Themistz

ข้อมูลสมาชิก – Themistz

เริ่มเป็นสมาชิก: March 15, 2015 16:01:23 , สถานะ: ปกติ , ตั้งประมูล: 0 รายการ , รายการที่ยังไม่ปิด: 0 รายการ , คำชม: 40 รายการ , คำติ: 0 รายการ

ประวัติ Feedback

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/เครื่องราง-ล็อกเก็ต/6058431


ผ้ายันต์เขียนมือลงสีพญาเขาคำ   ผืนใหญ่ ขนาด 17 x 23 มม


เขียนโดย :cat999 เจ้าของรายการ January 05, 2016 05:31:15

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระเนื้อผง-เนื้อว่าน/5978127


หลวงพ่อชื่น วัดตาอี พระขุนแผนขาวรุ่น รับทรัพย์ เนื้อกากยายักษ์ผงเกสรผสมอิธิเจ ฝังพลอยตะกรุด มีจีวรด้านหลัง พระขุนแผน รุ่นรับทรัพย์ ปี 2545 (ปลุกเสกพร้อมกับขุนแผนหลังม้าเสพนาง) เนื้อผงอิทธิเจ ฝังตะกรุดสามกษัตริย์ ๓ ดอกฝังพลอยสีแดง มีจีวรด้านหลัง พุทธคุณโดดเด่นทางด้านมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยมโชคลาภ ค้าขายครับ จำนวนสร้าง 499 องค์ รายละเอียด หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ วัดตาอี จ.บุรีรัมย์ (มรณะภาพแล้วในปี 2547) ยอดพระเกจิอาจารย์สายเขมรที่มีสายพระเวทย์สุดเข้มขลังเปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมี มีพลังจิตญานขั้นสูง หลวงปู่ท่านเป็นพระสงฆ์ สายวิปัสนากรรมฐาน ถือธุดงค์เป็นวัตร ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์สายเขากุเลนซึ่งเป็นสถานที่ ในการเจริญวิปัสสนากรรรมฐานและพระเวทย์วิทยาคมขั้นสูง และยังเคยฝากตัวเป็นศิษย์เล่าเรียนวิชาอาคมจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าอีกด้วย ซึ่งข้อมูลนี้น้อยคนที่จะรู้จัก วัตถุมงคลที่หลวงปู่ได้ทำการอธิฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่แรง เห็นผล และสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้บูชามากมาย โดยเฉพาะทางมหาเสน่ห์ เมตตา-มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย วัตถุมงคลของท่านหลายรายการที่สร้างออกมาแล้วสร้างประสบการณ์ใช้กับผู้ใช้บูชามากเป็นที่กล่าวขานกัน เช่น กุมารทองดูดรก(พรายขอดทรัพย์)ที่มีประสบการณ์สูงทางด้าน โชคลาภ ค้าขาย และ ขุนแผนของท่านก็เป็นที่นิยมสูง ถึงแม้หลวงปู่ท่านจะมรณะภาพไปแล้วแต่ก็ยังมีผู้คนเสาะแสวงหาวัตถุมงคลของท่านอยู่ไม่ขาด เพราะว่าใช้แล้วเห็นผลดี พระขุนแผน รุ่นรับทรัพย์ ปี 2545 (ปลุกเสกพร้อมกับขุนแผนหลังม้าเสพนาง) เนื้อผงอิทธิเจ ฝังตะกรุดสามกษัตริย์ ๓ ดอกฝังพลอยสีแดง มีจีวรด้านหลัง พุทธคุณโดดเด่นทางด้านมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยมโชคลาภ ค้าขายครับ จำนวนสร้าง 499 องค์ หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ วัดตาอี จ.บุรีรัมย์ (มรณะภาพแล้วในปี 2547) ยอดพระเกจิอาจารย์สายเขมรที่มีสายพระเวทย์สุดเข้มขลังเปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมี มีพลังจิตญานขั้นสูง หลวงปู่ท่านเป็นพระสงฆ์ สายวิปัสนากรรมฐาน ถือธุดงค์เป็นวัตร ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์สายเขากุเลนซึ่งเป็นสถานที่ ในการเจริญวิปัสสนากรรรมฐานและพระเวทย์วิทยาคมขั้นสูง และยังเคยฝากตัวเป็นศิษย์เล่าเรียนวิชาอาคมจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าอีกด้วย ซึ่งข้อมูลนี้น้อยคนที่จะรู้จัก วัตถุมงคลที่หลวงปู่ได้ทำการอธิฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่แรง เห็นผล และสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้บูชามากมาย โดยเฉพาะทางมหาเสน่ห์ เมตตา-มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย วัตถุมงคลของท่านหลายรายการที่สร้างออกมาแล้วสร้างประสบการณ์ใช้กับผู้ใช้บูชามากเป็นที่กล่าวขานกัน เช่น กุมารทองดูดรก(พรายขอดทรัพย์)ที่มีประสบการณ์สูงทางด้าน โชคลาภ ค้าขาย และ ขุนแผนของท่านก็เป็นที่นิยมสูง ถึงแม้หลวงปู่ท่านจะมรณะภาพไปแล้วแต่ก็ยังมีผู้คนเสาะแสวงหาวัตถุมงคลของท่านอยู่ไม่ขาด เพราะว่าใช้แล้วเห็นผลดี หลวงปู่ชื่น วัดตาอี จ.บุรีรัมย์ (มรณภาพแล้วในปี 2547) ประวัติโดยย่อ หลวงปู่เป็นศิษย์สาย “เขากุเลน” ซึ่งเป็นศูนย์รวมเวทวิทยาอาคมชั้นสูง ที่เป็นฉบับแท้ดั้งเดิมของเขมรโบราณ อาจารย์องค์แรกของท่านคือ “หลวงปู่เอื้อย และหลวงปู่ดี สุวรรณดี” สองปรมาจารย์ผู้มีพลังจิตอันลึกลับวัตถุมงคลที่หลวงปู่ได้ทำการอธิษฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่แรง เห็นผล และสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้บูชามากมาย โดยเฉพาะทางมหาเสน่ห์ เมตตา-มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย วัตถุมงคลของท่านหลายรายการที่สร้างออกมาแล้วสร้างประสบการณ์ใช้กับผู้ใช้บูชามากเป็นที่กล่าวขานกัน เช่น กุมารทองดูดรก(พรายขอดทรัพย์)ที่มีประสบการณ์สูงทางด้าน โชคลาภ ค้าขาย และ ขุนแผนมะรุมมะตุ้มของท่านก็เป็นที่นิยมสูงครั้งหนึ่ง มีชาวบ้าน ต้องการ ไก่ป่าที่อาศัยอยู่ในวัดนำไปเลี้ยง เพื่อนำไปผสมพันธ์ อนุรักษ์สัตว์ป่าไว้ จึงได้เตรียมอุปกรณ์จับไก่ป่าติดมือไปด้วย เมื่อเดินทางมาถึงวัดตาอี ได้เข้าไปขออนุญาต หลวงปู่ชื่น พร้อมกับชี้แจงว่าจะนำไปอนุรักษ์ เพาะพันธ์ไว้ เมื่อหลวงปู่ชื่น ท่านทราบเหตุผล ท่านถามมาว่า “แล้วจะจับอย่างไร?” ชาวบ้าน บอกว่า “เอาแหมากาง แล้วช่วยกันวิ่งต้อนไก่เข้าแห” หลวงปู่ชื่น ท่านหัวเราะใหญ่ ท่านนึกขำถึงวิธีจับไก่ป่า สักครู่ ท่านจึงเดินลงมาจากกุฏิ พร้อมกับพูด ว่า “เอ็งจะเอาตัวไหน?” ชาวบ้าน มองดูไก่ป่า พิจารณาอยู่พักหนึ่ง จึงชี้นิ้วไปยังไก่ป่าตัวหนึ่ง หลวงปู่ชื่น ถามกำชับเพื่อความแน่ใจเป็นครั้งสุดท้าย “เอาตัวนี้แน่นะ” ครับ...หลวงปู่ ชาวบ้าน ตอบ หลวงปู่ชื่น ท่านยืนสงบนิ่ง เพ่งสายตาไปทีไก่ป่า ซักครู่ไก่ป่าตัวนั้นได้เดินมาหา หลวงปู่ชื่น ท่านก็ก้มตัวลงจับไก่ป่าตัวนั้นส่งให้ ท่านได้กล่าวกำชับว่า “อย่าฆ่ามันนะ” หลังจากส่งไก่ให้แล้ว สักพักก็มีตะกวดเดิน เข้ามาหา หลวงปู่ชื่น มาเคลียคลอที่เท้าท่าน อาการเดียวกับไก่ป่าไม่มีผิด ชาวบ้าน ยังแซวหลวงปู่ชื่น ว่าตัวนี้ผมไม่ได้เอานะครับ สงสัยมัน คงโดนลูกหลง หลวงปู่ชื่น ท่านหัวเราะชอบใจใหญ่ ใน การจัดสร้างขุนแผนรุ่นนี้ มีส่วนผสมเป็น ผงสาลิกา แป้งมหาเสน่ห์ ว่านมหาเสน่ห์ ว่านดอกไม้ทองตัวผู้และตัวเมีย ว่านขุนแผน ว่านกาหลงดอกรักซ้อน ว่านจูงนาง รังนกสาลิกาตายพราย ผงนางอกแตก ผงพญาเทครัว ผงพรายกุมาร ท่านทำพิธีตามครูบาอาจารย์ชาวเขมรพิสดารล้ำลึก นำมวลสารทั้งหมดนี้มาผสมกับน้ำมันเสน่ห์จันทร์ขาว ผงนางจันทร์พลอดรักมากดเป็นพิมพ์ขุนแผนมหา เสน่ห์ ท่านทำพิธีปลุกเสกเรียกสูตรตามตำราเขมรโดยขนาดแท้ ท่านเลือกเฉพาะพระคาถาในด้านเมตตาหนึ่ง มหาเสน่ห์หนึ่ง มหานิยมหนึ่ง ผูกมิตรหนึ่ง จูงจิตจูงใจหนึ่ง มหาละลายหนึ่ง และทำพิธีเบิกเนตรทุกองค์ ขุนแผนนี้จะเด่นในเรื่องเมตตามหานิยม สูงสุด สำหรับผู้บูชาติดตัวและยังสามารถอธิษฐานขอในด้านความรัก ความสมหวัง เมตตามหาเสน่ห์ ยังสามารถช่วยดลบันดาลให้ผู้บูชาอธิษฐานขอได้สำเร็จในเรื่องดังกล่าวได้ กดพิมพ์ด้วยมือ มวลสารล้วน สวยมาก สวยรุนแรง อย่างนี้รีบเก็บ ก่อนจะหายาก ประสบการณ์ดีมากๆ สร้างปี 2545 พร้อมกล่องเดิมๆ รับประกันแท้ครับ   ประวัติ หลวงปู่ชื่น วัดตาอี จ.บุรีรัมย์ สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เกิดกลียุคทั่วโลก ยิ่งประเทศเล็กประเทศน้อยได้รับผลกระทบมากที่สุด นอกจากข้าวยากหมากแพงแล้ว ประชาชนยังต้องรับกรรมหนักเพราะครอบครัวแตกสลายเนื่องจากความแร้นแค้นยากจนเป็นสาเหตุใหญ่ ครอบครัวของ หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ ซึ่งเป็นชาวกัมพูชาก็ได้รับความรุนแรงของไฟสงครามเช่นเดียวกัน ทำให้ญาติพี่น้องของ หลวงปู่ชื่น ลับหายตายจากไปหลายคน ซึ่งประเทศกัมพูชาขณะนั้นร้อนระอุสุด ๆ จนดูโหดร้ายไปทุกอย่าง ทำให้ หลวงปู่ชื่น เกิดความเบื่อหน่ายจึงเดินธุดงค์เข้ามายังแผ่นดินไทยที่มีแต่ความสงบร่มเย็น หลวงปู่ชื่น นามเดิมชื่อ ชื่น นามสกุล ศรีโสด เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน 11 ปีมะเมีย ตรงกับปี พ.ศ. 2461 เกิดที่บ้านหินกอง อำเภอหินกอง จังหวัดสวายศรีโสภน ประเทศกัมพูชา โยมบิดาชื่อ นายชุบ โยมมารดาชื่อ พิม ศรีโสด มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 7 คน คือ นายเรียว, นายโพธิ์, นายบุญ, นายเกิด, หลวงปู่ชื่น , นางยอด และนางยาว ครอบครัวมีอาชีพทำนาทำไร่ตามประสาชาวบ้านในชนบททั่วไปของชาวเขมร ชีวิตในวัยเยาว์ของ หลวงปู่ชื่น นิสัยท่านเป็นคนใจบุญ มีความสุขุมลุ่มลึก และมีใจโอบอ้อมอารีชอบเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง ทั้งยังมีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็ก ๆ พออายุได้ 15 ปี ได้ขอบิดามารดาบรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งพ่อแม่ไม่ขัดข้อง ท่านจึงได้บวชเป็นสามเณร ณ วัดในหมู่บ้านเกิดของท่าน หลังจากบวชเณรได้ระยะหนึ่งพอถึงอายุ 20 ปี หลวงปู่ชื่น ก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาโดยได้รับฉายาว่า “ติคญาโณ” เมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุโดยสมบูรณ์แล้ว หลวงปู่ชื่น ได้ศึกษาบทสวดมนต์และบทสวดปาติโมกข์ ซึ่งใช้เวลาเพียงหนึ่งพรรษาก็สวดพระปาติโมกข์ได้แล้ว นับว่าหาพระที่เก่งเช่นนี้น้อยมาก เพราะการท่องบทพระปาติโมกข์พระบางรูปต้องใช้เวลานานนับ 5 ปี 10 ปี เนื่องจากเป็นบทสวดที่ยาวและยากที่สุดนั่นเอง “ หลวงปู่ชื่น สอบนักธรรมชั้นตรีได้ในพรรษาที่ 3 หลังจากนั้นท่านจึงออกเดินธุดงค์ปลงสังขารลัดเลาะไปตามป่าดงพงพี ข้ามเขาลงห้วยในดินแดนประเทศกัมพูชา ทำให้ท่านได้พบกับครูบาอาจารย์ที่เก่ง ๆ อยู่หลายรูป ซึ่งแต่ละอาจารย์ก็ได้ถ่ายทอดวิชาอาคมที่ตนมีอยู่ให้ หลวงปู่ชื่น จนหมดสิ้น โดยเฉพาะฤๅษีที่บำเพ็ญพรตอยู่กลางป่าดงดิบได้ถ่ายทอดวิชาขั้นสุดยอดให้ หลวงปู่ชื่น เพื่อให้นำไปช่วยเหลือศิษย์ต่อไปอีก” หลวงปู่ชื่น เป็นพระเถระที่มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย มีศีลจารวัตรที่งดงาม ชอบบำเพ็ญกุศลเพื่อเสริมสร้างบารมีให้แก่กล้าขึ้น ท่านจะตื่นตั้งแต่ตีสามทำวัตรสวดมนต์ และช่วงค่ำก็เช่นกันท่านจะสวดมนต์มิได้ขาด (นอกจากจะมีกิจนิมนต์และป่วยเท่านั้น) “ หลวงปู่ชื่น ชอบทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมเป็นที่สุด และให้ความเป็นธรรมแก่ศิษยานุศิษย์เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของศิษย์ทั้งหลายอีกด้วย ท่านจึงเป็นที่รักเคารพของศิษย์และประชาชนทั่วไปเป็นจำนวนมากในขณะนี้” ได้อาจารย์เก่งวิชาทุกด้าน หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ เป็นศิษย์สาย “เขากุเลน” ซึ่งเป็นศูนย์รวมเวทวิทยาอาคมชั้นสูง ที่เป็นฉบับแท้ดั้งเดิมของเขมรโบราณ อาจารย์องค์แรกของท่านคือ “หลวงปู่เอื้อย และหลวงปู่ดี สุวรรณดี” สองปรมาจารย์ผู้มีพลังจิตอันลึกล้ำ ทั้งยังมีอิทธิฤทธิ์-ปาฏิหาริย์มากมายเป็นที่เลื่องลือกันมากในประเทศกัมพูชา หลวงปู่ชื่น ได้มองเห็นกาลไกลไปข้างหน้าว่า “พรเวทวิทยาคม” ที่ท่านกำลังศึกษาอยู่นี้จะเป็นประโยชน์มากแก่การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทั้งยังได้ช่วยเหลือสงเคราะห์ญาติโยมและผู้เดือดร้อนต่าง ๆ ในอนาคตภายหน้าแน่นอน ท่านจึงมุมานะพยายามขยันศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมจนสุดความสามารถ ตลอดจนศึกษาการเจริญวิปัสสนากรรมฐานนั่งสมาธิควบคู่ไปด้วย เพื่อเพิ่มพูนพลังจิตให้แก่กล้าขึ้น “ หลวงปู่ชื่น ท่านเรียนกรรมฐานควบคู่ไปกับวิชาอาคมจนท่านเรียนรู้ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยมีการทดสอบจากผู้เป็นอาจารย์จนเป็นที่พอใจ โดยเฉพาะหลวงปู่เอื้อยท่านมีเมตตาถ่ายทอดวิชาและเคล็ดลับต่าง ๆ ให้ หลวงปู่ชื่น จนหมดสิ้น หลวงปู่เอื้อย ท่านเป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในเขมร ดังชนิดผู้หลักผู้ใหญ่ในเขมรขณะนั้นยังมอบตัวเป็นศิษย์หลายคน” ในเวลาต่อมาเมื่อหลวงปู่เอื้อยมรณภาพลง หลวงปู่ชื่น จึงออกเดินธุดงค์บุกป่าฝ่าดงดิบในดินแดนเขมรเพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์อีกมากมาย จนกระทั่งท่านได้พบกับ หลวงปู่ดี สุวรรณดี บน “เขากุเลน” ซึ่งท่านเป็นพระผู้มากด้วยอภิญญาญาณชั้นสูง และเป็นผู้มีพลังจิตอันลึกล้ำมหัศจรรย์เหนือโลกโดยแท้ ด้วยบุญญาบารมีของ หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ ทำให้ หลวงปู่ดี รับ หลวงปู่ชื่น เป็นศิษย์แล้วจึงพากันออกเดินธุดงค์ไปด้วยกันตามสถานที่ต่าง ๆ “หลวงปู่ชื่น ได้ศึกษากรรมฐานและเวทวิทยาคมกับธาตุทั้ง 4 ตลอดจนเกร็ดเคล็ดลับการสร้าง-การปลุกเสกวัตถุมงคล เครื่องรางต่าง ๆ มากมายจาก หลวงปู่ดี ทำให้ท่านมีวิชาติดตัวมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้” หลวงปู่ชื่น ได้เมตตาเล่าเรื่องราวและประสบการณ์ในการเดินธุดงค์ของท่านให้ฟังว่า “ หลวงปู่ดี ท่านนี้เก่งมาก ท่านเชี่ยวชาญพระเวทแทบทุกชนิด ท่านเคยเสกผ้าให้เป็นนกกระยางได้ และเสกใบไม้ให้เป็นต่อเป็นแตนได้ ทั้งยังรู้ภาษาสัตว์แทบทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านสามารถล่องหนหายตัวและย่นระยะทางได้ ตลอดจนท่านเดินบนผิวน้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย” หลวงปู่ชื่น เล่าว่า หลวงปู่ดี ท่านเคยแสดงให้ดูมาแล้ว ท่านเห็นกับตามาแล้วจึงกล้ามาเล่าให้ฟัง ท่านแสดงให้ดูก็เพื่อให้เป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติธรรมสืบต่อกันไปนั่นเอง “การเรียนวิชาอาคมจะมีฤทธิ์เข้มขลังได้ ต้องประกอบไปด้วยพลังจิตอันเป็นสมาธิแก่กล้าควบคู่กันไปด้วย” หลวงปู่ชื่น กล่าว หลวงปู่ชื่น เป็นพระที่คงแก่เรียนคือท่านชอบศึกษาค้นคว้าตำรับตำราและวิชาการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอักขระเลขยันต์ หรือวิชาอาคมอะไรท่านจะทดลองสร้างทดลองปลุกเสกอยู่เสมอ เมื่อท่านลองแล้วเห็นว่าดีจริงและใช้ได้ผลดีจริงตามตำรา ท่านก็คัดวิชาวิเศษเหล่านั้นมาสร้างมาปลุกวัตถุมงคลให้บรรดาลูกศิษย์ และลูกหลานท่านให้ได้รับแต่สิ่งที่เป็นมงคลเป็นของวิเศษไว้บูชากัน จากการคัดเลือกพิจารณาตรวจจาก หลวงปู่ชื่น แล้วว่า “ดีจริง-เห็นผลจริง” จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์ต่อเนื่องเรื่อยมา จนเป็นที่กล่าวขานร่ำลือจากปากของผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของ หลวงปู่ชื่น ว่ายอดเยี่ยมอยู่ในขณะนี้ ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงขอนำท่านทั้งหลายได้รู้จัก หลวงปู่ชื่น เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้มีโอกาสรู้จัก หลวงปู่ชื่น อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน และใกล้ชิดหลวงปู่มากขึ้น เพราะลูกศิษย์บางคนอยู่ห่างไกลซึ่งยังไม่มีโอกาสเดินทางมากราบไหว้หลวงปู่ จะด้วยสาเหตุและปัจจัยใด ๆ ก็ตาม ผู้เขียนขอเป็นสื่อ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อเป็นการหยั่งความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่ลูกศิษย์ที่มีความเคารพนับถือหลวงปู่ หรือท่านที่มีวัตถุมงคลของ หลวงปู่ชื่น ไว้แล้ว ขอให้รู้ว่าเราทั้งหลายก็เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์องค์เดียวกัน เพราะมีวัตถุมงคลที่มาจากการปลุกเสกจากหลวงปู่ชื่นด้วยกันทั้งนั้น ทั้งนี้เพื่อช่วยจรรโลงเกียรติคุณของ หลวงปู่ชื่น ให้แพร่หลายขจรไป ตลอดยั่งยืนนานต่อไปในภายภาคหน้านั่นเอง พบสหธรรมิกเก่า หลังจาก หลวงปู่ชื่น ธุดงค์ไปในที่ต่าง ๆ มากมาย จนกระทั่งท่านเดินทางไปจำพรรษาอยู่ที่วัดนาราก อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ท่านอยู่ได้ 5 พรรษาจึงได้เดินธุดงค์ต่อเรื่อยไปจวบจนอายุท่านมากขึ้น กำลังวังชาถดถอย ท่านจึงอยู่กับที่ระยะหนึ่ง ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2524 หลวงปู่ชื่นได้รับนิมนต์เดินทางไปปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดแห่งหนึ่งใน เขตจังหวัดบุรีรัมย์ งานนั้น หลวงปู่นิล อนุตโร เจ้าอาวาสวัดตาอีรูปปัจจุบันซึ่งเคยเป็น “สหธรรมิก” (เพื่อน) เก่าก่อนกันมาก็ได้รับนิมนต์จากทางเจ้าภาพให้เป็นพระคู่สวดเช่นกัน หลังจากพระทุกองค์เสด็จจากกิจนิมนต์แล้ว ทางเจ้าภาพได้จัดถวายอาหารเพลให้ฉัน หลวงปู่นิล กับ หลวงปู่ชื่น นั่งฉันในวงเดียวกัน หลวงปู่นิลหันมองพระที่นั่งอยู่ข้างตัว ท่านคิดในใจว่าคล้ายเคยเห็นกันมาก่อน แต่ท่านยังจำไม่ได้ว่าเคยเห็นกันที่ไหน เพราะความที่จากกันมานานหลายสิบปีทำให้ท่านทั้งสองแทบจำกันไม่ได้ หลวงปู่นิลได้แต่คิดในใจว่าพระองค์นี้ทำไมช่างเหมือน หลวงปู่ชื่น เสียเหลือเกิน จนอดใจไม่ไหวจึงเอ่ยถามไปว่า “หลวงพ่อท่านอยู่วัดไหน ชื่ออะไร” หลวงปู่ชื่น ตอบกลับไปทันที “อาตมาชื่อชื่น เป็นพระธุดงค์ยังไม่มีวัดจำพรรษา” หลวงปู่นิล นั่งคิดตั้งนานที่แท้ก็ใช่หลวงปู่ชื่นจริง ๆ ด้วย เมื่อท่านทั้งสองได้นั่งสนทนากันแล้วหลวงปู่นิลจึงได้ออกปากนิมนต์หลวงปู่ชื่นให้มาจำพรรษาอยู่ด้วยกันที่วัดตาอี ประกอบกับช่วงนั้น หลวงปู่ชื่น มีอายุมากแล้วและชาวบ้านตาอีก็ได้นิมนต์ท่านไว้ไม่ให้เดินธุดงค์อีก นับตั้งแต่นั้นมา หลวงปู่ชื่น จึงได้อยู่จำพรรษาที่วัดตาอีเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ เพชรเริ่มทอแสง หลังจาก หลวงปู่ชื่น มาอยู่วัดตาอีแล้วท่านได้เก็บตัวเงียบอยู่แต่ภายในกุฏิหลังเล็ก ๆ เหมือนพระหลวงตาแก่ ๆ ธรรมดา แทบไม่มีใครรู้เลยว่าท่านเป็นพระที่มี “พลังจิต” และมีอาคมเข้มขลังมาก จนกระทั่งกลางปี พ.ศ. 2542 หลวงปู่ชื่นได้สร้างวัตถุมงคลออกมา 2-3 รุ่น ผลปรากฏว่าผู้ที่นำวัตถุมงคลของท่านไปบูชาต่างมีประสบการณ์ต่าง ๆ นานามากมาย จากปากต่อปากทำให้วัตถุมงคลที่ท่านบรรจุพลังจิตเวทวิทยาคมที่มี “พลังมหัศจรรย์” ความวิเศษขลัง ยับยั้งภัยพาล อาถรรพณ์จัญไร ขจัดสรรพทุกข์ สรรพโรค สรรพภัยที่มีอานุภาพ ทั้งเมตตามหานิยม มหาโชค มหาลาภ ค้าขายดีเยี่ยม คุ้มครองป้องกัน ทำให้ชื่อเสียงหลวงปู่ชื่นดังขึ้นมาเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไปมากขึ้นเป็นลำดับ จากปากผู้ที่ได้บูชาวัตถุมงคลของท่านไปบูชาส่วนใหญ่ยอมรับว่าวัตถุมงคลของท่านดีเยี่ยมจริง ๆ ใช้แล้วได้ผลดีเกินคาด ส่วนสาเหตุที่ท่านยอมเปิดตัวและจัดสร้างวัตถุมงคลออกมาเป็นทางการเนื่องจาก ท่านกำลังก่อสร้างอุโบสถซึ่งขาดปัจจัยอยู่อีกมาก อีกประการหนึ่งหลวงปู่เคยบอกไว้ว่า “ถึงเวลาที่ครูบาอาจารย์ท่านให้เปิดตัวแล้ว เพื่อนำความรู้เวทวิทยาคมที่ได้ร่ำเรียนมาสงเคราะห์พุทธศาสนิกชน และจัดสร้างถาวรวัตถุเพื่อการพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป” หินลงสระกลายเป็นงูยักษ์ เมื่อครั้งที่ หลวงปู่ชื่น มาอยู่ที่วัดตาอีใหม่ ๆ นั้น ท่านได้เร่งทำความเพียรปฏิบัติธรรมจนพลังจิตแก่กล้า ด้วยท่านเป็นพระที่รักสันโดษชอบเก็บตัวเงียบ ๆ อยู่แต่ภายในกุฏิ ชาวบ้านจึงคิดว่าท่านเป็นหลวงตาแก่ ๆ ไม่มีอะไร เป็นพระธรรมดาไม่มีวิชาอาคมอันใด ต่อมาทางวัดได้ขุดสระใหม่ ทางเจ้าอาวาสจึงประกาศบอกชาวบ้านว่า “ห้ามลงอาบน้ำในสระ” เพราะสระน้ำแห่งนี้พระเณรต้องใช้ดื่มกิน แต่ชาวบ้านขาดความเกรงใจท่าน ตกเย็นทั้งหนุ่มสาวพากันลงว่ายน้ำเล่นในสระอย่างสนุกสนาน บ้างก็นำผ้ามาซักทำให้ฟองแฟ๊บที่ซักลอยเต็มคุ้งสระ บอกแล้วก็เฉย เตือนแล้วก็ไม่หยุด หลวงปู่ชื่น จึงใช้ไม้ตายเพื่อให้รู้จักที่ต่ำที่สูง และที่ควรมิควรกันบ้าง ท่านจึงนำก้อนหินมาสองก้อน แล้วเสกด้วยคาถาอาคมจากนั้นท่านโยนลงไปในสระน้ำ “สามวันต่อมาพวกที่ชอบลงเล่นน้ำในสระภายในวัดต่างก็ตกใจแตกตื่นขึ้นตลิ่งกันแทบไม่ทัน เพราะเห็นพญางูยักษ์สองตัวว่ายน้ำไปมาในสระให้เห็นกับตากันจะจะ ชาวบ้านตาอีเห็นกันทั้งหมู่บ้าน” เรื่องนี้เป็นที่เลื่องลือกันมากในอำเภอบ้านกรวด ถ้าหากใครมีโอกาสได้ไปที่วัดตาอีลองสอบถามชาวบ้านดูก็ได้ และจากวันนั้นเป็นต้นมาจนกระทั่งถึงวันนี้ก็ไม่มีใครกล้าลงไปเล่นน้ำในสระที่วัดตาอีกันอีกเลย... dd333  5005 06 1 07 08 2 DD888 7121 22 3 23 24 4 31 32 8  ชช103 9316 17 1 22 23 4  DDWP 21 22 3 18 


เขียนโดย :somkiatthornburi เจ้าของรายการ December 07, 2015 14:44:49

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระเนื้อผง-เนื้อว่าน/5969607


หลวงพ่อชื่น วัดตาอี พระขุนแผน รุ่น รับทรัพย์ เนื้อเขียวผสมกากยายักษ์ผงเกสรผสมอิธิเจ ฝังพลอยตะกรุด ด้านหลัง รายละเอียด หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ วัดตาอี จ.บุรีรัมย์ (มรณะภาพแล้วในปี 2547) ยอดพระเกจิอาจารย์สายเขมรที่มีสายพระเวทย์สุดเข้มขลังเปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมี มีพลังจิตญานขั้นสูง หลวงปู่ท่านเป็นพระสงฆ์ สายวิปัสนากรรมฐาน ถือธุดงค์เป็นวัตร ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์สายเขากุเลนซึ่งเป็นสถานที่ ในการเจริญวิปัสสนากรรรมฐานและพระเวทย์วิทยาคมขั้นสูง และยังเคยฝากตัวเป็นศิษย์เล่าเรียนวิชาอาคมจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าอีกด้วย ซึ่งข้อมูลนี้น้อยคนที่จะรู้จัก วัตถุมงคลที่หลวงปู่ได้ทำการอธิฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่แรง เห็นผล และสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้บูชามากมาย โดยเฉพาะทางมหาเสน่ห์ เมตตา-มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย วัตถุมงคลของท่านหลายรายการที่สร้างออกมาแล้วสร้างประสบการณ์ใช้กับผู้ใช้บูชามากเป็นที่กล่าวขานกัน เช่น กุมารทองดูดรก(พรายขอดทรัพย์)ที่มีประสบการณ์สูงทางด้าน โชคลาภ ค้าขาย และ ขุนแผนของท่านก็เป็นที่นิยมสูง ถึงแม้หลวงปู่ท่านจะมรณะภาพไปแล้วแต่ก็ยังมีผู้คนเสาะแสวงหาวัตถุมงคลของท่านอยู่ไม่ขาด เพราะว่าใช้แล้วเห็นผลดี พระขุนแผน รุ่นรับทรัพย์ ปี 2545 (ปลุกเสกพร้อมกับขุนแผนหลังม้าเสพนาง) เนื้อผงอิทธิเจ ฝังตะกรุดสามกษัตริย์ ๓ ดอกฝังพลอยสีแดง มีจีวรด้านหลัง พุทธคุณโดดเด่นทางด้านมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยมโชคลาภ ค้าขายครับ จำนวนสร้าง 499 องค์ หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ วัดตาอี จ.บุรีรัมย์ (มรณะภาพแล้วในปี 2547) ยอดพระเกจิอาจารย์สายเขมรที่มีสายพระเวทย์สุดเข้มขลังเปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมี มีพลังจิตญานขั้นสูง หลวงปู่ท่านเป็นพระสงฆ์ สายวิปัสนากรรมฐาน ถือธุดงค์เป็นวัตร ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์สายเขากุเลนซึ่งเป็นสถานที่ ในการเจริญวิปัสสนากรรรมฐานและพระเวทย์วิทยาคมขั้นสูง และยังเคยฝากตัวเป็นศิษย์เล่าเรียนวิชาอาคมจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าอีกด้วย ซึ่งข้อมูลนี้น้อยคนที่จะรู้จัก วัตถุมงคลที่หลวงปู่ได้ทำการอธิฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่แรง เห็นผล และสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้บูชามากมาย โดยเฉพาะทางมหาเสน่ห์ เมตตา-มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย วัตถุมงคลของท่านหลายรายการที่สร้างออกมาแล้วสร้างประสบการณ์ใช้กับผู้ใช้บูชามากเป็นที่กล่าวขานกัน เช่น กุมารทองดูดรก(พรายขอดทรัพย์)ที่มีประสบการณ์สูงทางด้าน โชคลาภ ค้าขาย และ ขุนแผนของท่านก็เป็นที่นิยมสูง ถึงแม้หลวงปู่ท่านจะมรณะภาพไปแล้วแต่ก็ยังมีผู้คนเสาะแสวงหาวัตถุมงคลของท่านอยู่ไม่ขาด เพราะว่าใช้แล้วเห็นผลดี หลวงปู่ชื่น วัดตาอี จ.บุรีรัมย์ (มรณภาพแล้วในปี 2547) ประวัติโดยย่อ หลวงปู่เป็นศิษย์สาย “เขากุเลน” ซึ่งเป็นศูนย์รวมเวทวิทยาอาคมชั้นสูง ที่เป็นฉบับแท้ดั้งเดิมของเขมรโบราณ อาจารย์องค์แรกของท่านคือ “หลวงปู่เอื้อย และหลวงปู่ดี สุวรรณดี” สองปรมาจารย์ผู้มีพลังจิตอันลึกลับวัตถุมงคลที่หลวงปู่ได้ทำการอธิษฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่แรง เห็นผล และสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้บูชามากมาย โดยเฉพาะทางมหาเสน่ห์ เมตตา-มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย วัตถุมงคลของท่านหลายรายการที่สร้างออกมาแล้วสร้างประสบการณ์ใช้กับผู้ใช้บูชามากเป็นที่กล่าวขานกัน เช่น กุมารทองดูดรก(พรายขอดทรัพย์)ที่มีประสบการณ์สูงทางด้าน โชคลาภ ค้าขาย และ ขุนแผนมะรุมมะตุ้มของท่านก็เป็นที่นิยมสูงครั้งหนึ่ง มีชาวบ้าน ต้องการ ไก่ป่าที่อาศัยอยู่ในวัดนำไปเลี้ยง เพื่อนำไปผสมพันธ์ อนุรักษ์สัตว์ป่าไว้ จึงได้เตรียมอุปกรณ์จับไก่ป่าติดมือไปด้วย เมื่อเดินทางมาถึงวัดตาอี ได้เข้าไปขออนุญาต หลวงปู่ชื่น พร้อมกับชี้แจงว่าจะนำไปอนุรักษ์ เพาะพันธ์ไว้ เมื่อหลวงปู่ชื่น ท่านทราบเหตุผล ท่านถามมาว่า “แล้วจะจับอย่างไร?” ชาวบ้าน บอกว่า “เอาแหมากาง แล้วช่วยกันวิ่งต้อนไก่เข้าแห” หลวงปู่ชื่น ท่านหัวเราะใหญ่ ท่านนึกขำถึงวิธีจับไก่ป่า สักครู่ ท่านจึงเดินลงมาจากกุฏิ พร้อมกับพูด ว่า “เอ็งจะเอาตัวไหน?” ชาวบ้าน มองดูไก่ป่า พิจารณาอยู่พักหนึ่ง จึงชี้นิ้วไปยังไก่ป่าตัวหนึ่ง หลวงปู่ชื่น ถามกำชับเพื่อความแน่ใจเป็นครั้งสุดท้าย “เอาตัวนี้แน่นะ” ครับ...หลวงปู่ ชาวบ้าน ตอบ หลวงปู่ชื่น ท่านยืนสงบนิ่ง เพ่งสายตาไปทีไก่ป่า ซักครู่ไก่ป่าตัวนั้นได้เดินมาหา หลวงปู่ชื่น ท่านก็ก้มตัวลงจับไก่ป่าตัวนั้นส่งให้ ท่านได้กล่าวกำชับว่า “อย่าฆ่ามันนะ” หลังจากส่งไก่ให้แล้ว สักพักก็มีตะกวดเดิน เข้ามาหา หลวงปู่ชื่น มาเคลียคลอที่เท้าท่าน อาการเดียวกับไก่ป่าไม่มีผิด ชาวบ้าน ยังแซวหลวงปู่ชื่น ว่าตัวนี้ผมไม่ได้เอานะครับ สงสัยมัน คงโดนลูกหลง หลวงปู่ชื่น ท่านหัวเราะชอบใจใหญ่ ใน การจัดสร้างขุนแผนรุ่นนี้ มีส่วนผสมเป็น ผงสาลิกา แป้งมหาเสน่ห์ ว่านมหาเสน่ห์ ว่านดอกไม้ทองตัวผู้และตัวเมีย ว่านขุนแผน ว่านกาหลงดอกรักซ้อน ว่านจูงนาง รังนกสาลิกาตายพราย ผงนางอกแตก ผงพญาเทครัว ผงพรายกุมาร ท่านทำพิธีตามครูบาอาจารย์ชาวเขมรพิสดารล้ำลึก นำมวลสารทั้งหมดนี้มาผสมกับน้ำมันเสน่ห์จันทร์ขาว ผงนางจันทร์พลอดรักมากดเป็นพิมพ์ขุนแผนมหา เสน่ห์ ท่านทำพิธีปลุกเสกเรียกสูตรตามตำราเขมรโดยขนาดแท้ ท่านเลือกเฉพาะพระคาถาในด้านเมตตาหนึ่ง มหาเสน่ห์หนึ่ง มหานิยมหนึ่ง ผูกมิตรหนึ่ง จูงจิตจูงใจหนึ่ง มหาละลายหนึ่ง และทำพิธีเบิกเนตรทุกองค์ ขุนแผนนี้จะเด่นในเรื่องเมตตามหานิยม สูงสุด สำหรับผู้บูชาติดตัวและยังสามารถอธิษฐานขอในด้านความรัก ความสมหวัง เมตตามหาเสน่ห์ ยังสามารถช่วยดลบันดาลให้ผู้บูชาอธิษฐานขอได้สำเร็จในเรื่องดังกล่าวได้ กดพิมพ์ด้วยมือ มวลสารล้วน สวยมาก สวยรุนแรง อย่างนี้รีบเก็บ ก่อนจะหายาก ประสบการณ์ดีมากๆ สร้างปี 2545 พร้อมกล่องเดิมๆ รับประกันแท้ครับ 11.11 2321 22 1 2290 27 28 4 dd 666 6339 40 7 41 42 UU๊๊ 5067 68 1 69 70 2 71 72 3 73 74 4 86 87 10 สส103 211 212 1 


เขียนโดย :somkiatthornburi เจ้าของรายการ December 07, 2015 14:44:33

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระเนื้อดิน/5957427


หลวงพ่อชื่น วัดตาอี พระขุนแผน รุ่น รับทรัพย์ เนื้อกากยายักษ์ผงเกสรผสมอิธิเจ ฝังพลอยตะกรุด มีจีวรด้านหลัง พระขุนแผน รุ่นรับทรัพย์ ปี 2545 (ปลุกเสกพร้อมกับขุนแผนหลังม้าเสพนาง) เนื้อผงอิทธิเจ ฝังตะกรุดสามกษัตริย์ ๓ ดอกฝังพลอยสีแดง มีจีวรด้านหลัง พุทธคุณโดดเด่นทางด้านมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยมโชคลาภ ค้าขายครับ จำนวนสร้าง 499 องค์ รายละเอียด หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ วัดตาอี จ.บุรีรัมย์ (มรณะภาพแล้วในปี 2547) ยอดพระเกจิอาจารย์สายเขมรที่มีสายพระเวทย์สุดเข้มขลังเปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมี มีพลังจิตญานขั้นสูง หลวงปู่ท่านเป็นพระสงฆ์ สายวิปัสนากรรมฐาน ถือธุดงค์เป็นวัตร ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์สายเขากุเลนซึ่งเป็นสถานที่ ในการเจริญวิปัสสนากรรรมฐานและพระเวทย์วิทยาคมขั้นสูง และยังเคยฝากตัวเป็นศิษย์เล่าเรียนวิชาอาคมจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าอีกด้วย ซึ่งข้อมูลนี้น้อยคนที่จะรู้จัก วัตถุมงคลที่หลวงปู่ได้ทำการอธิฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่แรง เห็นผล และสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้บูชามากมาย โดยเฉพาะทางมหาเสน่ห์ เมตตา-มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย วัตถุมงคลของท่านหลายรายการที่สร้างออกมาแล้วสร้างประสบการณ์ใช้กับผู้ใช้บูชามากเป็นที่กล่าวขานกัน เช่น กุมารทองดูดรก(พรายขอดทรัพย์)ที่มีประสบการณ์สูงทางด้าน โชคลาภ ค้าขาย และ ขุนแผนของท่านก็เป็นที่นิยมสูง ถึงแม้หลวงปู่ท่านจะมรณะภาพไปแล้วแต่ก็ยังมีผู้คนเสาะแสวงหาวัตถุมงคลของท่านอยู่ไม่ขาด เพราะว่าใช้แล้วเห็นผลดี พระขุนแผน รุ่นรับทรัพย์ ปี 2545 (ปลุกเสกพร้อมกับขุนแผนหลังม้าเสพนาง) เนื้อผงอิทธิเจ ฝังตะกรุดสามกษัตริย์ ๓ ดอกฝังพลอยสีแดง มีจีวรด้านหลัง พุทธคุณโดดเด่นทางด้านมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยมโชคลาภ ค้าขายครับ จำนวนสร้าง 499 องค์ หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ วัดตาอี จ.บุรีรัมย์ (มรณะภาพแล้วในปี 2547) ยอดพระเกจิอาจารย์สายเขมรที่มีสายพระเวทย์สุดเข้มขลังเปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมี มีพลังจิตญานขั้นสูง หลวงปู่ท่านเป็นพระสงฆ์ สายวิปัสนากรรมฐาน ถือธุดงค์เป็นวัตร ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์สายเขากุเลนซึ่งเป็นสถานที่ ในการเจริญวิปัสสนากรรรมฐานและพระเวทย์วิทยาคมขั้นสูง และยังเคยฝากตัวเป็นศิษย์เล่าเรียนวิชาอาคมจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าอีกด้วย ซึ่งข้อมูลนี้น้อยคนที่จะรู้จัก วัตถุมงคลที่หลวงปู่ได้ทำการอธิฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่แรง เห็นผล และสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้บูชามากมาย โดยเฉพาะทางมหาเสน่ห์ เมตตา-มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย วัตถุมงคลของท่านหลายรายการที่สร้างออกมาแล้วสร้างประสบการณ์ใช้กับผู้ใช้บูชามากเป็นที่กล่าวขานกัน เช่น กุมารทองดูดรก(พรายขอดทรัพย์)ที่มีประสบการณ์สูงทางด้าน โชคลาภ ค้าขาย และ ขุนแผนของท่านก็เป็นที่นิยมสูง ถึงแม้หลวงปู่ท่านจะมรณะภาพไปแล้วแต่ก็ยังมีผู้คนเสาะแสวงหาวัตถุมงคลของท่านอยู่ไม่ขาด เพราะว่าใช้แล้วเห็นผลดี หลวงปู่ชื่น วัดตาอี จ.บุรีรัมย์ (มรณภาพแล้วในปี 2547) ประวัติโดยย่อ หลวงปู่เป็นศิษย์สาย “เขากุเลน” ซึ่งเป็นศูนย์รวมเวทวิทยาอาคมชั้นสูง ที่เป็นฉบับแท้ดั้งเดิมของเขมรโบราณ อาจารย์องค์แรกของท่านคือ “หลวงปู่เอื้อย และหลวงปู่ดี สุวรรณดี” สองปรมาจารย์ผู้มีพลังจิตอันลึกลับวัตถุมงคลที่หลวงปู่ได้ทำการอธิษฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่แรง เห็นผล และสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้บูชามากมาย โดยเฉพาะทางมหาเสน่ห์ เมตตา-มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย วัตถุมงคลของท่านหลายรายการที่สร้างออกมาแล้วสร้างประสบการณ์ใช้กับผู้ใช้บูชามากเป็นที่กล่าวขานกัน เช่น กุมารทองดูดรก(พรายขอดทรัพย์)ที่มีประสบการณ์สูงทางด้าน โชคลาภ ค้าขาย และ ขุนแผนมะรุมมะตุ้มของท่านก็เป็นที่นิยมสูงครั้งหนึ่ง มีชาวบ้าน ต้องการ ไก่ป่าที่อาศัยอยู่ในวัดนำไปเลี้ยง เพื่อนำไปผสมพันธ์ อนุรักษ์สัตว์ป่าไว้ จึงได้เตรียมอุปกรณ์จับไก่ป่าติดมือไปด้วย เมื่อเดินทางมาถึงวัดตาอี ได้เข้าไปขออนุญาต หลวงปู่ชื่น พร้อมกับชี้แจงว่าจะนำไปอนุรักษ์ เพาะพันธ์ไว้ เมื่อหลวงปู่ชื่น ท่านทราบเหตุผล ท่านถามมาว่า “แล้วจะจับอย่างไร?” ชาวบ้าน บอกว่า “เอาแหมากาง แล้วช่วยกันวิ่งต้อนไก่เข้าแห” หลวงปู่ชื่น ท่านหัวเราะใหญ่ ท่านนึกขำถึงวิธีจับไก่ป่า สักครู่ ท่านจึงเดินลงมาจากกุฏิ พร้อมกับพูด ว่า “เอ็งจะเอาตัวไหน?” ชาวบ้าน มองดูไก่ป่า พิจารณาอยู่พักหนึ่ง จึงชี้นิ้วไปยังไก่ป่าตัวหนึ่ง หลวงปู่ชื่น ถามกำชับเพื่อความแน่ใจเป็นครั้งสุดท้าย “เอาตัวนี้แน่นะ” ครับ...หลวงปู่ ชาวบ้าน ตอบ หลวงปู่ชื่น ท่านยืนสงบนิ่ง เพ่งสายตาไปทีไก่ป่า ซักครู่ไก่ป่าตัวนั้นได้เดินมาหา หลวงปู่ชื่น ท่านก็ก้มตัวลงจับไก่ป่าตัวนั้นส่งให้ ท่านได้กล่าวกำชับว่า “อย่าฆ่ามันนะ” หลังจากส่งไก่ให้แล้ว สักพักก็มีตะกวดเดิน เข้ามาหา หลวงปู่ชื่น มาเคลียคลอที่เท้าท่าน อาการเดียวกับไก่ป่าไม่มีผิด ชาวบ้าน ยังแซวหลวงปู่ชื่น ว่าตัวนี้ผมไม่ได้เอานะครับ สงสัยมัน คงโดนลูกหลง หลวงปู่ชื่น ท่านหัวเราะชอบใจใหญ่ ใน การจัดสร้างขุนแผนรุ่นนี้ มีส่วนผสมเป็น ผงสาลิกา แป้งมหาเสน่ห์ ว่านมหาเสน่ห์ ว่านดอกไม้ทองตัวผู้และตัวเมีย ว่านขุนแผน ว่านกาหลงดอกรักซ้อน ว่านจูงนาง รังนกสาลิกาตายพราย ผงนางอกแตก ผงพญาเทครัว ผงพรายกุมาร ท่านทำพิธีตามครูบาอาจารย์ชาวเขมรพิสดารล้ำลึก นำมวลสารทั้งหมดนี้มาผสมกับน้ำมันเสน่ห์จันทร์ขาว ผงนางจันทร์พลอดรักมากดเป็นพิมพ์ขุนแผนมหา เสน่ห์ ท่านทำพิธีปลุกเสกเรียกสูตรตามตำราเขมรโดยขนาดแท้ ท่านเลือกเฉพาะพระคาถาในด้านเมตตาหนึ่ง มหาเสน่ห์หนึ่ง มหานิยมหนึ่ง ผูกมิตรหนึ่ง จูงจิตจูงใจหนึ่ง มหาละลายหนึ่ง และทำพิธีเบิกเนตรทุกองค์ ขุนแผนนี้จะเด่นในเรื่องเมตตามหานิยม สูงสุด สำหรับผู้บูชาติดตัวและยังสามารถอธิษฐานขอในด้านความรัก ความสมหวัง เมตตามหาเสน่ห์ ยังสามารถช่วยดลบันดาลให้ผู้บูชาอธิษฐานขอได้สำเร็จในเรื่องดังกล่าวได้ กดพิมพ์ด้วยมือ มวลสารล้วน สวยมาก สวยรุนแรง อย่างนี้รีบเก็บ ก่อนจะหายาก ประสบการณ์ดีมากๆ สร้างปี 2545 พร้อมกล่องเดิมๆ รับประกันแท้ครับ   ประวัติ หลวงปู่ชื่น วัดตาอี จ.บุรีรัมย์ สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เกิดกลียุคทั่วโลก ยิ่งประเทศเล็กประเทศน้อยได้รับผลกระทบมากที่สุด นอกจากข้าวยากหมากแพงแล้ว ประชาชนยังต้องรับกรรมหนักเพราะครอบครัวแตกสลายเนื่องจากความแร้นแค้นยากจนเป็นสาเหตุใหญ่ ครอบครัวของ หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ ซึ่งเป็นชาวกัมพูชาก็ได้รับความรุนแรงของไฟสงครามเช่นเดียวกัน ทำให้ญาติพี่น้องของ หลวงปู่ชื่น ลับหายตายจากไปหลายคน ซึ่งประเทศกัมพูชาขณะนั้นร้อนระอุสุด ๆ จนดูโหดร้ายไปทุกอย่าง ทำให้ หลวงปู่ชื่น เกิดความเบื่อหน่ายจึงเดินธุดงค์เข้ามายังแผ่นดินไทยที่มีแต่ความสงบร่มเย็น หลวงปู่ชื่น นามเดิมชื่อ ชื่น นามสกุล ศรีโสด เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน 11 ปีมะเมีย ตรงกับปี พ.ศ. 2461 เกิดที่บ้านหินกอง อำเภอหินกอง จังหวัดสวายศรีโสภน ประเทศกัมพูชา โยมบิดาชื่อ นายชุบ โยมมารดาชื่อ พิม ศรีโสด มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 7 คน คือ นายเรียว, นายโพธิ์, นายบุญ, นายเกิด, หลวงปู่ชื่น , นางยอด และนางยาว ครอบครัวมีอาชีพทำนาทำไร่ตามประสาชาวบ้านในชนบททั่วไปของชาวเขมร ชีวิตในวัยเยาว์ของ หลวงปู่ชื่น นิสัยท่านเป็นคนใจบุญ มีความสุขุมลุ่มลึก และมีใจโอบอ้อมอารีชอบเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง ทั้งยังมีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็ก ๆ พออายุได้ 15 ปี ได้ขอบิดามารดาบรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งพ่อแม่ไม่ขัดข้อง ท่านจึงได้บวชเป็นสามเณร ณ วัดในหมู่บ้านเกิดของท่าน หลังจากบวชเณรได้ระยะหนึ่งพอถึงอายุ 20 ปี หลวงปู่ชื่น ก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาโดยได้รับฉายาว่า “ติคญาโณ” เมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุโดยสมบูรณ์แล้ว หลวงปู่ชื่น ได้ศึกษาบทสวดมนต์และบทสวดปาติโมกข์ ซึ่งใช้เวลาเพียงหนึ่งพรรษาก็สวดพระปาติโมกข์ได้แล้ว นับว่าหาพระที่เก่งเช่นนี้น้อยมาก เพราะการท่องบทพระปาติโมกข์พระบางรูปต้องใช้เวลานานนับ 5 ปี 10 ปี เนื่องจากเป็นบทสวดที่ยาวและยากที่สุดนั่นเอง “ หลวงปู่ชื่น สอบนักธรรมชั้นตรีได้ในพรรษาที่ 3 หลังจากนั้นท่านจึงออกเดินธุดงค์ปลงสังขารลัดเลาะไปตามป่าดงพงพี ข้ามเขาลงห้วยในดินแดนประเทศกัมพูชา ทำให้ท่านได้พบกับครูบาอาจารย์ที่เก่ง ๆ อยู่หลายรูป ซึ่งแต่ละอาจารย์ก็ได้ถ่ายทอดวิชาอาคมที่ตนมีอยู่ให้ หลวงปู่ชื่น จนหมดสิ้น โดยเฉพาะฤๅษีที่บำเพ็ญพรตอยู่กลางป่าดงดิบได้ถ่ายทอดวิชาขั้นสุดยอดให้ หลวงปู่ชื่น เพื่อให้นำไปช่วยเหลือศิษย์ต่อไปอีก” หลวงปู่ชื่น เป็นพระเถระที่มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย มีศีลจารวัตรที่งดงาม ชอบบำเพ็ญกุศลเพื่อเสริมสร้างบารมีให้แก่กล้าขึ้น ท่านจะตื่นตั้งแต่ตีสามทำวัตรสวดมนต์ และช่วงค่ำก็เช่นกันท่านจะสวดมนต์มิได้ขาด (นอกจากจะมีกิจนิมนต์และป่วยเท่านั้น) “ หลวงปู่ชื่น ชอบทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมเป็นที่สุด และให้ความเป็นธรรมแก่ศิษยานุศิษย์เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของศิษย์ทั้งหลายอีกด้วย ท่านจึงเป็นที่รักเคารพของศิษย์และประชาชนทั่วไปเป็นจำนวนมากในขณะนี้” ได้อาจารย์เก่งวิชาทุกด้าน หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ เป็นศิษย์สาย “เขากุเลน” ซึ่งเป็นศูนย์รวมเวทวิทยาอาคมชั้นสูง ที่เป็นฉบับแท้ดั้งเดิมของเขมรโบราณ อาจารย์องค์แรกของท่านคือ “หลวงปู่เอื้อย และหลวงปู่ดี สุวรรณดี” สองปรมาจารย์ผู้มีพลังจิตอันลึกล้ำ ทั้งยังมีอิทธิฤทธิ์-ปาฏิหาริย์มากมายเป็นที่เลื่องลือกันมากในประเทศกัมพูชา หลวงปู่ชื่น ได้มองเห็นกาลไกลไปข้างหน้าว่า “พรเวทวิทยาคม” ที่ท่านกำลังศึกษาอยู่นี้จะเป็นประโยชน์มากแก่การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทั้งยังได้ช่วยเหลือสงเคราะห์ญาติโยมและผู้เดือดร้อนต่าง ๆ ในอนาคตภายหน้าแน่นอน ท่านจึงมุมานะพยายามขยันศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมจนสุดความสามารถ ตลอดจนศึกษาการเจริญวิปัสสนากรรมฐานนั่งสมาธิควบคู่ไปด้วย เพื่อเพิ่มพูนพลังจิตให้แก่กล้าขึ้น “ หลวงปู่ชื่น ท่านเรียนกรรมฐานควบคู่ไปกับวิชาอาคมจนท่านเรียนรู้ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยมีการทดสอบจากผู้เป็นอาจารย์จนเป็นที่พอใจ โดยเฉพาะหลวงปู่เอื้อยท่านมีเมตตาถ่ายทอดวิชาและเคล็ดลับต่าง ๆ ให้ หลวงปู่ชื่น จนหมดสิ้น หลวงปู่เอื้อย ท่านเป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในเขมร ดังชนิดผู้หลักผู้ใหญ่ในเขมรขณะนั้นยังมอบตัวเป็นศิษย์หลายคน” ในเวลาต่อมาเมื่อหลวงปู่เอื้อยมรณภาพลง หลวงปู่ชื่น จึงออกเดินธุดงค์บุกป่าฝ่าดงดิบในดินแดนเขมรเพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์อีกมากมาย จนกระทั่งท่านได้พบกับ หลวงปู่ดี สุวรรณดี บน “เขากุเลน” ซึ่งท่านเป็นพระผู้มากด้วยอภิญญาญาณชั้นสูง และเป็นผู้มีพลังจิตอันลึกล้ำมหัศจรรย์เหนือโลกโดยแท้ ด้วยบุญญาบารมีของ หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ ทำให้ หลวงปู่ดี รับ หลวงปู่ชื่น เป็นศิษย์แล้วจึงพากันออกเดินธุดงค์ไปด้วยกันตามสถานที่ต่าง ๆ “หลวงปู่ชื่น ได้ศึกษากรรมฐานและเวทวิทยาคมกับธาตุทั้ง 4 ตลอดจนเกร็ดเคล็ดลับการสร้าง-การปลุกเสกวัตถุมงคล เครื่องรางต่าง ๆ มากมายจาก หลวงปู่ดี ทำให้ท่านมีวิชาติดตัวมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้” หลวงปู่ชื่น ได้เมตตาเล่าเรื่องราวและประสบการณ์ในการเดินธุดงค์ของท่านให้ฟังว่า “ หลวงปู่ดี ท่านนี้เก่งมาก ท่านเชี่ยวชาญพระเวทแทบทุกชนิด ท่านเคยเสกผ้าให้เป็นนกกระยางได้ และเสกใบไม้ให้เป็นต่อเป็นแตนได้ ทั้งยังรู้ภาษาสัตว์แทบทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านสามารถล่องหนหายตัวและย่นระยะทางได้ ตลอดจนท่านเดินบนผิวน้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย” หลวงปู่ชื่น เล่าว่า หลวงปู่ดี ท่านเคยแสดงให้ดูมาแล้ว ท่านเห็นกับตามาแล้วจึงกล้ามาเล่าให้ฟัง ท่านแสดงให้ดูก็เพื่อให้เป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติธรรมสืบต่อกันไปนั่นเอง “การเรียนวิชาอาคมจะมีฤทธิ์เข้มขลังได้ ต้องประกอบไปด้วยพลังจิตอันเป็นสมาธิแก่กล้าควบคู่กันไปด้วย” หลวงปู่ชื่น กล่าว หลวงปู่ชื่น เป็นพระที่คงแก่เรียนคือท่านชอบศึกษาค้นคว้าตำรับตำราและวิชาการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอักขระเลขยันต์ หรือวิชาอาคมอะไรท่านจะทดลองสร้างทดลองปลุกเสกอยู่เสมอ เมื่อท่านลองแล้วเห็นว่าดีจริงและใช้ได้ผลดีจริงตามตำรา ท่านก็คัดวิชาวิเศษเหล่านั้นมาสร้างมาปลุกวัตถุมงคลให้บรรดาลูกศิษย์ และลูกหลานท่านให้ได้รับแต่สิ่งที่เป็นมงคลเป็นของวิเศษไว้บูชากัน จากการคัดเลือกพิจารณาตรวจจาก หลวงปู่ชื่น แล้วว่า “ดีจริง-เห็นผลจริง” จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์ต่อเนื่องเรื่อยมา จนเป็นที่กล่าวขานร่ำลือจากปากของผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของ หลวงปู่ชื่น ว่ายอดเยี่ยมอยู่ในขณะนี้ ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงขอนำท่านทั้งหลายได้รู้จัก หลวงปู่ชื่น เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้มีโอกาสรู้จัก หลวงปู่ชื่น อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน และใกล้ชิดหลวงปู่มากขึ้น เพราะลูกศิษย์บางคนอยู่ห่างไกลซึ่งยังไม่มีโอกาสเดินทางมากราบไหว้หลวงปู่ จะด้วยสาเหตุและปัจจัยใด ๆ ก็ตาม ผู้เขียนขอเป็นสื่อ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อเป็นการหยั่งความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่ลูกศิษย์ที่มีความเคารพนับถือหลวงปู่ หรือท่านที่มีวัตถุมงคลของ หลวงปู่ชื่น ไว้แล้ว ขอให้รู้ว่าเราทั้งหลายก็เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์องค์เดียวกัน เพราะมีวัตถุมงคลที่มาจากการปลุกเสกจากหลวงปู่ชื่นด้วยกันทั้งนั้น ทั้งนี้เพื่อช่วยจรรโลงเกียรติคุณของ หลวงปู่ชื่น ให้แพร่หลายขจรไป ตลอดยั่งยืนนานต่อไปในภายภาคหน้านั่นเอง พบสหธรรมิกเก่า หลังจาก หลวงปู่ชื่น ธุดงค์ไปในที่ต่าง ๆ มากมาย จนกระทั่งท่านเดินทางไปจำพรรษาอยู่ที่วัดนาราก อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ท่านอยู่ได้ 5 พรรษาจึงได้เดินธุดงค์ต่อเรื่อยไปจวบจนอายุท่านมากขึ้น กำลังวังชาถดถอย ท่านจึงอยู่กับที่ระยะหนึ่ง ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2524 หลวงปู่ชื่นได้รับนิมนต์เดินทางไปปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดแห่งหนึ่งใน เขตจังหวัดบุรีรัมย์ งานนั้น หลวงปู่นิล อนุตโร เจ้าอาวาสวัดตาอีรูปปัจจุบันซึ่งเคยเป็น “สหธรรมิก” (เพื่อน) เก่าก่อนกันมาก็ได้รับนิมนต์จากทางเจ้าภาพให้เป็นพระคู่สวดเช่นกัน หลังจากพระทุกองค์เสด็จจากกิจนิมนต์แล้ว ทางเจ้าภาพได้จัดถวายอาหารเพลให้ฉัน หลวงปู่นิล กับ หลวงปู่ชื่น นั่งฉันในวงเดียวกัน หลวงปู่นิลหันมองพระที่นั่งอยู่ข้างตัว ท่านคิดในใจว่าคล้ายเคยเห็นกันมาก่อน แต่ท่านยังจำไม่ได้ว่าเคยเห็นกันที่ไหน เพราะความที่จากกันมานานหลายสิบปีทำให้ท่านทั้งสองแทบจำกันไม่ได้ หลวงปู่นิลได้แต่คิดในใจว่าพระองค์นี้ทำไมช่างเหมือน หลวงปู่ชื่น เสียเหลือเกิน จนอดใจไม่ไหวจึงเอ่ยถามไปว่า “หลวงพ่อท่านอยู่วัดไหน ชื่ออะไร” หลวงปู่ชื่น ตอบกลับไปทันที “อาตมาชื่อชื่น เป็นพระธุดงค์ยังไม่มีวัดจำพรรษา” หลวงปู่นิล นั่งคิดตั้งนานที่แท้ก็ใช่หลวงปู่ชื่นจริง ๆ ด้วย เมื่อท่านทั้งสองได้นั่งสนทนากันแล้วหลวงปู่นิลจึงได้ออกปากนิมนต์หลวงปู่ชื่นให้มาจำพรรษาอยู่ด้วยกันที่วัดตาอี ประกอบกับช่วงนั้น หลวงปู่ชื่น มีอายุมากแล้วและชาวบ้านตาอีก็ได้นิมนต์ท่านไว้ไม่ให้เดินธุดงค์อีก นับตั้งแต่นั้นมา หลวงปู่ชื่น จึงได้อยู่จำพรรษาที่วัดตาอีเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ เพชรเริ่มทอแสง หลังจาก หลวงปู่ชื่น มาอยู่วัดตาอีแล้วท่านได้เก็บตัวเงียบอยู่แต่ภายในกุฏิหลังเล็ก ๆ เหมือนพระหลวงตาแก่ ๆ ธรรมดา แทบไม่มีใครรู้เลยว่าท่านเป็นพระที่มี “พลังจิต” และมีอาคมเข้มขลังมาก จนกระทั่งกลางปี พ.ศ. 2542 หลวงปู่ชื่นได้สร้างวัตถุมงคลออกมา 2-3 รุ่น ผลปรากฏว่าผู้ที่นำวัตถุมงคลของท่านไปบูชาต่างมีประสบการณ์ต่าง ๆ นานามากมาย จากปากต่อปากทำให้วัตถุมงคลที่ท่านบรรจุพลังจิตเวทวิทยาคมที่มี “พลังมหัศจรรย์” ความวิเศษขลัง ยับยั้งภัยพาล อาถรรพณ์จัญไร ขจัดสรรพทุกข์ สรรพโรค สรรพภัยที่มีอานุภาพ ทั้งเมตตามหานิยม มหาโชค มหาลาภ ค้าขายดีเยี่ยม คุ้มครองป้องกัน ทำให้ชื่อเสียงหลวงปู่ชื่นดังขึ้นมาเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไปมากขึ้นเป็นลำดับ จากปากผู้ที่ได้บูชาวัตถุมงคลของท่านไปบูชาส่วนใหญ่ยอมรับว่าวัตถุมงคลของท่านดีเยี่ยมจริง ๆ ใช้แล้วได้ผลดีเกินคาด ส่วนสาเหตุที่ท่านยอมเปิดตัวและจัดสร้างวัตถุมงคลออกมาเป็นทางการเนื่องจาก ท่านกำลังก่อสร้างอุโบสถซึ่งขาดปัจจัยอยู่อีกมาก อีกประการหนึ่งหลวงปู่เคยบอกไว้ว่า “ถึงเวลาที่ครูบาอาจารย์ท่านให้เปิดตัวแล้ว เพื่อนำความรู้เวทวิทยาคมที่ได้ร่ำเรียนมาสงเคราะห์พุทธศาสนิกชน และจัดสร้างถาวรวัตถุเพื่อการพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป” หินลงสระกลายเป็นงูยักษ์ เมื่อครั้งที่ หลวงปู่ชื่น มาอยู่ที่วัดตาอีใหม่ ๆ นั้น ท่านได้เร่งทำความเพียรปฏิบัติธรรมจนพลังจิตแก่กล้า ด้วยท่านเป็นพระที่รักสันโดษชอบเก็บตัวเงียบ ๆ อยู่แต่ภายในกุฏิ ชาวบ้านจึงคิดว่าท่านเป็นหลวงตาแก่ ๆ ไม่มีอะไร เป็นพระธรรมดาไม่มีวิชาอาคมอันใด ต่อมาทางวัดได้ขุดสระใหม่ ทางเจ้าอาวาสจึงประกาศบอกชาวบ้านว่า “ห้ามลงอาบน้ำในสระ” เพราะสระน้ำแห่งนี้พระเณรต้องใช้ดื่มกิน แต่ชาวบ้านขาดความเกรงใจท่าน ตกเย็นทั้งหนุ่มสาวพากันลงว่ายน้ำเล่นในสระอย่างสนุกสนาน บ้างก็นำผ้ามาซักทำให้ฟองแฟ๊บที่ซักลอยเต็มคุ้งสระ บอกแล้วก็เฉย เตือนแล้วก็ไม่หยุด หลวงปู่ชื่น จึงใช้ไม้ตายเพื่อให้รู้จักที่ต่ำที่สูง และที่ควรมิควรกันบ้าง ท่านจึงนำก้อนหินมาสองก้อน แล้วเสกด้วยคาถาอาคมจากนั้นท่านโยนลงไปในสระน้ำ “สามวันต่อมาพวกที่ชอบลงเล่นน้ำในสระภายในวัดต่างก็ตกใจแตกตื่นขึ้นตลิ่งกันแทบไม่ทัน เพราะเห็นพญางูยักษ์สองตัวว่ายน้ำไปมาในสระให้เห็นกับตากันจะจะ ชาวบ้านตาอีเห็นกันทั้งหมู่บ้าน” เรื่องนี้เป็นที่เลื่องลือกันมากในอำเภอบ้านกรวด ถ้าหากใครมีโอกาสได้ไปที่วัดตาอีลองสอบถามชาวบ้านดูก็ได้ และจากวันนั้นเป็นต้นมาจนกระทั่งถึงวันนี้ก็ไม่มีใครกล้าลงไปเล่นน้ำในสระที่วัดตาอีกันอีกเลย... dd333  5005 06 1 07 08 2 DD888 7121 22 3 23 24 4 31 32 8 33 34 9 สส103 243 244 1 


เขียนโดย :somkiatthornburi เจ้าของรายการ November 28, 2015 15:29:59

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระชุดภาคใต้/5823579


เปิดราคาวัดใจ เคาะเดียว บอกได้เลยว่า ตอนนี้มาแรงมาก จากประสพการณ์ ห้อยแล้วใช้ดี คนจึงบอกต่อ ตอนนี้เนื้อหลักๆ ราคาหลายหมื่นแล้วครับ ชุดนี้เพิ่งได้มาเลยมาลงให้เก็บกันครับ ราคาขึ้นรายวันเลยครับ ถ้าไม่เก็บตอนนี้ รอบหน้าแพงกว่านี้ครับผม   องค์นี้แพ้นมาแล้ว เลี่ยมได้เลย ไม่ต้องไปรอคิวเพ้นครับ   หน้ากากพรานบุญ(ผสมเนื้อหลังคาโบสถ์)รุ่นแรก. "พ่อแก่เจ้าแสง วัดประเวศน์ภูผา(บ้านตรัง) จ.ปัตตานี" กฐินฯ พ.ศ.๒๕๕๗ ขนาด(สูงประมาณ ๒.๓ ซม.)ออกแบบสวยงาม สภาพฟอร์มสวย เก็บเก่าพร้อมกล่องเดิมๆ ของดี/น่าใช้น่าเก็บ... ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- พุทธคุณ... *** บันดาลโชค-โภคทรัพย์. *** “ไม่มีการค้าใดหรือการทำสิ่งใดจะได้ผลตอบแทนมากเท่าพรานบุญ เพราะ พรานบุญจับนางมโนราห์ได้เพียงนางเดียว เช้ารุ่งขึ้นก็ได้รับบำเหน็จจากกษัตริย์ ครองเมือง ๑ เมือง พร้อมทรัพย์สมบัติและบริวารมากมาย.” *** เมตตามหานิยม-เป็นที่รักของคนหมู่มากไม่มีใครเกลียด. *** "แม้ในการละเล่นโนราห์ของภาคใต้ เมื่อถึงเวลาพรานบุญออกมาแสดงก็จะเรียกเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขจากผู้ชมได้เสมอ ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะแสดงกี่ครั้งก็ตาม."                  มีพระอีกหลายรายการน่าสนใจ กดเลย ----->  <-----                       มีพระอีกหลายรายการน่าสนใจ กดเลย ----->  <-----                       มีพระอีกหลายรายการน่าสนใจ กดเลย ----->  <-----                       มีพระอีกหลายรายการน่าสนใจ กดเลย ----->  <-----         


เขียนโดย :พุทธภัณฑ์ เจ้าของรายการ October 19, 2015 05:57:31

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/เครื่องราง-ล็อกเก็ต/5663798


ขุนแผน สาริกา รุ่นแรก พิมพ์ใหญ่ ตะกรุดทองคู่ หลวงพ่อเอิบวัดซุ้มกระต่าย สวยมากๆ กล่องเดิม  อย่าลืมดูรายการอื่นๆนะครับ ^_^  กดที่ จ้า


เขียนโดย :ekincheng เจ้าของรายการ September 23, 2015 08:00:03


พระผงญาณวิลาศ โรยผงตะไบพระบูชา ภปร. ปี ๒๕๐๘ วัดบวรฯ  พิมพ์พระขุนแผน หลวงพ่อแดงวัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี ปี ๒๕๑๓ องค์นี้เป็นพิมพ์ตื้น แก่มวลสาร   พระผงญาณวิลาศหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ ปี ๒๕๑๓ ทั้งหมดนั้น  หลวงพ่อแดงท่านปลุกเสกเดี่ยว ๓ ไตรมาส และนำออกแจกจ่ายในปี ๒๕๑๔ โดยมีหลากหลายพิมพ์เช่น พิมพ์สมเด็จ ซึ่งจะแบ่งเป็นพระพิมพ์ตื้นและพิมพ์ลึก   พิมพ์คะแนนก็มีจัดสร้าง พิมพ์นางพญา พระพิมพ์ปิดตา ซึ่งมีทั้งพิมพ์จัมโบ้และพิมพ์เล็ก โดยทั้งหมด จะมีเนื้อ ๖ สี คือ เนื้อขาวอมเหลือง(สีเนื้อ) แดง เหลือง เทาอมดำ  แดงอมดำ(ดินเผา) และ ดำ นอกเหนือจากเนื้อผงแล้ว ยังมีเนื้อดินเผา รวมถึงเนื้อชินตะกั่วด้วย  (โดยสีดังกล่าวข้างต้นอาจมีแก่อ่อนไปบ้างทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ที่ตำมวลสาร ใส่ผงพุทธคุณต่างๆไม่เท่ากัน  ผสมมากบ้างน้อยบ้าง ทั้งตำทั้งกดพิมพ์ด้วยมือ) และนอกจากนั้นยังมีพระพิมพ์อื่น ๆ อีกเช่น พิมพ์พระขุนแผน พิมพ์พระขุนช้าง พิมพ์พระพุทธและพระอัครสาวก เป็นพระที่สร้างขึ้นเพื่อแจกจ่ายแก่คณะจัดสร้าง ในวงการพระเครื่องทั่วไปไม่รู้จัก และมักตีเป็นนอกพิมพ์ แต่ความเป็นจริงแล้วเป็นของที่จัดสร้างในครั้งเดียวกัน เพียงแต่แจกจ่ายกันเฉพาะวงในเท่านั้น คลิกที่ตัว  มีรายการวัดใจอีกค่ะ  


เขียนโดย :nareerat เจ้าของรายการ September 18, 2015 11:45:17

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระเนื้อผง-เนื้อว่าน/5555970


"มหัศจรรย์พลังพระขุนแผน แห่งสยามประเทศ" พระผงขุนแผนเนื้อดำพิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อโชติ วัดตะโน สวยแชมป์ หายากขี้นทุกวันแล้ว ยิ่งเนื้อสีแดงยิ่งหายาก 


เขียนโดย :เต็มบาตร เจ้าของรายการ August 24, 2015 04:25:03

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระชุดภาคใต้/5573691


พิมพ์สังขจาย//////สมเด็จโต๊ะหักอาจารย์ทองวัดสำเภาเชยปี2529เนื้อผงพุทธคุณผสมว่านเก่าหลวงปู่ทวดปี97พระกลำงขี้นไขว่านสวยมากๆครับรับรองแท้ๆได้รับจากกุฎิอาจารย์ทองโดยตรงสิบกว่าปีก่อนหลวงพ่อแบ่งให้วัดแถวตลิ่งชันมาออกวัดหารายได้สมัยก่อนไม่ได้ทำกล่องวัดจัดส่งใส่กล่องพระธรรมดาเปิดราคาถูกมากเทียบกับอายูพระพระขอบท่านปกติจัดสร้างราคาวัดจะแพงมากครับรับรองของแท้รับจากกุฎิท่านโดยตรงออกวัดไม่มีกล่องวัดใส่กล่องธรรมดาอาจารย์ทองปลุกเสกมีประสพการณ์มากมายคงกระพันแคล้วคลาดโดยเฉพาะพระที่ปลุกเสกก่อนปี40จะไม่มีนายทุนมาจัดสร้างวัดทำเองเจตนาและเงินที่ได้จะมาทำบุญเข้าวัดอย่างบริสุทธิ์ครับ เคยมีคนเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวไปบ่นให้ท่านฟังว่าขายไม่ดีท่านโยนตระกรุดบอกว่าไปแขวนหน้าร้านแล้วปรากฎว่ามีผลขายดีมากขนาดคู่แข่งร้านช้ายขวามองดูตาปริดๆครับ ราคาแถววัดองค์เป็นพัน พระของอาจารย์จะแพงทุกรุ่นเปิดราคามากันเองมากมีไม่มาก พระมีเอกลักษณ์สีพระกำลังชั้นไขว่านไม่มีทางปลอมได้คนที่เคยเห็นพระอาจารย์ทองดูก็รู้ทันทีด้านหลังโค้ดก้นหอยและตรายางสำเภาเชย รับรองแท้ไม่ต้องห่วงไม่หากินกับของปลอมเอาชื่อเสียงเป็นประกันไปแห่ได้ อาจารย์ทองปลุกเสกแมงปอไม้บินได้ดังมากๆและปลุกเสกเหรียญกระโดดออกจากบาตรพระประจำเลยหลวงพ่อจะแอบเก็บเอาไว้ไว้แจกคนที่ไปเยี่ยมโดยไม่ไห้กรรมการรู้ตระกรุดอาจารย์ทองปลุกเสกปี20องค์ละสามพันห้าแพงมาก ขนาดเท่ากับแสตมป์ในหลวงธรรมดา ประวัติพระสมเด็จโต็ะหัก เดิมทีประมาณปี 2529 อาจารย์ทองได้สร้างพระพุทธรูปมาใหม่ต่อมาก็มีผู้หญิงมาจากปัตตานี มาบอกอาจารย์ว่าตอนเดือน12นี้เขาอยากขายกระทงแล้วจะทำอย่างไรดีจึงจะขายดีอาจารย์ทองก็เลยให้พระพุทธรูปนี้ไป1องค์ พอคีนวันลอยกระทงปรากฎว่าผู้หญิงคนนี้พาลูกน้องไปช่วยขายกระทง5คนพอเวลาขายก็ขายดีมากลูกน้องช่วยกันเย็บกระทงไม่ทันขายจนโต็ะที่ตั้งขายกระทงนั้นหัก เนื่องจากมีคนมารุมฃื้อกันมากแล้วหลังจากนั้นเขาก็มาบอกอาจารย์ว่าเขาขายดีมากจนโต็ะที่ตั้งขายกระทงนั้นหัก เขาก็เอาเงินมาทำบุญกับอาจารย์อีก ส่วนหนี่งก็เอากลับไปเป็นทุน และ หลังจากนั้นอาจารย์ทองก็เลยตั้งชื่อพระนั้นว่าพระสมเด็จโต็ะหักเป็นต้นมา หลวงพ่อทองหรืออจ.ทองวัดสำเภาเชยปัตตานีเป็นพระเกจิอาจารย์อีกท่านหนื่งที่เคยนั่งปรกปลุกเสกหลวงพ่อทวดปี97และอีกหลายรุ่นร่วมกับอาจารย์ทิมวัดช้างไห้อันโด่งดังโดยตลอด ในส่วนวัตถุมงคลของอาจารย์ทองเองทุกรุ่นล้วนได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากศิษยานุศิษย์เสมอมาเพราะมีประสบการณ์เป็นเลิศด้านเมตตามหานิยมและโชคลาภโดยเฉพาะเครื่องราง แมงปอทองเรียกทรัพย์ รุ่นแรก ผู้ใดมีไว้บูชารับรองว่าไม่มีจน ถ้าทำดีมีศีลธรรมกล้าท้าพิสูจน์ คัดลอกจากหนังสือคนรักพระฉบับที่92 27.1 4222 DD 444 5199 5200 1 5205 06 4   บบ102 3529 30 1 31 32 2 พระออกวัดสมัยก่อนไม่มีกล่องพระใส่กล่องพระธรรมดา


เขียนโดย :somkiatthornburi เจ้าของรายการ August 05, 2015 01:36:57


ท้าวเวสสุวรรณ รุ่น โภคทรัพย์ หลวงพ่อเอิบ วัดหนองหม้อแกง (วัดซุ้มกระต่าย) เนื้อทองแดงผิวไฟ สร้างจำนวน ละ999 องค์ ขนาดความสูง 4.5 ซ.ม. กว้าง 2 ซ.ม. มีโค๊ดและหมายเลขกำกับทุกตน


เขียนโดย :คุณพระช่วย888 เจ้าของรายการ July 22, 2015 08:07:41

หน้าที่ :  3