วัดใจ ! เหรียญ นังบัลลังก์ " ในหลวง " พ.ศ.2539 เนื้ออัลปาก้า กระบี่ยาว นิยม ซองเดิม แบ่งให้ 1 เหรียญครับ แกะถุงวัดใจ ! กันไปเลยครับ ตอนนี้สนามข้างนอกแทบไม่มีแล้ว มีก็แพงเลย ผมเอามา 100 เหรียญ ทุนตกแล้วเหรียญละ 400 บาท เอามาแบ่งเพื่อนสมาชิกในราคาวัดใจ ! ... บุญยวีร์ ... จัดให้เหมือนเดิมครับ ไม่เก็บตอนนี้ไม่ได้แล้วครับ อีกหน่อยราคานี้จะเป็นตำนาน ( เหรียญทุกเหรียญสภาพสวย ผิวกระจก ไม่ผ่านการใช้ มาพร้อมซองเดิมครับ )
พระสมเด็จแพ 5 พัน เนื้อผงลาย หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี จัดสร้าง พ.ศ.2534 ( ยุคแรก ) "พระธรรมมุนี" หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "หลวงพ่อแพ เขมังกโร" เป็นพระเกจิอาจารย์ อมตะเถระชื่อดังแห่งวัดพิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี ท่านมีนามเดิมว่า แพ ใจมั่นคง เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ.2448 ณ บ้านสวนกล้วย ท่านได้เข้าพิธีบรรพชา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน 2463 ณ วัดพิกุลทอง ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี โดยมีพระอธิการพัน จันทสโร เจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง (ในขณะนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่ออายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ ในวันพุธที่ 21 เมษายน 2469 ณ พระอุโบสถ วัดพิกุลทอง โดยมีพระมงคลทิพย์มุนี เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส กรุงเทพฯ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูสิทธิเดช วัดชนะสงคราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และท่านเจ้าอธิการอ่อน วัดจำปาทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงพ่อแพ เป็นพระเถราจารย์ ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ มีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั่วประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง วัตถุมงคลที่ท่านจัดสร้างขึ้นทุกรุ่นนั้นปรากฏพุทธคุณเข้มขลังในทุกด้าน ล้วนได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีประสบการณ์มากมาย ตลอดชีวิตของหลวงพ่อแพ ท่านได้บำเพ็ญสาธารณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาอย่างอเนกอนันต์ และได้อุทิศเวลาส่วนใหญ่ให้แก่ประชาชนผู้เดือดร้อนหรือตกทุกข์ได้ยากตลอดมา จนได้รับความเคารพยกย่องถึงกับมีการขนานนามท่านว่า "เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำน้อย" เมื่อวันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2542 หลวงพ่อแพ ได้ละสังขารอย่างสงบ ณ ห้อง 901 ชั้น 9 อาคารหลวงพ่อแพ เขมังกโร 94 ปี โรงพยาบาลสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี สิริอายุ 94 พรรษา 73 ปัจจุบัน วัดพิกุลทอง ยังคงประดิษฐานสรีระของหลวงพ่อแพเอาไว้ เพื่อให้ญาติโยมและพุทธศาสนิกชนทั่วไป ได้สักการบูชาตลอดมา
วัดเก๋งจีน ระยองเป็นวัดที่สร้างในช่วงสมัยอยุธยาตอนปลาย ปัจจุบันได้กลายเป็นวัดร้างซึ่งก็คือบริเวณโรงพยาบาลประจำจังหวัดระยองในปัจจุบันนี้นั่นเอง ผู้สร้างคือพระอุปัฌชาย์ก๋งเจ้าอาวาสวัดเก๋งจีนในสมัยนั้น ท่านเป็นพระสายวิปัสสนากรรมฐานและยังเป็นอาจารย์ใหญ่ภาคตะวันออกสายเมืองระยอง มีความเชื่อกันว่าท่านน่าจะเป็นอาจารย์และเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาให้กับหลวงพ่อโตวัดเขาบ่อทอง หลวงพ่ออ่ำวัดหนองกระบอก หลวงพ่อทาบวัดกระบกขี้ผึ้ง หลวงพ่อวงศ์วัดบ้านค่าย และหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ พระกรุวัดเก๋งจีนแตกกรุออกมาประมาณปี 2515 เป็นพระเนื้อชินปนตะกั่วเพียงเนื้อเดียว ด้านหลังจะเรียบ พระเกือกทั้งหมดจะลงรักปิดทอง มีพิมพ์ต่างๆมากมายนับไม่ถ้วนนับได้ร่วม 100 แม่พิมพ์ ดังนั้นพระที่แตกออกมาจากกรุวัดเก๋งจีนจึงมีจำนวนมาก แต่ส่วนมากพระจะชำรุดงอและไม่ค่อยสวย พิมพ์นิยมคือพิมพ์มารวิชัยฐานผ้าทิพย์ พิมพ์สมาธิฐานสองชั้น พิมพ์โมคคัลลาร์ และพิมพ์พิเศษที่หายากพิมพ์ต่าง ๆ เช่น พิมพ์พระสังกัจจายน์ พิมพ์พระประจำวัน พิมพ์นาคปรกและพิมพ์พระประธานฐานผ้าทิพย์ ฯ
พระกำแพงแก้ว วัดรัมภาราม (วัดบ้านกล้วย) อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2504 ได้เก็บรวบรวมมวลสารอันเป็นมงคลต่างๆ มาเป็นส่วนผสมดังนี้ 1.ดินกรุพระเครื่องมีชื่อ 7 กรุ 2.ไคลเสมาจากวัดที่มีชื่อลงท้ายว่า "แก้ว" 7 วัด 3.ดินสังเวชนียสถาน 7 ตำบล 4.ทรายจากกระถางธูปหน้าพระพุทธรูป ที่มีคนมาสักการะมาก 7 แห่ง 5.เกสรดอกไม้ในที่บูชาตามสถานที่สำคัญ 7 แห่ง 6.ใบโพธิ์ตรัสรู้จากประเทศอินเดีย 7 ต้น 7.พระอภิธรรม 7 คัมภีร์ 8.ดินจอมปลวก 7 จอม 9.น้ำมนต์ 7 วัด เป็นเครื่องประสาน อาทิ น้ำมนต์ คาถาแสน วัดรัมภาราม ปี พ.ศ.2501, น้ำมนต์ 100 ปี วัดบวรนิเวศวิหารและวัดราชบพิธฯ, น้ำมนต์เสาร์ 5 วิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช พิษณุโลก, น้ำมนต์หลวงพ่อทองคำ วัดไตรมิตรฯ, น้ำมนต์หลวงพ่อโต วัดอินทรวิหาร, น้ำมนต์จากวัดระฆังฯ นำส่วนผสมทั้งหมดคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน แล้วแผ่เป็นแผ่นผูกดวงชะตาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ดวงประสูติ ดวงตรัสรู้ ดวงปรินิพพาน นอกจากนี้ ยังได้รับผงเกสรดอกไม้และว่านต่างๆ จากอีกหลายพระคณาจารย์ เช่น หลวงปู่นาค วัดระฆังฯ มอบผงสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ผงเศษพระปิลันทน์กับผงที่ท่านทำเอง พระครูวิริยกิตติ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี มอบผงที่ท่านเก็บสะสมไว้ ซึ่งเหลือจากการสร้างพระรุ่นอินโดจีน หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก มอบผงมหาราช, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม มอบผงพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ มูลกัจจายน์ อิทธิเจ, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง มอบผงมหาราช ปถมัง ตรีนิสิงเห นะ 108 เกสร 108 และว่านต่างๆ, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ มอบผงวิเศษมหานิยม แคล้วคลาดคงกระพันชาตรี, พระครูรักขิตวันมุนี (หลวงพ่อถิร) วัดป่าเลไลย์ มอบเศษพระจากกรุวัดบ้านกร่าง และดินกลางใจเมือง 8 จังหวัด ดิน 534 วัด ดินสระ 7 สระ ดินโป่ง 5 แห่ง ดินจากสถานที่สำคัญอีก 24 แห่ง พระอาจารย์ถนอม เขมจาโร วัดนางพญา พิษณุโลก มอบเศษพระชำรุดเป็นจำนวนมากจากหลายกรุหลายจังหวัด คือ จากพิษณุโลก 115 กรุ รวมทั้งเศษพระนางพญา สุโขทัย 16 กรุ อุตรดิตถ์ 1 กรุ กำแพงเพชร 1 กรุ พิจิตร 1 กรุ ลพบุรี 1 กรุ ลำพูน 1 กรุ พระอาจารย์ประหยัด วัดสุทัศน์ มอบผงที่เหลือจากการสร้างพระเมื่อปี พ.ศ.2496 ซึ่งปลุกเสกโดยพระอาจารย์หลายสิบรูป เป็นเวลา 7 วัน 7 คืน รวมทั้งผงเศษตะไบพระกริ่งสมเด็จพระสังฆราช (แพ) พระครูปริยัติยานุกูล วัดพระงาม ลพบุรี มอบทรายทองในถ้ำสังกิจโจ และเม็ดพระศกหลวงพ่อพระงาม นอกจากนั้นยังมีผงศักดิ์สิทธิ์จากพระคณาจารย์อื่นๆ ที่มอบให้อีกเป็นจำนวนมาก มวลสารที่ได้มาในคราวหลังนี้ นำมาผสมรวมกับคราวแรกจัดพิมพ์เป็น พระเครื่องเนื้อผง ด้านหน้าเป็นรูป พระแก้วมรกต ประทับนั่งอยู่บนรัตนบัลลังก์ ล้อมด้วยซุ้มเส้นลวด เป็นกำแพง 7 ชั้น ใต้สุดมีตัวหนังสือว่า กำแพงแก้ว ด้านหลังเรียบปราศจากอักขระเลขยันต์ใดทั้งหมดอยู่ในกรอบพิมพ์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดความกว้างประมาณ 2.1 ซ.ม. ยาวประมาณ 3.4 ซ.ม. เนื้อหาเป็นเนื้อผงอมน้ำมัน สีน้ำตาลอมเขียว จำนวนไม่ทราบแน่ชัดแต่ประมาณว่าคงจะอยู่ในราว 3,000 องค์ เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็ได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงทางวิทยาคม จำนวน 27 รูป มาร่วมพิธีปรกปลุกเสก พิธีการได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 ถึง 31 มีนาคม พ.ศ.2504 ตั้งแต่วันขึ้น 9 ค่ำ ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 รวมเวลา 7 วัน 7 คืน รายนามพระคณาจารย์ ที่อาราธนามานั่งปรกปลุกเสก หมุนเวียนกันก็มี อาทิ พระเทพสิทธินายก (หลวงปู่นาค) วัดระฆังฯ พระครูทักษิณานุกิจ (หลวงพ่อเงิน) วัดดอนยายหอม พระครูวิริยกิตติ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี พระครูประสาธน์วิทยาคม (นอ) วัดกลางท่าเรือ พระครูอาคมสุนทร (มา) วัดสุทัศน์ พระครูศรีพรหมโสภิต (แพ) วัดพิกุลทอง พระครูรักขิตวันมุนี (ถิร) วัดป่าเลไลย์ พระครูนิสิตคุณากร (กัน) วัดเขาแก้ว หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว หลวงพ่อชม วัดตลุก หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู หลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน หลวงพ่อฉาย วัดป่าธรรมโสภณ หลวงพ่อผัน วัดพยัคฆาราม หลวงพ่อดำ วัดเสาธงทอง หลวงพ่อสาย วัดไลย์ หลวงพ่อโสภิต วัดรัมภาราม และพระคณาจารย์ชื่อดังอีก 7 รูป เท่านี้ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้อย่างดีแล้วว่า พระเครื่องที่สร้างขึ้นครั้งนี้ ย่อมจะบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิริมงคลแก่ผู้บูชา หากไม่คิดเห็นเป็นอย่างอื่น ในเรื่องของพระหลักพระนิยมแล้ว พระสมเด็จกำแพงแก้ว หรือพระกำแพงแก้ว ของวัดรัมภาราม ท่าวุ้ง ลพบุรีนี้ จึงควรค่าแก่การสะสมสักการบูชาอย่างยิ่ง พระกำแพงแก้ว มีด้วยกันสองพิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก พุทธลักษณะเป็นพระแก้วมรกต ประทับนั่งอยู่ภายในเส้นซุ้มครอบแก้ว 7 ชั้น ใต้ฐานมีอักษรเขียนว่า "กำแพงแก้ว" พระพิมพ์ใหญ่เป็นรูปทรงขอบสี่เหลี่ยม ส่วนพระพิมพ์เล็ก เป็นพระที่ตัดขอบเข้ารูปตามซุ้มครอบแก้ว นอกนั้นจะคล้ายๆ กัน พระกำแพงแก้วนี้เป็นพระเนื้อผง พระกำแพงแก้ว พุทธคุณคุ้มครองดั่งกำแพงแก้ว 7 ชั้นที่ล้อมรอบองค์พระครับ เท่าที่ดูจากมวลสาร และพระเกจิอาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกแล้ว ล้วนเป็นพระเกจิอาจารย์ดังๆ ทั้งสิ้น
หลวงพ่อปลุกเสกเต่า มักมีพุทธคุณทุกด้าน แต่จะเน้นดังทางด้านค้าขายเจริญรุ่งเรืองมีโชคลาภ ปฐมปี 2540 เป็นพระเต่าพิมพ์ใหญ่ได้มาจากกรรมการจัดสร้างโดยในปี2540 โดยในสมัยนั้นโรงเรียนสอนพระธรรมมกุฎราชกุมารวิทยาลัยถนนจรัลสนิทวงศ์กรุงเทพขาดทุนทรัพย์สร้างตีกอาคารเรียนหลังใหม่จีงได้ขออนุญาติหลวงปู่หลิววัดไร่แตงทองในขณะนั้นฃี่งยังมีชีวิตอยู่ขอจัดสร้างพระบูชาพญาเต่าเรีอนมีรูปลอยองค์หลวงปู่หลิวนั่งหลังเต่าโดยหลวงปู่หลิวเมตตาอนุญาติให้จัดสร้างพระบูชาพิมพ์นี้ขี้นโดยทำการหล่อภายในบริเวณวัดไร่แตงทองปี2540 และนำเข้าพิธีพร้อมกับเหรียญเต่ารุ่นปลดหนี้40 ที่พิมพ์พระสังขจายอยู่หลังเต่า พร้อมกับรุ่นเมตตามหาลาภ ที่มีรูปหลวงปู่หลิวอยู่บนหลังเต่า เหรียญโดยพระในพิธีนี้ออกทุนจัดสร้างโดยมกุฎราชวิทยาลัย หลังจากเข้าพิธีนั่งปรกปลุกเสกพุทธาภิเษก โดยหลวงพ่อที่วัดไร่แตงทองหลวงพ่อ ได้นำส่งพระทั้งหมดมอบให้วิทยาลัย นำไปออกวัดหารายได้จัดสร้างตีกอาคารเรียนดังกล่าว และทางวิทยาลัยยังได้นำพระเข้าพิธีอีก 2 วาระคือ ในวาระที่ 2 ได้ขออนุญาติเข้าปลุกเสกที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามวัดพระแก้วสมัย2540ด้วย ส่วนวาระที่ 3 ได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษก ที่วิทยาลัยโดยขอใช้พระอุโบสถวัดศรีสุดาราม เป็นสถานที่ทำพิธีด้งกล่าว พระในพิธีนี้ หลังจากได้แบ่งจากวัดไร่แตงทองบางส่วนที่เป็นพระบูชาเรียบๆ กรรมการจัดสร้างได้ระดมศิษย์เณร และพระที่เล่าเรียนสมัยนั้น นำปากกาหัวทองจารอักขระตามที่หลวงพ่อออกแบบไว้ โดยจารทั้งรอบตัวกระดองเต่า และท้องเต่าแต่เนื่องจากพระเณรหลายองค์ช่วยกันจาร และพระมีจำนวนมากลายมือจีงต่างกันบ้าง และปากกาหัวหมึกทอง ก็จัดฃื้อหัวใหญ่บ้างเล็กบ้าง แถมเณรบางองค์นีกสนุกได้จารฝ่าเท้าเต่าด้วย บางส่วนตอนหลังจีงมีพระบูชาบางองค์ มีจารฝ่าเท้าเต่าออกมาเข้าสนาม โดยบางท่านไม่รู้ข้อเท็จจริงไปตีเก๊ในพระของบางท่านที่มาปล่อยในเวป พระบูชารับทราบมาว่าจัดสร้าง 3 เนื้อคือ เนื้อทองเหลืองรมดำมีจารหมึกทองมี 2 พิมพ์ใหญ่ และเล็กไม่มีพิมพ์กลาง เนื้อที่ 2 คือเนี้อนะวะจำนวนจัดสร้างน้อยมาก และพิมพ์ 3 มีไม่กี่องค์ เป็นเนื้อหินขัดทราย โดยโชว์อยู่ในตู้กุฎิของเจ้าอาวาสวัดศรีสุดา การสร้างพญาเต่าเรือน ซึ่งมีฤทธานุภาพสามารถลบเลือนคดีความต่างๆ ได้ โดยเฉพาะในด้านโชคลาภ หากบูชาและภาวนา “นาสังสิโม” ไปเรื่อยๆ คำว่า “อด” ไม่มี ทำธุรกิจการค้ามีแต่ความเจริญรุ่งเรือง บ้านใดมีพญาเต่าเรือนอยู่อาศัยภายในบ้าน จะไม่มีความเดือดร้อน แม้นในยามทุกข์ พญาเต่าเรือนจะคอยขจัดปัดเป่าให้สิ่งไม่ดีทั้งหลายมลายหายไป จะมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข ครอบครัวญาติพี่น้องรักใคร่สามัคคี ไม่ทะเลาะกัน เหมาะกับยุคนี้ที่บ้านเมืองเข้าสู่สภาวะข้าวยากหมากแพง นับวันจะมีเภทภัยภยันตรายเกิดขึ้นแบบไม่คาดฝัน ถ้ามีสิ่งศักดิ์สิทธ์คุ้มครอง เกื้อหนุนจะยิ่งส่งเสริมให้มีความมั่งมีศรีสุขแคล้วคลาดปลอดภัย
พระสวยและเดิมๆ ตอกโค๊ด เหรียญเดียวครอบคลุมทุกด้าน
พระสวยและเดิมๆ ยันต์นารายณ์เปล่งรัศมี ผงนารายณ์หลั่งน้ำตา สุดๆเมตตา