ตลับเงินพ่นทรายสำหรับใส่พระกริ่ง//เตารีด หรือพระที่มีขนาดใกล้เคียง มือหนึ่ง สวยๆครับ********เชิญคลิ๊กที่รูป V มีอีกหลายรายการให้เลือกครับ
อ่านสักนิดก่อนเคาะครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาด้วยกันทั้งสองฝ่าย พระราคาไม่ถึง 5000 บาท รบกวนส่งออกบัตรเองครับ ผมรับประกันแท้ แต่ถ้าพระราคาเกิน 5000 บาท ยินดีทำตามกฎ ขอบคุณครับ โอนแล้วกรุณาแจ้งทาง mail box ด้วยนะครับเพื่อความถูกต้องและรวดเร็วในการจัดส่ง ขอบคุณครับ ยังมีรายการพระที่น่าสนใจอีกหลายรายการ เข้าไปดูได้โดยคลิกที่ตัว
หลวงพ่อโชติ วัดตะโน ประวัติของหลวงพ่อโชติ วัดตะโน แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ท่านเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ.2417 อุปสมบท ณ วัดกระทุ่ม วันที่11 กรกฎาคม พ.ศ.2451 มรณภาพ เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2501 ท่านเป็นพระร่วมสมัยกับหลวงปู่โต๊ะที่เราๆท่านๆรู้จักดี ท่านแก่พรรษากว่า หลวงปู่โต๊ะไปมาหาสู่กันเป็นประจำ หลวงปู่โต๊ะท่านนับถือหลวงพ่อโชติมาก อีกทั้งยังได้ร่ำเรียนวิชาทำผงพุทธคุณกับหลวงพ่อโชติ จะเรียกง่ายๆว่า หลวงปู่โต๊ะเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อโชติก็น่าจะไม่ผิดอะไร ลพ.โชติเองท่านเคยเป็นนักเลงมาก่อนหลังจากที่ได้ได้ออกบวชก็ไม่สึกอีกเลย เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่านักเลงสมัยก่อนต้องมีวิชาดีไม่อย่างนั้นเป็นนักเลงไม่ได้ พระเครื่องและเครื่องรางของท่าน โดยส่วนมากที่พบนอกจากเหรียญรุ่น 1- 2 ของท่านแล้วยังมีเชือกคาดเอวที่ทำจากผ้าห่อศพผีตายโหง ใช้คาดเอวเพื่อความอยู่ยงคงกระพันแล้วยังใช้เป็นอาวุธในการฟาดศัตรูเพราะหากใครโดนเชือกดังกล่าวฟาดแล้วละก็จะมีอาการเสียสติเลยทีเดียว เห็นหลายท่านที่มีเชือกดังกล่าวกล่าวกันว่าในวันพระจะมีกลิ่นสาปสางออกจากเชือกคาดดังกล่าว มีการสร้างตะกรุดเช่นกันแต่สร้างน้อยให้กับศิษย์ที่ใกล้ชิดเท่านั้นหากติดตามมาได้เมื่อใดจะนำมาเผยแพร่ให้ชมครับ และนอกจากนั้นก็จะเป็นพระสมเด็จพิมพ์ต่างๆดังนี้ 1. พระพิมพ์ใหญ่กลักไม้ขีด 2. พระสมเด็จพิมพ์ขาโต๊ะ เป็นแม่พิมพ์ตัวเดียวกับสมเด็จขาโต๊ะของหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ลพ.โชติเป็นผู้ไปยืมจากหลวงปู่โต๊ะมากดพิมพ์ที่วัด หลังจากที่ หลวงปู่โต๊ะได้กดพิมพ์ขาโต๊ะไปได้ไม่กี่ร้อยองค์ จำแนกแยกแยะได้เพียงว่าของ ลพ.โชติเป็นเนื้อสีเหลือง ของหลวงปู่โต๊ะเป็นผงแช่น้ำมนต์ ขอย้ำนะครับว่าเป็นแม่พิมพ์ตัวเดียวกันอย่าเล่นผิดวัดก็แล้วกัน และหลังจากนั้นแม่พิมพ์ดังกล่าวก็หายสาบสูญไปเป็นที่น่าเสียดายยิ่ง เพราะเหตุว่าทุกพิมพ์ของหลวงปู่โต๊ะเป็นพิมพ์ที่แกะเองเป็นของวัดแต่พิมพ์ขาโต๊ะ ได้มาจากฆารวาสท่านหนึ่งที่เจอบนขื่อหรือใต้เพดานโบสถ์ของหลวงพ่อโบสถ์น้อย(พระพุทธรูปสักสิทธิ์) แห่งวัดอัมรินทร์ทราราม เขตบางกอกน้อย ข้อมูลดังกล่าวคัดลอกมาจากบทความในหนังสือ ภาสรุธรรมฉบับประกาศเกียรติคุณ หลวงปู่โต๊ะ 108 ปี 3. พระสมเด็จพิมพ์เจ็ดชั้น 4. พระสมเด็จพิมพ์สามชั้นเศียรฤาษี 5. พระสมเด็จพิมพ์เม็ดบัว 6. พระพิมพ์ขุนแผน ( ซึ่งเนื้อมีหลายสี เท่าที่ผ่านตาคือ แดง ดำ เหลือง ไม่ทราบว่ามีต่างจากนี้หรือไม่ ) 7. พระพิมพ์กระโดดบาตร 8. ฯลฯ ยังมีพิมพ์อีกบางพิมพ์ที่ยังตามหาอยู่แล้วจะนำมาเพิ่มให้ภายหลัง พระดี น่าใชัมากครับ ขอบคุณมากครับ
พระยอดธงหน้าตักประมาณ1นิ้ว เเต่งสวย
การสร้างพระเครื่องนี้ ได้ลงมือทำพิธีปลุกเสกสรรพสิ่งตลอด 3 วัน 3 คืน ในพระอุโบสถวัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรมหาวิหาร มีสมเด็จพระราชาคณะ , เจริญพระพุทธมนต์ 25 รูป พระคณาจารย์ปลุกเสก บรรจุพุทธาคมครบ 108 รูป - พระคณาจารย์ 108 รูปนี้ได้อาราธนามาจากจังหวัดต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร อาทิ หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ , หลวงพ่อทบ วัดชนแดน , หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ฯลฯ นับว่าเป็นพิธีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่มากครับ องค์นี้พอสวย พระหนา ควรค่าแก่การบูชาเป็นอย่างยิ่ง เคาะเดียว ส่งด่วนครับ 0844113313 รับประกันตามมาตรฐานสากลครับ
พระกริ่งอายุ วรรโณ สุขัง พลัง วัดสุทัศน์เทพวราราม เนื้อเงินยวง เลขสวยๆ 702 กล่องกำมะหยี่เดิมๆ ปี 51 รับประกันแท้ตลอดชีพ
ตรีกายหลวงปู่แก้ว เกสาโร วัดละหารไร่ เนื้อชาญหมาก หลวงปู่ทิมร่วมเสก หลวงปู่แก้ว เกสาโร มี นามเดิมว่า เชียงคำ เกิดในสกุล คำมี ที่บ้านชนบท ต.ท่าฆ้อ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันอังคาร เดือน 6 ปีวอก ท่านเคยบวชเณรเมื่ออายุได้ 15 ปีและเที่ยวหาอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณเพื่อศึกษาเล่าเรียน วิชาที่ท่านเรียนนั้นเน้นหนักไปทางคงกระพันชาตรีและมหาอุด ด้วยถูกจริตนิสัยของท่านที่ค่อนไปทางนักเลงมาแต่เด็ก ต่อมาก็ลาสิกขาไปเมื่ออายุได้ 22 ปี ช่วงชีวิตที่พลิกผันก็มาถึง เมื่อท่านเข้าพวกกับพรานป่าออกล่าสัตว์อยู่นานปีจนพลัดเข้าไปอยู่กับหมู่โจร โดยที่ท่านไม่ทราบมาก่อน ในที่สุดท่านก็จำยอมต้องเข้าพวกร่วมปล้นโดยมีเสือฉิ่งเป็นหัวหน้าและตัวท่าน เป็นรอง อาคมที่ท่านศึกษาเล่าเรียนมาได้ปรากฏชัดจนลือชื่อในระยะนี้เอง เพราะวันหนึ่งเสือฉิ่งคุมพวกเข้าปล้นบ้านนายบุญเพื่อเอาม้าเลี้ยงไปขาย หลวงปู่แก้วในขณะนั้นจึงโดดขึ้นหลังม้าเพื่อควบหนีไป ทว่านายบุญเจ้าของบ้านยกปืนส่องเข้ากลางหลังอย่างจังถึงกับตกจากหลังม้า ผู้ อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหลายไม่ว่าโจรว่าเจ้าของบ้านต่างมั่นใจว่าท่านตายแล้ว แน่ ๆ ทันทีนั้นท่านก็ลุกพรวดพราดกระโดดขึ้นหลังม้าควบไปท่ามกลางความตกตะลึงของ หมู่โจรและเจ้าบ้าน ครั้นพวกเสือฉิ่งหนีกลับรังมาได้ก็ขอดูบาดแผลท่าน เป็นการใหญ่ สิ่งที่เห็นเป็นแค่เพียงรอยช้ำเป็นจ้ำเป็นจุดเท่านั้น ลูกปืนยาวหาได้ระคายผิวท่านไม่ แต่นั้นมาลูกน้องทั้งหลายก็ขอให้ท่านเป็น ผู้สักยันต์ให้ และคนเหล่านั้นได้กลายเป็นเสือติดปีกที่ปล้นฆ่าจนสร้างความหวาดกลัวให้ชาว บ้านเป็นอันมาก การปราบปรามของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ยังไม่สามารถทำอะไรโจรห้าร้อยพวกนี้ ได้เลย ท่านตั้งใจสักให้ลูกน้องเพื่อหวังคุ้มภัย แต่คนเหล่านั้นกลับไปเที่ยวก่อภัย ท่านเกิดความสลดสังเวชใจจึงเลิกสักให้ใครมานับแต่นั้น สมัย ฆราวาสท่านหนีอาญาบ้านเมืองไปอยู่ที่ใดท่านก็ได้ภรรยาที่นั้นทุกคราวไป ท่านหลบเจ้าหน้าที่มาเรื่อยและได้กบดานเงียบอยู่ที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ถึง 10 ปี ตำรวจก็รู้แหล่งอีกจนได้ ท่านจึงหนีลงมาอีกกระทั่งถึง ต.ตาสิทธิ์ (ต.หนองละลอก-ปัจจุบัน) และที่ นี่เองท่านได้พบพวกมิจฉาชีพด้วยกันเพราะตำบลนี้สมัยก่อนเป็นป่าดิบดงทึบ บรรดาเสือที่หนีการจับกุมของทางการพากันมารวมตัวที่นี่มากมาย เช่น เสือชู เสือเหี้ยม เสือไม้ รวมถึง เสือเชียงคำ คือท่านด้วย ดังกล่าวแล้วว่าอยู่ ไหนก็ได้เมีย ที่นี่ท่านก็มีอีกหนึ่งพร้อมให้กำเนิดบุตรชายอีกคนซึ่งได้รับการตั้งชื่อว่า ด.ช. เช้า คำมี ซึ่งต่อมาหลวงปู่ทิมได้อุปการะเด็กชายเช้าจนเติบใหญ่ได้ดีเป็นถึงแพทย์ประจำ ตำบล หลวงปู่แก้วใช้ชีวิตระหกระเหินจนเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายในชีวิตที่ ผ่านมา ท่านนึกถึงความชั่วร้ายที่ท่านก่อไว้เป็นอันมากในอดีตก็ยิ่งสลดใจ ท่านจึงตัดสินใจบวชพระเมื่ออายุได้ 60 ปี ณ พระอุโบสถวัดหวายกรอง โดยมี หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอกเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เกียงเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์สวัสดิ์เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า เกสาโร บวชแล้ว ท่านยังได้ต่อวิชากับพระอาจารย์เกียงซึ่งเป็นพระชาวเขมรจนเจนจบ ต่อมาได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดละหารไร่ และได้ต่อวิชาอีกกับหลวงปู่ทิม ท่านได้เห็นความเก่งกล้าสามารถในวิชาอาคมและอำนาจจิตตานุภาพที่กล้าแข็งของ หลวงปู่ทิม ท่านจึงยอมรับหลวงปู่ทิมว่าเก่งจริงจนหมดใจ ถึงกับเรียกหลวงปู่ทิมอย่างเคารพสูงสุดว่า "คุณพ่อ" ต่อมาหลวงปู่แก้วก็ เริ่มมีชื่อเสียงด้วยการสรรเสริญจากปากขององค์อาจารย์คือหลวงปู่ทิมบ่อย ครั้ง ผู้คนจึงเริ่มเข้าหาท่านโดยขอตะกรุดบ้าง ผ้ายันต์บ้าง และที่สร้างชื่อให้ท่านมากคือการสักยันต์ ซึ่งส่วนมากการสักของท่านจะเป็นการสักน้ำมันเสียทั้งนั้น คุณอาท่านหนึ่ง ของผมเป็นทหารเรือ เป็นราชองครักษ์พิเศษของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเป็นคนที่รักในทาง ขลังอยู่ไม่น้อย ท่านชื่อนาวาเอกจำเนียร ตู้จินดา เคยเดินทางไปกราบหลวงปู่ทิมบ่อยครั้ง เมื่อศรัทธาในหลวงปู่ทิมถึงที่สุดก็เอ่ยปากขอให้ท่านสักยันต์ให้ด้วย ทว่า หลวงปู่ทิมกล่าวปฏิเสธ ท่านว่าเลิกสักใครมานานแล้ว แต่ถ้าอยากสักจริง ๆ ก็ไปขอท่านแก้วเขาสักให้ เรียบร้อยแล้วจึงมาหาท่านอีกทีท่านจะเป่าให้ คุณ อาจึงเดินไปขอเมตตาหลวงปู่แก้วสักน้ำมัน ท่านก็รับคำด้วยดี เหล็กสักปักลงหลังของผู้นั่งเหยียดเท้าประณมมือครั้งแล้วครั้งเล่า คุณอาทนเจ็บด้วยหวังในวิทยาคุณอันประเสริฐ พักใหญ่การสักก็เสร็จสิ้น แต่หลวงปู่ยังให้คุณอานั่งอยู่ในท่าเดิมสักพัก ทันใดนั้น นายทหารใหญ่ก็สัมผัสได้ถึงแรกกระแทกเข้ากับแผ่นหลังดัง บึ้ก อย่างแรงจนสะเทือน ด้วยความแปลกใจก็หันขวับไปดู แล้วท่านก็ตกใจสุดขีดเมื่อเห็นหลวงปู่แก้วถือดาบโบราณยาวเป็นวาขาววับอยู่ เบื้องหลังในอาการที่เหมือนว่าจะ "ซ้ำ" เป็นหนสอง นาทีนั้นทั้งที่อยู่ใน ท่านั่งเหยียดเท้าคุณอากลับดีดตัวเองด้วยความตกใจอย่างที่สุดออกห่างองค์ หลวงปู่ไปหลายเมตร จนคุณอาเองยังแปลกใจอยู่ทุกวันนี้ว่าตัวลอยไปไกลขนาดนั้นได้อย่างไร อาเนียรเล่าไปขำไป ผมก็พลอยขำไปด้วย แต่ในใจยังสงสัยว่าถ้าเป็นตูจะขำออกหรือเปล่า เหตุนี้ท่านผู้การจำเนียร จึงให้ความเชื่อถือในอาคมของหลวงปู่แก้วเป็นอันมาก ไปกราบหลวงปู่ทิมคราวใดต้องแวะหาหลวงปู่แก้วด้วยทุกครั้งไป หลวงปู่ทิม การันตีหลวงปู่แก้วหลายต่อหลายครั้งว่า “ท่านแก้วเขาสำเร็จธาตุ” คำประกาศนี้อาจไม่ใหญ่คับฟ้าดังประกาศของหนังสือชั้นนำอย่างกินเนสบุ๊ค แต่มันเป็นประกาศนียบัตรทางวาจาที่ปราชญ์ในศาสตร์นี้มีให้แก่กัน ประมาณว่าปราชญ์ย่อมรู้ในปราชญ์ หากผมเองที่เป็นได้เพียง "ประหลาด" ไม่อาจหยั่งรู้เรื่องราว "ภายใน" ของท่านทั้งสองได้ เห็นทางเดียวว่าเชื่อไว้ก่อนเป็นการดี ครั้ง ที่คนมือซนเอาเหรียญ "เจริญพร" ของหลวงปู่ทิมไปลองยิง ความทราบถึงหลวงปู่แก้วท่านก็พิโรธเป็นนักหนา บ่นว่า “ไอ้พวกนี้มันถือดีเอาของคุณพ่อไปลองได้ยังไง ถ้าจะลองไม่ต้องไปลองคุณพ่อหรอก” ว่าแล้วท่านก็เดินไปที่ตอไม้กระท้อนข้างกุฏิซึ่งตัดไปนานแล้ว จากนั้นก็ลงนั่งยอง "ฉี่" รดตอกระท้อนนั้น แล้วบรรลือสีหนาทว่า “ถ้ามันอยากยิงให้มายิงตอนี้ให้ออกก่อน” ไม่ ต้องเดาก็รู้ว่าคนมือซนรู้ข่าวแล้วพากันลองหรือไม่ ทราบเพียงว่าชื่อเสียงของท่านเคียงบ่าเคียงไหล่มากับหลวงปู่ทิมผู้เป็น อาจารย์ก็พอ ต่อมาผู้ทรงวิทยาคุณเช่นท่านปรารภว่าหากตายก็เสียดายอยู่ สองอย่าง หนึ่งคือวิชาอาคมที่ศึกษามาจนแตกฉานจะพลอยสูญไปกับตน สองคือเกรงว่าศพจะเป็นภาระให้แก่คนรุ่นหลังยุ่งยากเรื่องค่าใช้จ่ายในงาน ประชุมเพลิง ดำริแล้วท่านก็ขออนุญาตกับหลวงปู่ทิมว่าจะทำเหรียญสักรุ่น ซึ่งหลวงปู่ทิมก็ไม่ขัดข้องประการใด เมื่อคุยกับกรรมการวัดอันมี คุณลุงสาย แก้วสว่าง ผู้เป็นไวยาวัจกร และ คุณชินพร สุข สถิตย์ ผู้เป็นศิษย์แล้ว เห็นควรให้จัดทำเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกของหลวงปู่แก้วขึ้น ซึ่งเลขยันต์หลวงปู่แก้วเป็นองค์กำหนด หลวงปู่ทิมก็ได้เห็นต้นแบบภาพเหรียญ ท่านยังพูดเหมือนเก่าคือ “ท่านแก้วเขาสำเร็จธาตุ” จึงสมควรใช้ยันต์แม่ธาตุใหญ่คือ นะ มะ พะ ทะ เหรียญ รุ่นแรกของท่านมีความสวยงามมาก ดูมีชีวิตชีวาสมเป็นงานแกะชั้นครู ฝีมือระดับนี้ถ้าไม่เป็นช่างเกษม มงคลเจริญ ก็ต้อง ช่างประหยัด ลออพันธุ์สกุล ไม่เป็นอื่น อีกฝีมือที่แน่นอนว่าเยี่ยมยุทธ์คือช่างยิ้ม ยอดเมือง แต่ช่างยิ้มไม่ใคร่แกะแบบนูนสูง จึงเดาว่าเป็นสองช่างดังกล่าวมา...
พระสวยค่ะ รับประกันตามกฏนะคะ
ตลับเงินปิดหลังใส่พระรูปทรงเตารีด สวยๆ ครับ มือหนึ่ง
เวปประมูลก็ต้องเคาะประมูล ชิมิๆ เคาะกันวันละนิดจิตแจ่มใส พี่ๆแต่ละท่านก็มี ((( สไตล์ ))) ที่แตกต่างกัน อย่าว่างั้นงี้เลย ปอดกับหัวใจนู๋ไม่ค่อยแข็งแรง " พี่ๆคงไม่ปล่อยให้นู๋เร้าใจอยู่คนเดียวนะคร๊าบบบ " พี่ๆแวะชมดูแล้วล็อคอินกันรึยังจ๊ะ วันนี้เปิด พรุ่งนี้ปิด ??? ลับแป้นรอกันเร้ยยย..ไม่เก็บวันนี้วันหน้าจะไม่มีให้เก็บนะจ๊ะ พระสมเด็จปรกโพธิ์ข้างยันต์ หลวงพ่อสุพจน์ วัดสุทัศน์ฯ กทม. สูง 3.80 ซ.ม. ((( ปี2484 ))) เก่าตามสภาพ ...คลาสสิคสุดๆ ควรค่าแก่การบูชา น่าสะสมจังเลย คร๊าบ... ข้อมูลดี ดี บางช่วงบางตอน พี่ๆแวะมาศึกษาร่วมกัน อ่านกันเพลินๆนะคร๊าบ เครดิต http://www2.g-pra.com/auctionc/view.php?aid=11426799 ขอบคุณคร๊าบ พระสมเด็จชุดนี้จัดสร้างโดย ลพ.สุพจน์ นามเต็มของท่านคือ "พระครูพุทธมนต์วราจารย์" ท่านเป็นพระแบบว่าเก่งเงียบ ท่านมีวิชาลบผงสร้างผงจากตำราโบราณของวัดสุทัศน์ (ตำราโบราณของพระครูลมูล วัดสุทัศน์) เป็นสหายธรรมกับหลวงปู่นาคและหลวงปู่หินวัดระฆัง จึงได้รับมอบผงสมเด็จวัดระฆัง ที่แตกหักเป็นจำนวนมาก ท่านเป็นหนึ่งในเกจิที่ร่วมปลุกเสกพระยี่สิบห้าพุทธศตวรรษ และงานพุทธาภิเษกใหญ่ ๆ เช่นพิธีวัดประสาทฯ ปี 06 พิธีปลุกเสกพระประจำจังหวัดชลบุรี ปี 09 ที่วัดป่าชลบุรี ก็มีชื่อของท่านในทำเนียบพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับการนิมนต์มาร่วมพิธี ปลุกเสกด้วย สมเด็จพิมพ์นี้สร้างที่วัดสุทัศน์ฯ เมื่อปี 84 (พิธีอินโดจีน) โดยลูกศิษย์ของท่านนำพระสมเด็จวัดระฆังที่แตกหักจำนวนมากและไม่ได้ใครสนใจมา ถวายท่าน ท่านจึงนำพระเหล่านั้นมาบดเป็นผงละเอียดและได้แกะพิมพ์ขึ้นมาใหม่ เช่น พระสมเด็จพิมพ์วัดระฆัง พระสมเด็จพิมพ์วัดบางขุนพรหม พระสมเด็จพิมพ์วัดเกษไชโย วัดเงินคลองเตย วัดพลับ วัดสามปลื้ม วัดโพธิ์ ขุนแผนบ้านกร่าง หลวงพ่อโตบางกระทิง พระลีลา เปิดโลก และพิมพ์ต่างอีกมากด้านมีทั้งปั๊มยันต์พุฒซ้อน และยันต์ตรี พร้อมได้กราบเรียนสมเด็จพระสังฆราชแพเพื่อขออนุญาตนำพระเข้าปลุกเสกในพิธีนั้น พร้อม ๆ กับวัตถุมงคลต่าง ๆ หลังจากนั้นจึงได้มอบให้แก่ลูกศิษย์ตลอดจนทหาร ตำรวจ และข้าราชการต่าง ๆ ที่ต้องไปราชการสงครามในสมัยนั้นเพื่อไปเป็นมงคล ปรากฎว่า "ประสบการณ์ดีเยี่ยม" พอข่าวนี้แพร่ออกไปปรากฎว่ามีประชาชนต่างมาทยอย ขอพระสมเด็จจากท่านจำนวนมาก ซึ่งท่านก็มอบให้ด้วยความเต็มใจจนหมด จึงเรียกได้ว่าพระชุดนี้ "ดีนอก ดีใน" จริงๆ (เพื่อความอุ่นใจ..พี่ๆลองเช็คราคานอกเวปดูก่อนเข้าร่วมประมูลนะคร๊าบบบ ^_^) หมายเหตุ ทุกข้อสงสัยล้วนมีคำตอบ สงสัยเรื่องใดเมล์ถามข้อมูลได้เลยคร๊าบบบ พี่ๆ ชาวดี ดี..... *** จัดส่งพระตามรูป รับประกันตามกฎเวป *** ผู้ชนะการประมูลโอนเงินแล้วรบกวนฝากข้อความในกล่องข้อความหรือโทร.แจ้งก็ได้นะครับ เพื่อความรวดเร็วในการจัดส่ง จัดส่งไปรษณีย์ลงทะเบียน ปลอดภัย ไร้กังวล คร๊าบ... ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะเยี่ยมชมหรือเข้าร่วมการประมูลขอบพระคุณคร๊าบบบ ^_^