cataroot

ข้อมูลสมาชิก – cataroot

เริ่มเป็นสมาชิก: January 22, 2010 13:54:24 , สถานะ: ปกติ , ตั้งประมูล: 0 รายการ , รายการที่ยังไม่ปิด: 0 รายการ , คำชม: 210 รายการ , คำติ: 1 รายการ

ประวัติ Feedback



เขียนโดย :อาบูกาซิม เจ้าของรายการ February 29, 2016 10:13:34

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/เบ็ดเตล็ดพระเครื่อง/6079377


ตลับเงินสำหรับใส่พระนางพญา หรือพระที่มีขนาดใกล้เคียง สวยๆ ครับ มือหนึ่ง ******เชิญคลิ๊กที่รูป V ยังมีอีกหลายรายการให้เลือกครับ******


เขียนโดย :jakree2002 เจ้าของรายการ February 08, 2016 03:10:05



เขียนโดย :tomsignal เจ้าของรายการ December 18, 2015 06:40:04

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/เบ็ดเตล็ดพระเครื่อง/5793143


ตลับเงิน สำหรับใส่พระขุนแผน หลวงปู่ทิม หลวงพ่อสาคร หรือพระที่มีขนาดใกล้เคียง มือหนึ่งสวยๆครับ


เขียนโดย :jakree2002 เจ้าของรายการ November 08, 2015 15:10:04

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระชุดภาคอีสาน/5862314


พระคาถาบูชาระลึกถึงหลวงปู่ นะโม (3จบ) หลวงปู่เจียม อติสโย มหาลาโภ มหาลาภัง ภะวันตุเตฯ พระคาถาบูชาวัตถุมงคลหลวงปู่เจียม อติสโย โสมานะ กะริโห อิสะวาสุ สุสะวาอิ สะวาอิสุ หัตสะแท ประวัติหลวงปู่เจียม อติสโย หลวงปู่เจียม อติสโย เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับการยกย่องเป็นยอดพระเกจิอาจารย์แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือรูปหนึ่ง เป็นนักบุญแห่งอีสานใต้ ท่านเป็นพระผู้เข้มขลังทางพระเวทย์ มีตบะสมาธิ และมีวิธีญานอันแกร่งกล้าจนเป็นที่กล่าวขานยกย่องยอมรับในหมู่ทหารหารที่ปฎิบัติราชการตามแนวประเทศไทย-กัมพูชา ตลอดทั้งบรรดาศิษยานุศิษย์ ญาติโยมที่รู้จักทั้วไป หลวงปู่เจียม อติสโย เกิดวันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2454 ตรงกับวันขึ้น 15ค่ำเดือน 1ปีกุน ณ บ้านดองรุน ต.ปะเตียเนียง อ.มงคลบุรี จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา หลวงปู่เป็นบุตรของ นายคำ เดือมคำ กับนางรุน เดือมคำ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา เดียวกัน 4 คนคือ 1 นายเจียม นวนสวัสดิ์ (หลวงปู่เจียม อติสโย) 2 นางคำ วันยิง (ขณะนี้กำลังอยู่ในประเทศกำพูชาประชาธิปไตย) 3 นายคำ ยิว (ถึงแก่กรรมแล้ว) 4 นางคำ กิว (ถึงแก่กรรมแล้ว) หลวงปูเจียมเข้าเรียนชั้นประถมศึกษา ในโรงเรียนประจำอำเภอมงคลบุรีเมื่ออายุประมาณ10ขวบได้เรียนทั้งภาษาเขมรและภาษาฝรั่งเศสตามที่หลักสูตรกำหนด ในขณะนั้นประเทศเขมรหรือกัมพูชาตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศฝรั่งเศส เมื่อเรียนจบชั้นประถมแล้ว ได้สอบเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนในตัวจังหวัดพระตะบอง แต่เรียนได้เพียงสามเดือน ก็ต้องออกจากโรงเรียนเนื่องปัญหาทางด้านเศรษฐกิจความยากจนและความเดือนร้อนอันเป็นผลเกิดจากภาวะสงครามและการสู้รบในขณะนั้น เมื่อออกจากโรงเรียนแล้ว หลวงปู่ได้ประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวโดยทำนาเป็นอาชีพหลัก และยังประกอบอาชีพการค้าเพิ่มเติบ เช่น ค้าข้าว ค้าวัว รวมทั้งเป็นช่างไม้ด้วยซึ่งทำให้ฐานะทางครอบครัวของหลวงปู่มั่นคงยิ่งขึ้น หลวงปู่ได้ดำเนินชีวิตอยู่อย่างราบรื่นตลอดมา จนกระทั้งหลวงปู่มีอายุเข้าวัยกลางคน เนื่องจากประเทศเขมรขณะนั้นตกอยู่ภายใต้การยึดครองของประเทศฝรั่งเศส หลวงปู่เป็นคนหนึ่งที่มีความรักชาติแผ่นดินและรักบ้านเกิดต้องการให้ประเทศชาติมีอิสรภาพและเอกราช จึงได้เข้าร่วมร่วมมือกับชาวเขมรรักชาติ”กลุ่มเขมรเสรี”จัดตั้งกองกำลังเพื่อกอบกู้ประเทศชาติโดยปฏิบัติการสู้รบกับทหารฝรั่งเศสและผู้ให้การสนับสนุน ซึ่งส่วนมากจะสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จากการปะทะและสู้รบกับฝ่ายที่มีกำลังเหนือกว่าหลายครั้ง ทำให้กลุ่มเขมรเสรีถูกปราบปรามอย่างหนักเพราะกำลังบางส่วนต้องหลบหนีซ่อนตัวอยู่ตามป่าเขา และกำลังบางส่วนได้หลบหนีเข้ามายังเขตจังหวัดชายแดนประเทศไทย แต่ละคนต้องหนีเอาตัวรอดจากบ้านเรือนถิ่นที่อยู่และครอบครัวอันเป็นที่รัก คิดว่าสักวันหนึ่งเมื่อมีความพร้อมและรวมตัวกันได้ จะกลับมาต่อสู้เพื่อ กอบกู้เอกราชของประเทศเขมรต่อไป หลวงปู่ได้เข้ามาประเทศไทย ทางเขตชายแดนจังหวัดสุรินทร์ประมาณ พ.ศ.2485 โดยเข้ามากับพระสงฆ์ชาวเขมรชื่อพระครูดีได้เดินทางรอนแรมมาเรื่อยๆค่ำไหนก็นอนที่นั้น จนในที่สุดก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านจารพัต อ.ศรีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ได้เข้าพักอาศัยอยู่ที่วัดบ้านจารพัต(อยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านจารพัต) เป็นเวลา1คืน รุ่งเช้าเดินต่อมาถึงบ้านราม และได้พักอาศัยที่บ้านของครูเติมประมาณ 3 คืน จากนั้นเดินทางต่อมาถึงบ้านบรมสุข และพักอาศัยอยู่กับบ้านครูจุมซึ่งเป็นญาติกับนายเมาออกจากบ้านบรมสุข แวะที่บ้านมะลูจรุง(ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของบ้านบรมสุข) และได้แยกทางกับพระครูดีที่บ้านมะลูจรุงความตั้งใจของหลวงปู่ขณะนั้นคือ จะกลับประเทศเขมรเพื่อกอบกู้บ้านเมืองต่อไป หลวงปู่ได้เดินทางผ่านบ้านทัพกระบือ บ้านตราด บ้านลำดวน และพักที่วัดทักษิณวารีศิริสุข (วัดใต้)ได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อหว่าง ต่อมาอาจารย์ขัน คุณแม่เฮียะ ปานเจริญ คุณพ่อเภา คุณแม่เสน คงวัน โยมอุปัฏฐากหลวงพ่อหว่างได้ขอเป็นเจ้าถาพจัดพิธีอุปสมบถให้กับโยมเจียม (หลวงปู่เจียม)ในวันที่4เดือนกุมภาพันธ์พ.ศ.2501เวลา10.55ตรงกับวันขึ้น15ค่ำเดือน3 หลวงพ่อหว่าง ธัมมโชโต เป็นพระอุปชฌาย์ พระครูเปรม วัดบ้านจารย์กับพระครูยิ้มวัดหนองโย­-โคกปืด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ขณะนั้นหลวงปู่อายุได้46ปี หลวงปู่ได้จำพรรษาแรกที่วัดทักษิณวารีศิริสุข ได้ศึกษาพระธรรมวินัยกับหลวงพ่อหว่าง ซึ่งเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ที่มีวัตรปฎิบัติอย่างเคร่งครัดนอกจากนั้นแล้วหลวงปู่ได้ศึกษาพระธรรมวินัยกับ”หลวงพ่อเปราะ” “หลวงพ่อนต”ที่วัดสุวรรณรัตน์ (วัดเหนือ)ซึ่งเป็นวัด ในหมู่บ้านลำดวน ต่อมาหลวงพ่อทั้งสองแนะนำให้หลวงปู่ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม “หลวงพ่อมิน”เจ้าสำนักวัดคฤห์ในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งป็นพระนักปฎิบัติทางวิปัสสนากัมมัฏฐาน ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำและความเมตตาจากหลวงพ่อมินเป็นอย่างดี หลวงปู่ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและฝึกปฎิบัติที่ครูอาจารย์ได้ให้คำแนะนำเป็นอย่างดียิ่งภายหลังจากออกพรรษาแล้วหลวงปู่ได้กราบลาหลวงพ่อหว่าง เพื่อเข้าปริวาสกรรมและออกธุดงค์เพื่อประพฤติปฎิบัติธรรมตามแนวทางที่เรียนรู้มา โดยครั้งแรกออกธุดงค์ตามเส้นทางไปยังเขตจังหวัดปราจีนบุรี นครนายกสระบุรี ลพบุรี นครสวรรค์ กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ ย้อนกลับมาทางลพบุรี สระบุรีอีกครั้ง และเลยไปถึงจังหวัดชลบุรี จันทบุรี ระยอง อำเภอศรีราชา ข้ามไปอำเภอเกาะสีชัง และกลับเข้ามาในตัวจังหวัดชลบุรีอีกครั้ง ขณะที่หลวงปู่จะธุดงค์กลับจังหวัดสุรินทร์ โยมคนหนึ่งนิมนตพระจากอำเภอศรีราชา 2 รูป ผ่านมาและพบหลวงปู่เข้า จึงได้นิมนต์หลวงปู่ให้ไปจำพรรษาอยู่สำนักสงฆ์เขาหลุมยาง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ซึ่งหลวงปู่ได้ไปจำพรรษาอยู่สำนักสงฆ์เขาหลุมยาง1พรรษา เมื่อออกพรรษาแล้ว ได้เข้าปริวาสกรรมที่วัดสาวชะโงกกับอาจารย์สี พระอาจารย์เชื้อ และออกธุดงค์มาทางเขตอำเภอพนมสารคาม อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี ได้จำวัดที่โรงทานบริเวณต้นโพธิ์2คืนธุดงค์เข้าจังหวัดปราจีนบุรี นครนายก ได้จำวัดที่วัดป่ามะไฟจังหวัดนครนายก1คืน รุ่งเช้าออกธุดงค์ไปทางเขตอำเภอหินกอง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ผ่านไปจังหวัดลพบุรี ได้ไปจำวัดอยู่ค่ายโคกกระเทียม ออกจากโคกกระเทียม ธุดงค์ไปทางโคกสำโรง อำเภอตากฟ้าพร้อมกับพระสงฆ์ 4 รูป คือพระอาจารย์สี พระอาจารย์เชื้อ พระอาจารย์และพระอาจารย์สว่าง ออกจากอำเภอตากฟ้าธุดงค์ไปทางจังหวัดชัยนาท นครสวรรค์ในเขตอำเภอลาดยาว เข้าจังหวัดกำแพงเพชร สุโขทัย อุตรดิตถ์ แพร่ ผ่านอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ลงมาเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก และอำเภอแม่สอด ซึ่งขณะนั้นอยู่ในช่วงปีพ.ศ.2502ออกจากจังตากลงมาทางกำแพงเพชร ชัยนาท สุพรรณบุรี กาณจบุรี ในขณะที่เดินผ่านจังหวัดกาณจนบุรีได้ศึกษาธรรมะกับหลวงพ่ออุตมะ รัมโถภิกขุ วัดวังก์วิเวการาม อำเภอสังขละบุรีด้วย จากกาณจนบุรี ธุดงค์ผ่านมาทางจังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร อำเภอสำโรง จังหวัดสมุทรปราการ ลาดกระบัง ฉะเชิงเทรา อำเภอกบินทร์บุรี(จังหวัดปราจีนบุรี) (อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา) อำเภอหนองกี่ อำเภอนางรอง อำเภอประโคนชัย (จังหวัดบุรีรัมย์) บ้านบักดอก นิคมสร้างตนเองอำเภอปราสาท (จังหวัดสุรินทร์) เพื่อกลับมาจำพรรษาที่วัดทักษิณวารีสุข หลวงปู่ได้จำพรรษาอยู่อีก 1 พรรษา ในปีพ.ศ.2503 เมื่อออกพรรษาหลวงปู่ได้ไปสมาทานที่อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรีประมาณ 1 เดือน ก็ออกธุดงค์ไปยังวัดสาวชะโงก และจังหวัดอื่นๆอีกหลายจังหวัดและก็กลับมาจำพรรษาที่วัดทักษิณวารีศิริสุขในปีพ.ศ.2504 เมื่อออกพรรษาพรรษาหลวงปู่ก็ออกธุดงค์สมาทานอีกเช่นเดิม และเมื่อใกล้จะเข้าพรรษา หลวงปู่ก็จะกลับจำพรรษาที่วัดทักษิณวารีศิริสุขอีกเช่นเคย(ปีพ.ศ.2505) หลังจากออกพรรษาแล้วหลวงปู่กราบลาหลวงพ่อไปจำพรรษาอยู่ที่วัดปราจีนบุรี 1 พรรษา(คือในปีพ.ศ.2506)และเมื่อออกพรรษาแล้วได้พาญาติโยมนำกฐินมาทอดถวายที่วัดสุวรรณรัตน์ (วัดเหนือ) และขอจำพรรษาอยู่ที่วัดสุวรรณรัตน์ในปีพ.ศ.2507 หลวงปู่ได้วนเวียนวัตรปฎิบัติเช่นนี้อย่างต่อเนื่องทุกปี คือพอออกพรรษาก็จะออกธุดงค์ และเมื่อใกล้จะฤดูเข้าพรรษา หลวงปูก็จะกลับมาจำพรรษาอยู่เช่นนี้เรื่อยไป เป็นระยะเวลาติดต่อกันไม่ต่ำกว่า13ปี ช่วงระยะเวลาดั้งกล่าวหลวงปู่ได้ธุดงค์ไปเกือบทุกภูมิภาคทุกจังหวัดในประเทศไทย ได้ศึกษาพระธรรมวินัยเพิ่มเติม ได้ฝึกปฎิบัติด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน ได้พบปะสนทนาแลกเปลียนแนวทางในการประพฤติปฎิบัติธรรมกับพระอาจารย์ต่างๆหลายรูป เช่น อาจารย์คำษา ในเขตอำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย อาจารย์คำปัน ในเขตอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนมอาจารย์วงษ์ ในเขตพื้นที่จังหวัดชลบุรี เป็นต้น ในระยะหลังตั้งแต่ปีพ.ศ.2513 หลวงปู่จะจำพรรษาอยู่ที่วัดสุวรรณรัตน์ (วัดเหนือ) เท่านั้น และประมาณช่วงเดือนมกราคม-เมษายน พ.ศ.2513 ภายหลังที่หลวงปู่ได้กลับจากธุดงค์แล้ว โยมเดียม โยมบาน โยมสมร ผู้ใหญ่พานได้ไปนิมนต์ให้หลวงปู่มาสร้างสำนักสงฆ์ที่หมู่บ้านหนองยาว ตำบลกระเทียม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์เมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ.2513 และไดจำพรรษาที่สำนัดสงฆ์แห่งนั้นด้วยซึ่งต่อมาสำนักสงฆ์แห่งนั้นคือ”วัดอินทราสุการาม”ในปัจจุบัน การมรณภาพ ย่างเข้าสู่วัยชรา หลวงปู่เจียมเริ่มมีอาการเหน็ดเหนื่อย สายตาพร่ามัว ประสาทหูฟังไม่ค่อยชัด คณะศิษยานุศิษย์ได้นำตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอยู่เป็นประจำ ครั้นเมื่อออกจากโรงพยาบาล หลวงปู่เจียมก็ยังต้องรับกิจนิมนต์จากชาวบ้านญาติโยมที่เลื่อมใสศรัทธา เพื่อคอยปัดเป่าทุกข์บำรุงสุขไม่เว้นแต่ละวัน บ้างต้องไปนั่งประพรมน้ำมนต์ เป่ากระหม่อมให้ลูกศิษย์ลูกหาสม่ำเสมอ กระทั่งเมื่อเวลา 16.59 นาฬิกา ของวันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ.2549 คณะศิษยานุศิษย์วัดอินทราสุการาม ได้ตีระฆังรัวกลองเป็นชุด เพื่อแจ้งเหตุว่า บัดนี้ชาวเมืองสุรินทร์ได้สูญเสียปูชนียสงฆ์รูปสำคัญ คือ หลวงปู่เจียมได้มรณภาพลงอย่างสงบด้วยโรคไตวาย ภายในกุฏิวัดอินทราสุการาม หลังเข้ารับการรักษาตัวด้วยอาการอาพาธจากโรคไตมาเป็นเวลานาน ประกอบกับวัยที่ชราภาพมาก สิริอายุรวม 96 พรรษา 47 ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของบรรดาลูกศิษย์ลูกหา ชาวบ้าน และพุทธศาสนิกชนทั่วไปที่เคารพนับถือเป็นยิ่งนัก คณะสงฆ์และคณะศิษยานุศิษย์รวมไปถึงชาวบ้านได้นำร่างหลวงปู่บรรจุไว้ในโลงแก้ว ตั้งไว้ ณ ศาลาการเปรียญวัดอินทราสุการาม เพื่อให้ประชาชนกราบไหว้รำลึกถึงคุณงามความดี สำหรับกำหนดการเบื้องต้น จะมีการบรรจุศพหลวงปู่เจียมที่วัดอินทราสุการาม เป็นเวลา 15 วัน เพื่อให้บรรดาพุทธศาสนิกชนได้ร่วมบำเพ็ญกุศลโดยทั่วกัน


เขียนโดย :KKR เจ้าของรายการ November 03, 2015 08:45:48

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/ประมูลสินค้าทั่วไป/5608223


เลสข้อมือ หลวงพ่อรวย วัดตะโก ยาว7นิ้ว มีเส้นเดียว รับมาจากมือหลวงพ่อ แดงแรกที่1000บาท ได้เท่าไหร่เอาเท่านั้นไม่มีฮั้วประมูล !!! สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 095-0481873 คุณสุนันทา เพชรมุข *สำหรับผู้ชนะประมูลกรุณาโอนเงินเข้าที่บัญชีนี้นะค่ะ ธนาคารกสิกรไทย เลขบัญชี 034-2990-90-8  ชื่อบัญชี สุนันทา เพชรมุข บัญชีออมทรัพย์ สาขาซีคอนบางแคร์ ขอบคุณค่ะ.


เขียนโดย :ย่าทุม_พระเครื่อง เจ้าของรายการ August 18, 2015 03:49:55

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/เบ็ดเตล็ดพระเครื่อง/5591166


สร้อยกะลาตาเดียวแท้ๆครับ สั่งกรึงมาโดยเฉพาะไม่ใช่กะลาทั่วไปตามท้องตลาดครับ หัวขุนกับตัวจบเป็นไม่พญางิ้วดำ ร้อยผสมเม็ดเงินแท้ๆ สวยๆ เท่ห์ๆ เป็นมงคลแก่ชีวิต มีพลังอำนาจศักดิ์สิทธิ์จากธรรมชาติครับ ขนาดห้อยโชว์พระนะครับ+++วัตถุอาถรรพ์ กะลาตาเดียว คนในสมัยโบราณนับถือกะลาตาเดียวเป็นวัตถุที่มีอาถรรพ์ที่มีฤทธิ์อยู่ในตัวของมันเอง จึงนำกะลามะพร้าวที่มีตาเดียวมาแกะเจาะรู เพื่อติดตัวใช้สำหรับเดินทางเข้าหาอาหาร ไว้สำหรับป้องกันภัยร้ายต่างๆที่จะมาถึงตัว ส่วนกะลาทั้งลูกชาวบ้านมักจะนำไว้บูชา อธิษฐานขอสิ่งต่างๆให้กับครอบครัว...ต่อมาเข้าในสมัยสุโขทัย ได้มีชาวบ้านนำกะลาตาเดียว มาเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ สำหรับติดตัว เพราะถือกันว่า เป็นเครื่องรางของขลัง สามารถป้องกันคุณไสย และภูติผีปีศาจได้ และยังทำให้ผู้ที่มีติดตัวไว้มีโชคมีลาภอีกด้วย แต่ชาวบ้านบางคนมักนิยมนำไปให้อาจารย์ ที่มีวิชาแก่กล้า ลงคาถาอาคมต่างๆแล้วแต่ผู้ใช้จะชอบ สมัยกรุงศรีอยุธยาก็เช่ากัน ยังมีชาวบ้านนำกะลาตาเดียวเป็นเครื่องรางของขลัง และใช้ตักข้าวสาร เวลาหุงข้าว เชื่อกันว่าจะทำให้มีข้าวกินไม่มีอดอยากตลอดชีวิต...ส่วนข้าราชการที่ทำงานสมัยกรุงศรีอยุธยามักจะนำกะลาตาเดียวมาแขวนคอติดตัวไปทำงานด้วย เพื่อความเจริญรุ่งเรืองทางยศฐาบรรดาศักดิ์ ได้เป็นเจ้าขุนมูลนาย เป็นใหญ่เป็นโตกว่าคนอื่น ส่วนทหารที่ออกศึกก็มักจะนำไปให้อาจารย์ที่มีวิชาลงคาถาอาคมกำกับ เพื่อให้ตนออกศึกและ ชนะรอดกลับมาได้ ต่อมากะลาตาเดียว ก็มักจะถูกนำมาแกะเป็นรูปพระราหูไว้ติดสร้อยคอ เนื่องจากหายากขึ้นเรื่อยๆ ดังจะเห็นได้ในบทประพันธ์เรื่อง "พระอภัยมณี" ของสุนทรภู่ ได้มีการแต่งกล่าวถึง เครื่องรางรูปพระราหูเอาไว้เช่นกันว่า นางระเวงมีเครื่องรางกะลาตาเดียว แกะเป็นรูปพระราหู แขวนติดประจำกายอยู่ และมีคืนหนึ่ง นางระเวงได้นอนหลับมี "อ้ายย่องตอด" ผู้มีวิชาแก่กล้าทางไสยศาสตร์ ชองจับสัตว์ และคน ดูดเลือดเป็นอาหาร ได้ลอบเข้าไปทำร้ายนางระเวง แต่พอเห็นกะลาตาเดียว ที่แกะเป็นรูปพระราหู ที่แขวนเป็นประจำกายนางระเวง จึงไม่กล้าทำร้ายรีบหนีออกไป...ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีประวัติกะลาตาเดียวทั้งลูก ว่ากะลาตาเดียวทั้งลูก หรือมะพร้าวตาเดียว เอาเนื้อมะพร้าวออกหมดแล้ว จะเหลือแต่กะลาทั้งลูก ที่ไม่มีรอยแตกร้าว จะเป็นที่นิยมของพวก พ่อค้า-แม่ค้า ชาวไร่ ชาวสวน ชาวนา และคู่บ่าวสาวที่แต่งงาน ตลอดจนพวกข้าราชการชั้น เจ้าขุน เจ้าพระยา จะนิยมเก็บไว้ในบ้าน เพราะเชื่อว่ามีไว้ในบ้านแล้ว จะช่วยส่งเสริมบารมี ให้มียศฐาบรรดาศักดิ์ สูงขึ้นเร็วกว่าคนอื่น และจะช่วยล้างอาถรรพ์ที่เป็นเสนียดจัญไรภายในบ้าน ได้เป็นอย่างดี และทำให้มีกินมีใช้ มีเงินมีทองมากขึ้น ไม่รู้จักหมด...ส่วนพ่อค้า แม่ค้า ชาวไร่ชาวสวน ที่นำข้าวของไปขายในเมืองและต่างแดน ก็จะถือกะลาตาเดียวไปด้วย ซึ่งจะทำให้ขายดี ให้กำไรอย่างงาม...ส่วนคู่บ่าวสาวที่แต่งงานกันในสมัยนั้น ก็มักจะนำกะลาตาเดียวทั้งลูกที่เป็นตัวผู้ ตัวเมียคู่กัน เก็บไว้ในบ้านจะทำให้อยู่กันมีความสุข ไม่แยกจากกันชั่วนิรันดร จะทำให้ชีวิตครอบครัวอุดมสมบูรณ์ พูนสุขไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง...ส่วนบางครอบครัวที่แต่งงานให้ลูกหลาน และอยากให้ลูกหลานตน มีความสุขมากยิ่งขึ้น ไม่ให้แตกแยก เลิกร้างจากกัน ก็จะแกะชื่อ-สกุล ฝ่ายชายลงในแผ่นไม้รัก แล้วใส่ในกะลาตัวเมีย ส่วนชื่อ-สกุล ฝ่ายหญิง ก็จะแกะลงในแผ่นไม้รักอีกแผ่น แล้วใส่ในกะลาตัวผู้ เก็บไว้คู่กันในบ้าน ก็จะรักกันชั่วนิรันดร และยังมีประวัติที่เล่ากันเป็นทอดๆ สมัย ปู่ ย่า ตา ยาย ที่รู้เรื่องกะลาตาเดียว เล่ากันว่า ยังมีคู่บ่าวสาวที่แต่งงานกัน ไม่ให้สามีของตนนอกใจไปรักหญิงอื่น ก็จะแกะสลัก ชื่อ-สกุล ทั้งคู่ สามี-ภริยา ลงในแผ่นไม้รักแผ่นเดียวกัน แล้วใส่ลงในกะลาตาเดียว ก็จะทำให้สามีหลงรักตนคนเดียว ไม่นอกใจไปรักหญิงอื่น...ส่วนสามีก็เช่นกัน ถ้าต้องการให้ภริยาเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดี ก็จะแกะสลัก ชื่อ-สกุล สามี-ภริยา ลงในแผ่นไม้รักแผ่นเดียวกัน แล้วใส่ลงในกะลาตัวผู้ ก็จะทำให้ ภริยาไม่นอกใจ ไปมีชู้ โดยเฉพาะพวกข้าราชการทหารที่ออกรบ หรือไปประจำการตามหัวเมืองต่างๆ กะทันหัน ในช่วงเวลาที่แต่งงานกันใหม่ๆ แล้วจำเป็นต้องราชการแล้วนำภริยาไปด้วยไม่ได้...(((***โอนเงินเรียบร้อยแล้วรบกวนแจ้งในกล่องข้อความหรือโทรแจ้งผมด้วยนะครับ จะได้ง่ายในการตรวจสอบ*** หากท่านมีปัญหาติดขัดประการใดโปรดแจ้งกลับมาให้ผมทราบด้วยนะครับ*** ก่อนถึงกำหนด7วันผมจะแจ้งไปทางข้อความในกล่องข้อความเพื่อให้ท่านได้รับทราบ เมื่อครบ7วันแล้วไม่มีการติดต่อกลับ ผมจะรออีก3วันจนครบ10วันและหากท่านไม่ได้ติดต่อกลับมาอีก ผมจะถือว่าสละสิทธิ์และขอลงขายใหม่และต้องขอให้คำติในfeedbackเป็นลบครับ)))  


เขียนโดย :LaMaeBoyละแมบอย เจ้าของรายการ August 11, 2015 02:32:10

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/เครื่องราง-ล็อกเก็ต/5352105


                       ******การส่งสินค้า******   ถ้าประมูล กี่รายการก็ได้ ยอดรวม 100  บาทขึ้นไป ส่งลงทะเบียนให้ฟรีครับ  ถ้ายอดรวมไม่ถึง 100 บาท ส่ง แบบ ติดแสตมป์ธรรมดาให้ครับ  ถ้ายอดรวมไม่ถึง 100 บาท แต่จะให้ส่ง แบบลงทะเบียน ขอเพิ่มค่าส่ง 20 บาทครับ ไม่ต้องรีบโอนครับ  สะสมได้ถึง 3 อาทิตย์  นับจากรายการแรกที่ปิดประมูลครับ                        ติดต่อ 0868855670 กิต ขอบคุณครับ


เขียนโดย :kitti99 เจ้าของรายการ June 28, 2015 10:15:09


ขอบคุณครับ (auto feedback)


เขียนโดย :เกื้อหนุน เจ้าของรายการ March 26, 2015 06:15:02

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระเนื้อผง-เนื้อว่าน/5071078


ยอดเยี่ยมครับ


เขียนโดย : D.R.SIN เจ้าของรายการ March 25, 2015 14:55:12

หน้าที่ :  13