไว้ ๕ ข้อ คือ    ๑. ชีวิตของเราที่เหลือ ขอช่วยพระพุทธองค์ไปจนตาย ๒.เมื่อมีชีวิตอยู่ ถ้าเรามีเงินส่วนตัวสัก ๑ บาท เราจะอายพุทธบริษัทเป็นอย่างยิ่ง ๓.เราจะให้รูปพระองค์เกลื่อนไปในพื้นธรณี ๔.โอ...โลกนี้ไม่ใช่ของฉัน และ ๕.เราต้องตาย ตายใต้ผ้าเหลืองของเรา    วัตถุมงคลที่ท่านอฐิษฐานจิตปลุกเสกนั้นมีพุทธคุณสูงและโดดเด่นทางด้าน คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดกันภัย โชคลาภค้าขาย และเมตตามหานิยม 


เขียนโดย :isak เจ้าของรายการ April 01, 2016 03:41:31


พระพุทธโคดมเนื้อดิน หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว (วัดโพธาราม)จ.สุพรรณบุรี สร้าง พ.ศ.2505   ประวัติของหลวงพ่อขอม เดิมท่านชื่อ เป้า แต่เพื่อนๆ เรียกท่านว่า ขอม เมื่อได้ก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์แล้ว พระขอม หรือ อนิโชภิกษุ ได้จำพรรษาอยู่ที่ วัดบางสาม ได้ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาพระธรรมวินัย ด้วยความเอาใจใส่อย่างยิ่ง และปฏิบัติตนในศีลาจารวัตรเป็นอย่างดี อยู่หลายปี    จนกระทั่งเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงมาถึง ได้มีสำนักสงฆ์สร้างขึ้นใหม่แห่งหนึ่ง มีชื่อเรียกตามความนิยมของชาวบ้านว่า “วัดไผ่โรงวัว”    ด้วย เหตุที่นี่ไม่มีสมภารเจ้าวัด บรรดาชาวบ้านย่านนั้นซึ่งจับตาดูพระขอมมาตั้งแต่ต้น ลงความเห็นพ้องต้องกันว่า ผู้ที่สมควรได้รับตำแหน่งสมภารวัดใหม่นี้ ไม่มีท่านใดเหมาะเท่า พระขอม    เมื่อลงความเห็นดังนี้ ต่างก็พากันกันไปนิมนต์ พระขอม ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดไผ่โรงวัว พระขอมซึ่งเคยเป็นที่คุ้นเคยกับพุทธบริษัทที่นั่น ไม่อาจขัดศรัทธาได้ จึงย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดนั้นเป็นเวลา ๒ ปี    ชีวิตของท่านในช่วงนี้ หากจะขาดก็คือขาดสถานศึกษาเล่าเรียนพระพุทธศาสนา เพราะวัดไผ่โรงวัวเป็นวัดใหม่ สิ่งนี้ทำให้พระขอมพิจารณาตนเอง และเห็นว่าอันธรรมวินัยของพระศาสดานั้น ท่านยังเข้าไม่ถึงพอที่จะเป็นสมภารเจ้าวัดได้ หากผู้ศรัทธายังประสงค์จะให้ท่านเป็นผู้นำของวัดนี้อยู่ ท่านก็จำต้องเสาะแสวงหาความรู้เพิ่มเติม    ดังนั้นท่านจึงขอย้ายไปจำ พรรษาที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งอยู่ในตัวเมืองสุพรรณบุรี แล้วไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่ วัดประตูสาร ใกล้ๆ กับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ที่ท่านจำพรรษาอยู่นั่นเอง การศึกษาพระปริยัติธรรมของพระขอมดำเนินไป ๓ ปี ก็สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก อันเป็นความรู้ชั้นเถรภูมิ    คราวนี้ท่านกลับมาสู่วัดไผ่โรงวัวอีกครั้งหนึ่ง อย่างสมภาคภูมิ กลับมาอย่างผู้พร้อมที่จะบริหารภารกิจให้พระศาสนาอย่างเต็มที่    ดัง ได้กล่าวแล้วว่า วัดไผ่โรงวัวเป็นวัดใหม่ จึงยังไม่ถึงพร้อมในทุกๆ ด้าน คือไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย กุฏิที่อยู่จำพรรษาของพระภิกษุสามเณร ก็เป็นกระต๊อบมุงจากเก่าๆ มีอยู่เพียง ๒ หลัง ศาลาการเปรียญที่เป็นที่บำเพ็ญกุศลของทายกทายิกา เป็นเพียงเรือนไม้ไผ่หลังคามุงจาก อาศัยพื้นดินเป็นพื้นของศาลา น่าอนาถใจยิ่ง    ภาระของพระขอม คือต้องปรับปรุงศาสนสถานแห่งนี้ให้น่าพักพิงสมกับเป็นวัดก่อน เพื่อจะได้เป็นหนทางนำไปซึ่งการปรับปรุงจิตใจของชาวบ้านผู้ศรัทธาเป็นชั้น ที่สอง และเนื่องจากบรรดาชาวบ้านต่างมีศรัทธาพระขอมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว งานปรับปรุงก่อสร้างชั้นแรกจึงผ่านไปได้ไม่ยาก เริ่มด้วยการถมดินไม่ให้น้ำท่วมวัดได้ เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นที่ลุ่มมาก ถึงฤดูฝนคราใดน้ำท่วมทุกปี และท่วมมากขนาดเรือยนต์เรือแจวแล่นถึงกุฏิได้    เมื่อ ถมดินเสร็จ ท่านได้จัดการขุดสระน้ำสำหรับเป็นที่สรงน้ำ และน้ำดื่มของพระภิกษุสามเณร และเพื่อชาวบ้านทั้งหลายจะได้อาศัยอาบกินโดยทั่วไป แล้วซ่อมกุฏิที่ชำรุดทรุดโทรม สร้างศาลาการเปรียญ สร้างโบสถ์ จัดสรรให้เหมาะสมเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม สมกับคำว่า “วัด” ทำให้ศรัทธาของชาวบ้านก็เพิ่มมากขึ้น    นับตั้งแต่พระขอมได้บวชเป็นพระสงฆ์ ท่านมีความตั้งใจมั่น ดังที่เรียกว่ามโนปณิธาน เรื่องนี้ท่านกล่าวกับผู้ใกล้ชิดว่า    “... อาตมาได้ฟังพระท่านเทศน์ว่า บุคคลผู้ใดเลื่อมใส ได้สร้างพระพุทธรูป จะเล็กเท่าต้นคาก็ดี โตกว่าต้นคาก็ดี ผู้นั้นจะได้เป็นพรหม เป็นอินทร์ หมื่นชาติแสนชาติ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ หมื่นชาติแสนชาติ ผู้นั้นจะไม่เป็นผู้ตกต่ำเลย จนตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน ถ้าผู้ใดสร้างพระพุทธรูปด้วยทองคำ ผู้นั้นจะได้เกิดเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า...”    ด้วยมโนปณิธานนี้เอง ทำให้ท่านขอมคิดเริ่มสร้าง พระพุทธโคดม ด้วยทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก    พ. ศ. ๒๕๐๐ หลวงพ่อขอมเริ่มบอกบุญแก่ญาติโยม ใช้เวลา ๒ ปี กว่าจะเริ่มสร้างได้ เนื่องจากเป็นงานใหญ่นั่นเอง ถึงต้องใช้เวลาสร้างทั้งหมด ๑๒ ปี จนแล้วเสร็จ พ.ศ. ๒๕๑๒    จนถึงวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๓๓ เวลา ๑๖.๕๕ หลวงพ่อขอมก็มรณภาพลงด้วยโรคหัวใจล้มเหลว รวมสิริอายุ ๘๘ ปี พรรษา ๖๘ ทำให้นึกถึงคำปฏิญาณของหลวงพ่อขอม ที่ท่านได้กล่าวไว้ ๕ ข้อ คือ    ๑. ชีวิตของเราที่เหลือ ขอช่วยพระพุทธองค์ไปจนตาย ๒.เมื่อมีชีวิตอยู่ ถ้าเรามีเงินส่วนตัวสัก ๑ บาท เราจะอายพุทธบริษัทเป็นอย่างยิ่ง ๓.เราจะให้รูปพระองค์เกลื่อนไปในพื้นธรณี ๔.โอ...โลกนี้ไม่ใช่ของฉัน และ ๕.เราต้องตาย ตายใต้ผ้าเหลืองของเรา    วัตถุมงคลที่ท่านอฐิษฐานจิตปลุกเสกนั้นมีพุทธคุณสูงและโดดเด่นทางด้าน คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดกันภัย โชคลาภค้าขาย และเมตตามหานิยม 


เขียนโดย :isak เจ้าของรายการ April 01, 2016 03:40:38

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระเนื้อผง-เนื้อว่าน/6068449


พระสมเด็จเกศไชโย รุ่นสร้างเขื่อน พิมพ์ ๗ ชั้น (นิยม) สร้างเมื่อปี ๒๔๙๕ วัดไชโยวรวิหาร ซึ่งมีส่วนผสมของสมเด็จวัดเกศไชโยที่แตกหักอยู่จำนวนมาก (ส่องกล้องดูจะเห็นครับ) จัดเป็นพิธีใหญ่ที่ วัดเกศไชโยวรวิหาร อ่างทอง ในเดือน เมษายน พศ.๒๔๙๕ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๕ ในพิธีพระสมเด็จเกศไชโย รุ่นสร้างเขื่อนนอกจากจะนิมนต์พระเกจิจารย์ดังในยุคนั้นแล้ว ยังได้อัญเชิญบารมี สมเด็จพุทธจารย์โต พรหมรังษี ด้วยการอธิฐานจิต โยงด้ายสายสิญจน์จากรูปหล่อสมเด็จพุทธจารย์โต พรหมรังสี ไปยังพระสมเด็จเกศไชโย รุ่นสร้างเขื่อนด้วย การกดพิมพ์พระสมเด็จเกศไชโย รุ่นสร้างเขื่อน ใช้วิธีการกดพิมพ์แบบโบราณ ผู้กดพิมพ์ต้องนุ่งขาว ห่มขาว ถือศีล ๕ กินเจ และอารธนาพระพุทธมนต์ในขณะกดพิมพ์พระสมเด็จเกศไชโย รุ่นสร้างเขื่อน การกดพิมพ์พระด้วยมือแบบโบราณ พระสมเด็จเกศไชโย รุ่นสร้างเขื่อนองค์นี้พระสวย เนื้อออกเหลือง สภาพอย่างนี้หายากมากแล้วครับ มีองค์นี้ใช้แทนพระสมเด็จเกศไชโย องค์ละเป็นแสนๆ ได้อย่างสนิทใจเลยครับ วัดเกศไชโย เป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในช่วงหน้าฝนน้ำเหนือไหลบ่าลงมาทุกปี ปริมาณน้ำสูงมากทำให้ตลิ่งหน้าวัดถูกน้ำเซาะจนทำให้เสียหายทุกปี ทางวัดจึงจัดหาทุนสร้างเขื่อนกั้นน้ำ พระอาจารย์วร เจ้าอาวาสขณะนั้น และกรรมการวัดได้นำมวลสาร ชิ้นส่วนที่ชำรุดแตกหักของพระสมเด็จวัดเกศไชโยเก่าเดิม ผงมวลสารของพระเกจิอาจารย์ต่างๆ และผงมวลสารเก่าที่เก็บรวบรวมไว้ มาสร้างเป็นพระสมเด็จ ๗ ชั้น , ๓ ชั้น และพระคะแนน พิธีปลุกเสกพระสมเด็จ ๗ ชั้น, ๓ ชั้นและพระคะแนน รุ่นสร้างเขื่อน จัดเป็นพิธีใหญ่มากที่วัดเกศไชโยวรวิหาร อ่างทอง ในเดือน เมษายน พศ.๒๔๙๕ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๕ ในพิธีนอกจากจะนิมนต์พระเกจิอาจารย์ดังในยุคนั้นแล้ว ยังได้อัญเชิญบารมี สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ด้วยการอธิษฐานจิต โยงด้ายสายสิญจน์จากรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี มายังวัตถุมงคลที่ปลุกเสกด้วย พระสมเด็จ ๗ ชั้นรุ่นสร้างเขื่อน มีเอกลักษณ์เหมือนพระสมเด็จเกศไชโยรุ่นเก่า คือ ขอบมีกรอบกระจก อกเป็นร่อง หูมีบายสียาวใหญ่ การกดพิมพ์พระสมเด็จรุ่นสร้างเขื่อน ใช้วิธีการกดพิมพ์แบบโบราณ ผู้กดพิมพ์ต้องนุ่งขาว ห่มขาว ถือศีล๕ กินเจ และอาราธนาพระพุทธมนต์ในขณะกดพิมพ์พระ การกดพิมพ์พระด้วยมือแบบโบราณ ทำให้ด้านหลังขององค์พระสมเด็จ มีรอยปาดครูด รอยฝีแปรงปัด บางองค์มีรอยปริ แตกให้เห็น บางองค์หลังเรียบก็มี เนื้อพระสมเด็จ ๗ ชั้นรุ่นสร้างเขื่อน เป็นเนื้อผงแก่ปูนผ่านการบดตำค่อนข้างละเอียด ส่องดูเนื้อพระจะเห็นเม็ดผงสมเด็จเกศไชโยที่ผสมอยู่ เนื้อพระสมเด็จ มีสีขาว สีเหลือง สีขาวอมชมพู พิมพ์ที่ได้รับความนิยมสุดคือ สีเหลืองครับผม.... องค์นี้เป็นพระพิมพ์ใหญ่ 7 ขั้น นิยม สวยเดิมๆ น่าบูชามากๆ ***เรารับประกันตามกฎทุกประการครับ..***


เขียนโดย :แดงบุปผา เจ้าของรายการ January 05, 2016 14:16:41

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระชุด-จ.นครปฐม/6044567


อยากแนะนำให้ท่านได้รู้จักกับหลวงพ่อลำเจียก รูปนี้อีกท่านหนึ่งซึ่งเป็นพระเกจิที่พื้นที่บริเวณใกล้เคียงวัดศาลาตึก นั้นรู้จักกันดี สื่อ(นักหนังสือ)เคยเข้ามาจะเขียนข่าวเรื่องราวของท่าน แต่ท่านไม่ชอบ จึงไม่เปิดโอกาสให้กับนักข่าวแต่อย่างใด ปัจจุบันที่จะพอมีข่าวแว่วๆหูบ้างก็ในลักษณะปากต่อปาก พระอาจารย์ที่หลวงพ่อลำเจียก ได้เคยไปศึกษาร่ำเรียนวิชาก็ล้วนแต่เป็นพระเกจิที่ขึ้นชื่อทั้งนั้น เช่น หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ จ.กาญจนบุรี ,หลวงพ่อเกลี้ยง วัดเขาใหญ่ จ.กาญจนบุรี , หลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง จ.นครปฐม , หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก จ.สุพรรณบุรี และหลวงพ่อสว่าง วัดกำแพงแสน จ.นครปฐม ในช่วงระหว่างที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นท่านได้ออกวัตถุมงคล ให้ลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนทั่วไป ได้เก็บไว้บูชาหลายรุ่นพอสมควร (บล็อคท่านทำลายหมดแล้ว เพราะท่านบอกว่าไม่อยากให้เอาไว้ เดี่ยวจะเอามาทำเป็นการค้ากันหมด) รูปแทนนะครับ พระสวยทุกเหรียญ


เขียนโดย :วิจิตรศิลป์ เจ้าของรายการ December 28, 2015 14:43:53

หน้าที่ :  3