boy99

ข้อมูลสมาชิก – boy99

เริ่มเป็นสมาชิก: May 15, 2010 05:58:18 , สถานะ: ปกติ , ตั้งประมูล: 0 รายการ , รายการที่ยังไม่ปิด: 0 รายการ , คำชม: 2058 รายการ , คำติ: 0 รายการ

ประวัติ Feedback


พระเดช พระคุณพระราชพรหมยานเถร (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) ได้ กล่าวไว้ในบทความ ”ไทยไม่มีวันสิ้นชาติ” ถึงเหรียญพระแก้วมรกต ภปร นี้ว่า ...อาตมา เห็นว่า พระพุทธรูปองค์นี้คือ พระแก้วมรกต เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าท่านพุทธบริษัทชายหญิงมีไว้บูชา อาตมาคิดว่าจะเป็นมงคลอย่างสูงทั้งนี้เพราะว่า ตราบใดที่เรายังมี "พระแก้วมรกต" บูชาอยู่ ขณะนั้นอาตมาขอยืนยันว่าประเทศไทยยังเป็นเอกราชต่อไป….เหรียญพระแก้วมรกต ภปร นี้ นับเป็นสุดยอดวัตถุมงคลของแผ่นดิน อันทั้งเป็นนิมิตหมายแห่งการผนึกพลัง ชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทั้งถึงพร้อมด้วย “พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ” และ “พระมหากษัตริยาธิคุณ” อย่างไม่เป็นสองรองของดีของวิเศษอื่นใดในปฐพี... เหรียญที่มีคุณค่า ทั้งประวัติการสร้างและความเข้มขลังในเรื่องพุทธคุณ และมีสัญญลักษณ์ ภปร. อยู่ในเหรียญ ใครได้ครอบครองบูชา ก็เป็นศิริมงคลความเจริญรุ่งเรืองปลอดภัยแก่ผู้นั้นครับพระเดช พระคุณพระราชพรหมยานเถร (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) ได้ กล่าวไว้ในบทความ ”ไทยไม่มีวันสิ้นชาติ” ถึงเหรียญพระแก้วมรกต ภปร นี้ว่า ...อาตมา เห็นว่า พระพุทธรูปองค์นี้คือ พระแก้วมรกต เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าท่านพุทธบริษัทชายหญิงมีไว้บูชา อาตมาคิดว่าจะเป็นมงคลอย่างสูงทั้งนี้เพราะว่า ตราบใดที่เรายังมี "พระแก้วมรกต" บูชาอยู่ ขณะนั้นอาตมาขอยืนยันว่าประเทศไทยยังเป็นเอกราชต่อไป….เหรียญพระแก้วมรกต ภปร นี้ นับเป็นสุดยอดวัตถุมงคลของแผ่นดิน อันทั้งเป็นนิมิตหมายแห่งการผนึกพลัง ชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทั้งถึงพร้อมด้วย “พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ” และ “พระมหากษัตริยาธิคุณ” อย่างไม่เป็นสองรองของดีของวิเศษอื่นใดในปฐพี... เหรียญที่มีคุณค่า ทั้งประวัติการสร้างและความเข้มขลังในเรื่องพุทธคุณ และมีสัญญลักษณ์ ภปร. อยู่ในเหรียญ ใครได้ครอบครองบูชา ก็เป็นศิริมงคลความเจริญรุ่งเรืองปลอดภัยแก่ผู้นั้นครับ


เขียนโดย :เฮียตุ้ย เจ้าของรายการ September 30, 2016 06:58:20


เนื้อเงินแท้ครับ ราคา600บาท  จัดเป็นเหรียญเนื้อเงิน ราคา600บาท ที่ติดอันดับ1ใน10 ความนิยม ของเหรียญกษาปณ์ เนื้อเงินชนิด600บาท ยุครัชกาลที่9 ครับ รับประกันความแท้ 


เขียนโดย :หนึ่งหยดน้ำ เจ้าของรายการ September 30, 2016 02:25:59

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระเนื้อผง-เนื้อว่าน/6841032


พระเก่าสภาพดีครับลองหาข้อมูลในGoogelดูครับ ปลอดหน้าม้าเหมือนเดิมครับ


เขียนโดย :tawee_si เจ้าของรายการ September 29, 2016 03:45:53


สวยเดิมครับ ปลอดหน้าม้าเหมือนเดิมครับ


เขียนโดย :tawee_si เจ้าของรายการ September 29, 2016 03:44:56

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระสมเด็จทั่วไป/6850820


พระเก่าน่าสะสม ปลอดหน้าเหมือนเดิมครับ


เขียนโดย :tawee_si เจ้าของรายการ September 29, 2016 03:43:57



เขียนโดย :คนคลองสาม เจ้าของรายการ September 28, 2016 09:58:52


“พระญาณสิทธาจารย์” หรือ “หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร” มีนามเดิมว่า สิม วงศ์เข็มมา เกิดเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2452 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 12 ปีระกา เวลาประมาณ 21.00 นาฬิกา ณ บ้านบัว ตำบลสว่าง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายสาน และนางสิงห์คำ วงศ์เข็มมา มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด 10 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 5 สกุล “วงศ์เข็มมา” เป็นสกุลเก่าแก่สกุลหนึ่งของบ้านบัว ผู้เป็นต้นสกุลคือ ท่านขุนแก้ว และอิทปัญญา ผู้เป็นน้องชาย ตัวท่านขุนแก้วก็คือปู่ของหลวงปู่สิมนั่นเอง เท้าความในคืนที่หลวงปู่เกิด ประมาณเวลา 1 ทุ่ม โยมมารดาของท่านเคลิ้มหลับไป ก็ได้ฝันเห็นพระสงฆ์รูปหนึ่งมีรัศมีกายสุกสว่างเปล่งปลั่งแลดูเย็นตาเย็นใจอย่างบอกไม่ถูก ลอยลงมาจากท้องฟ้าลงสู่กระต็อบกลางทุ่งนาของนาง ต่อมาเวลาประมาณ 3 ทุ่ม นางสิงห์คำ วงศ์เข็มมา ก็ให้กำเนิดเด็กน้อยผิวขาวสะอาด และจากนิมิตที่นางเล่าให้ฟัง นายสาน วงศ์เข็มมา ผู้เป็นบิดา จึงได้ตั้งชื่อลูกชายว่า “สิม” ซึ่งภาษาอีสานหมายถึงโบสถ์ อันอาจบ่งบอกถึงความใกล้ชิดพระพุทธศาสนา ซึ่งต่อมาเด็กชายสิมผู้นึ้ ก็ได้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ บำเพ็ญสมณธรรม ใช้ชีวิตที่ขาวสะอาดหมดจดตลอดชั่วอายุขัยของท่าน เมื่อเริ่มเข้ารุ่นหนุ่ม อายุได้ 15-16 ปี ท่านมีความสนใจในดนตรีอยู่ไม่น้อย หลวงปู่แว่น ธนปาโล เล่าว่า ตัวท่านเองเป็นหมอลำ ส่วนหลวงปู่สิมเป็นหมอแคน สิ่งบันดาลใจให้หลวงปู่อยากออกบวชคือความสะดุ้งกลัวต่อความตาย ท่านเล่าว่า “ตั้งแต่ยังเด็กแล้วเมื่อได้เห็นหรือได้ข่าวคนตาย มันให้สะดุ้งใจทุกครั้ง กลัวว่าเราจะตายเสียก่อนได้ออกบวช” มรณานุสติได้เกิดขึ้นในใจของท่านอยู่ตลอดเวลา เฝ้าย้ำเตือนให้ท่านไม่ประมาทในชีวิต ไม่ประมาทในวัย ไม่ประมาทในความตาย เป็นเพราะหลวงปู่กำหนด “มรณํ เม ภวิสฺสติ” ของท่านมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนั่นเอง ตั้งแต่ยังไม่ได้ออกบวชจวบจนสิ้นอายุขัยของท่าน หลวงปู่ก็ยังใช้อุบายธรรมข้อเดียวกันนี้อบรมลูกศิษย์ลูกหาอยู่เป็นประจำ เรียกว่าหลวงปู่เทศน์ครั้งใดมักจะมี “มรณํ เม ภวิสฺสติ” เป็นสัญญาณเตือนภัยจากพญามัจจุราชให้ลูกศิษย์ลูกหาตื่นตัวอยู่เสมอทุกครั้ง   สำหรับการปฏิบัติธุดงค์นั้น หลวงปู่สิมได้ออกเดินธุดงค์ไปในหลายจังหวัด อาทิเช่น วัดป่าสระคงคา อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์, สำนักสงฆ์หมู่บ้านแม่ดอย (ต่อมาได้พัฒนาเป็นวัด ชื่อว่า วัดป่าอาจารย์มั่น) อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ (ณ ที่นี้หลวงปู่ได้พบหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต และได้รับคำแนะนำเพิ่มเติมจากหลวงปู่มั่นจนการปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก) เมื่อแยกจากหลวงปู่มั่นแล้ว หลวงปู่ได้เดินธุดงค์ไปทางอำเภอสันกำแพง เข้าพักที่วัดโรงธรรมสามัคคี ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเพียงสำนักชั่วคราว ซึ่งวัดโรงธรรมสามัคคีแห่งนี้ เคยเป็นสถานที่ที่พ่อแม่ครูอาจารย์หลายท่านเคยมาพำนักจำพรรษา อาทิเช่น หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต, หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ, พระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน และหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เป็นต้น หลวงปู่สิมได้พักจำพรรษาที่วัดโรงธรรมสามัคคีแห่งนี้ ติดต่อกันนานถึงห้าปี คือ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2483 ถึงปี พ.ศ. 2487 จึงย้ายไปจำพรรษาที่ถ้ำผาผัวะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บ้านเมืองอยู่ในสภาพหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในระหว่างนั้นหลวงปู่ได้รับรู้ความคับจิตคับใจของบรรดาชาวบ้านทั้งหลาย หลวงปู่ได้ปลุกปลอบใจของชาวบ้านที่กำลังสิ้นหวังให้กลับมีชีวิตชีวาขึ้นด้วยการหยั่งพระสัทธรรมลงสู่จิตของพวกเขา ในระหว่างออกพรรษา หลวงปู่สิมได้จาริกธุดงค์ไปบำเพ็ญเพียร ณ สถานที่วิเวกหลายแห่งในเขตจังหวัดเชียงใหม่ ศิษย์อาวุโสชาวเชียงใหม่ท่านหนึ่งคือ เจ้าชื่น สิโรรส (วัย 96 ปี) โดยในปี พ.ศ. 2488 เจ้าชื่น สิโรรส ได้อพยพครอบครัวหลบภัยสงครามไปอยู่ที่ถ้ำผาผัวะ ขณะที่หลวงปู่ได้จาริกธุดงค์ไปจำพรรษา ณ ถ้ำผาผัวะ ท่านเปรียบเสมือนเป็นที่พึ่งอันสูงสุดที่มีความหมายมากสำหรับคนที่อยู่ในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาดเนื่องจากภัยสงคราม ครั้นปลายปี พ.ศ. 2498 เมื่อสงครามมหาเอเชียบูรพาใกล้จะยุติ เจ้าชื่น สิโรรส ซึ่งอพยพจากถ้ำผาผัวะกลับคืนตัวเมืองเชียงใหม่ ได้กราบอาราธนาหลวงปู่ให้ย้ายเข้ามาพักจำพรรษาที่ตึกของแม่เลี้ยงดอกจันทร์ กีรติปาล (คิวริเปอร์) ซึ่งอยู่ที่ถนนดอยสุเทพตรงข้ามกับถนนไปสนามบินเมืองเชียงใหม่ ปัจจุบันคือที่ตั้งของศูนย์ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ณ ที่แห่งนี้เอง หลวงปู่สิมได้พบกับลูกศิษย์คนแรกที่ท่านอุปสมบทให้ ในระยะที่มาจำพรรษาอยู่ในเมืองเชียงใหม่ คือ พระนพีสีพิศาลคุณ (พระมหาทองอินทร์ กุสลจิตฺโต) ซึ่งต่อมาก็ได้เป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 2 ของ “วัดสันติธรรม” ที่ได้ทำการก่อสร้างขึ้นในภายหลัง ปี พ.ศ. 2490 เมื่อสงครามสงบโดยสิ้นเชิง มีข่าวว่าเจ้าของบ้านคือ แม่เลี้ยงดอกจันทร์ และลูกหลานที่อพยพหลบภัยสงครามไปจะกลับคืนถิ่นฐานเดิม หลวงปู่จึงปรารภเรื่องการสร้างวัด คำปรารภในครั้งนั้นเป็นแรงบันดาลใจให้คุณแม่นิ่มนวล สุภาวงศ์ เกิดศรัทธาขึ้นมาอย่างแรงกล้าที่จะสร้างวัดถวายหลวงปู่ ด้วยพลังศรัทธานั้นเอง “วัดสันติธรรม” จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมาโดยอาศัยกำลังศรัทธาของสานุศิษย์ ปี พ.ศ. 2497 โยมมารดาของหลวงปู่ถึงแก่กรรม ท่านจึงได้เดินทางจากเชียงใหม่ลงมาที่บ้านบัวอีกครั้งหนึ่ง ครั้นเสร็จงานฌาปนกิจศพโยมมารดาแล้ว หลวงปู่ก็ออกเดินธุดงค์ไปจังหวัดนครพนมทันที เพื่อจำพรรษาที่ภูลังกา ช่วงปี พ.ศ. 2498 - 2403 หลวงปู่ได้กลับไปพำนักจำพรรษาที่วัดสันติธรรม จังหวัดเชียงใหม่ แต่ในจิตใจส่วนลึกของท่านนั้น ยังปรารภความสงบวิเวกของป่าเขาและโพรงถ้ำต่างๆ อยู่ จนกระทั่งต้นปี พ.ศ. 2503 ต่อมาได้มีพระลูกศิษย์ของหลวงปู่ไปพบถ้ำปากเปียง ซึ่งอยู่ที่ตำบลบ้านถ้ำ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ หลวงปู่จึงย้ายไปอยู่ภาวนาที่ถ้ำปากเปียงบ่อยครั้ง ด้วยเป็นที่สงบสงัดร่มรื่น ครั้นต่อมาในฤดูหนาว ปี พ.ศ. 2503 ลุงติ๊บ คนบ้านถ้ำ ได้เป็นคนนำทางพาหลวงปู่ปีนป่ายภูเขาขึ้นไปตามซอกเล็กๆ เพื่อหาถ้ำที่กว้างและอยู่สูงตามคำปรารภของหลวงปู่ที่ว่า “กิเลสจะได้เข้าหายาก” จนกระทั่งได้พบ “ถ้ำผาปล่อง” ซึ่งเป็นถ้ำที่ท่านคิดว่าจะเป็นบ้านสุดท้ายในการบำเพ็ญภาวนาในชีวิตของท่าน หลวงปู่ได้พักค้างคืนบนถ้ำผาปล่องหนึ่งคืน แล้วก็ลงไปพักที่ถ้ำปากเปียงต่อ ต่อจากนั้นท่านก็ได้แวะเวียนไปพักที่ถ้ำผาปล่องอีกเสมอ


เขียนโดย :เฮียตุ้ย เจ้าของรายการ September 27, 2016 16:39:28

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระชุดภาคใต้/6867530


เหรียญพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช หลังพระพุทธมิ่งเมืองทักษิณ ในหลวงเสด็จพระราชดำเนินเททอง ปี2522 เนื้อทองแดง พร้อมบัตรรับรองครับ - เหรียญพระพุทธมิ่งเมืองทักษิณ เสด็จพระราชดำเนินเททอง ออกที่วัดพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ปี 2522 เกจิสายใต้ปลุกเสก โดยมี พล.ต.ต. ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช เป็นเจ้าพิธี และมีพระเกจิอาจารย์ร่วมกันปลุกเสกหลายท่าน อาทิเช่น พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง , พ่อท่านแก่น วัดทุ่งหล่อ , หลวงปู่จันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ( สายนี้เหนียวสุดๆ เจ้าของพระกริ่งเหล็กไหลอันเลื่องชื่อ) เป็นเหรียญทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เนื้อทองแดง ด้านหน้ารูปพระเจดีย์วัดบรมธาตุด้านลังพระพุทธมิ่งเมืองทักษิณ เหรียญดี พิธีดี เกจิสุดยอดของแดนใต้มาร่วมกันปลุกเสก เหรียญพระพุทธทักษิณมิ่งมงคล วัดเขากง จ.นราธิวาส ปี 2511 เนื้อทองแดงรมดำสวยเดิมมาก พิธีใหญ่น่าใช้มาก ในหลวงเสด็จในพิธี เกจิสมัยนั้นร่วมปลุกเสกมากมายอาทิเช่น หลวงปู่นาค วัดระฆัง อาจารย์นอง วัดทรายขาว หลวงพ่อแดง วัดเชิงเขา อาจารย์ชุม ไชยคีรี ฯลฯ และยังได้ทำการปลุกเสกอีกหลายวาระ


เขียนโดย :ping เจ้าของรายการ September 27, 2016 16:09:10


 ******การจัดส่งสินค้า******         ขอส่งของเฉพาะ วันเสาร์ นะครับ     วันธรรมดา ทำงานครับ ขอบคุณมากครับ   ******************************************* -ถ้าประมูล กี่รายการก็ได้ยอดรวม100บาทขึ้นไป ส่งลงทะเบียนให้ฟรีครับ  -ถ้ายอดรวมไม่ถึง 100 บาท แต่จะให้ส่ง แบบลงทะเบียน ขอเพิ่มค่าส่ง 20 บาทครับ (ไม่ต้องรีบโอนนะครับ  สะสมได้ถึง 3 อาทิตย์  นับจากรายการแรกที่ปิดประมูลครับ)                         //ติดต่อ T.0868855670 กิต// ขอบคุณครับ


เขียนโดย :kitti99 เจ้าของรายการ September 27, 2016 07:35:06

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระชุดภาคอีสาน/6848265


เหรียญสวยรมดำเดิมๆ 


เขียนโดย :หนึ่งหยดน้ำ เจ้าของรายการ September 23, 2016 16:52:32

หน้าที่ :  203