Tasom

ข้อมูลสมาชิก – Tasom

เริ่มเป็นสมาชิก: July 02, 2014 10:03:07 , สถานะ: ปกติ , ตั้งประมูล: 0 รายการ , รายการที่ยังไม่ปิด: 0 รายการ , คำชม: 123 รายการ , คำติ: 0 รายการ

ประวัติ Feedback

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระสมเด็จทั่วไป/5722898


เวปประมูลก็ต้องเคาะประมูล ชิมิๆ เคาะกันวันละนิดจิตแจ่มใส พี่ๆแต่ละท่านก็มี ((( สไตล์ ))) ที่แตกต่างกัน อย่าว่างั้นงี้เลย ปอดกับหัวใจนู๋ไม่ค่อยแข็งแรง " พี่ๆคงไม่ปล่อยให้นู๋เร้าใจอยู่คนเดียวนะคร๊าบบบ "   พี่ๆแวะชมดูแล้วล็อคอินกันรึยังจ๊ะ วันนี้เปิด พรุ่งนี้ปิด ??? ลับแป้นรอกันเร้ยยย..ไม่เก็บวันนี้วันหน้าจะไม่มีให้เก็บนะจ๊ะ พระกดพิมพ์มาแต่เดิม ผ่านการเก็บ ไม่ผ่านการใช้ ...ผงเก่าเพียบๆๆๆ...   พระสมเด็จจิ๋ว วัดประสาทบุญญาวาส ปี2506 เนื้อขาว  (((  สูง 1.10 ซ.ม.  )))  เก่าถึงยุค ...คลาสสิคสุดๆ  ควรค่าแก่การบูชา น่าสะสมจังเลยคร๊าบ...   มีข้อมูลดี ดี บางช่วงบางตอน พี่ๆแวะมาศึกษาร่วมกัน อ่านกันเพลินๆนะคร๊าบ เครดิต http://www.web-pra.com/Shop/wison/Show/763593  ขอบพระคุณคร๊าบ   วัดประสาทบุญญาวาส สร้างขึ้นเมื่อราวๆ พ.ศ. ๒๓๗๖ ได้รับวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๙ ใช้ชื่อวัดว่า วัดคลองสามแสน เพราะอยู่ใกล้คลองสามแสน (ปัจจุบันเรียกคลองสามเสน) ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดขวิด เพราะมีต้นมะขวิดอยู่ด้านข้าง อุโบสถขนาดใหญ่ ๒ ต้น และประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๖ ก็เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ เสนาสนะ หลายหลังพร้อมทั้งอุโบสถหลังเดิมก็ถูกไฟไหม้เสียหายส่วนหนึ่ง เจ้าอาวาสในขณะนั้นคือ พระครูสมุห์อำพล พลวฑฺฒโน ได้สร้างอุโบสถขึ้นใหม่ ประวัติการสร้าง พระวัดประสาทบุญญาวาส ๒๕๐๖ ในปี ๒๔๙๘ วัดประสาทบุญญาวาสถูกเพลิงเผาผลาญครั้งใหญ่ คืนหนึ่งพระอาจารย์ทิม เจ้าอาวาสวัดช้างให้ ได้นิมิตถึงหลวงปู่ทวด มาบอกให้ท่านไปช่วยบูรณะ วัดประสาทบุญญาวาส กรุงเทพฯ ด้วยเนื่องจากถูกไฟไหม้ พระอาจารย์ทิมจึงได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อสืบข่าวว่านิมิตดังกล่าวเป็นความจริง หรือไม่ โดยเข้าจำวัดที่วัดเอี่ยมวรนุช และได้รับการยืนยันว่า วัดประสาทบุญญาวาสถูกไฟไหม้จริง พอทราบท่านจึงเดินทางไปที่วัดประสาทบุญญาวาส เพื่อปรึกษาหารือกับพระครูสมุห์อำพล ในการบูรณะวัดประสาทบุญญาวาส ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ต่อมาในปี ๒๕๐๒ พระอาจารย์ทิม เจ้าอาวาสวัดช้างให้ ได้นำแม่พิมพ์และมวลสาร พระหลวงปู่ทวดรุ่นแรกปี ๒๔๙๗ พร้อมว่านแร่ดินกากยายักษ์มาให้วัดประสาทบุญญาวาส เพื่อใช้เป็นส่วนผสมในการสร้างพระหลวงปู่ทวดเนื้อว่านดำ แดง ขาว พิมพ์ที่ด้านหลัง มีเจดีย์ และพิมพ์ที่ด้านหลัง ไม่มีเจดีย์ พระครูบริหาร คุณวัตร เจ้าอาวาสวัดใหม่อมตรส ได้มอบพระสมเด็จบางขุนพรหมที่แตกหัก ชำรุดจากรุ่นเปิดกรุในปี ๒๕๐๐ เพื่อใช้เป็นส่วนผสมในการสร้างพระหลวงปู่ทวดด้วย ซึ่งพระสมเด็จบางขุนพรหม รุ่นนี้ปลุกเสกโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังฯ เมื่อประมาณปี ๒๔๑๓ รายนามพระเกจิคณาจารย์ร่วมปลุกเสกอธิษฐานจิต อาทิ พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้, หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงปู่เขียว วัดหรงบล, หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่, หลวงปู่นาค วัดระฆังโฆสิตาราม และพระเกจิดังๆในสมัยนั้นเป็นร้อยรูป ประมาณว่าเราไม่ต้องมีหรือแขวนวัตถุมงคล ของหลวงพ่อหลวงปู่หลายๆท่าน แต่มีพระวัดประสาทไว้สักองค์หนึ่งก็พอแล้ว   (เพื่อความอุ่นใจ..พี่ๆลองเช็คราคานอกเวปดูก่อนเข้าร่วมประมูลนะคร๊าบบบ ^_^) หมายเหตุ ทุกข้อสงสัยล้วนมีคำตอบ สงสัยเรื่องใดเมล์ถามข้อมูลได้เลยคร๊าบบบ พี่ๆ ชาวดี ดี..... *** จัดส่งพระตามรูป รับประกันตามกฎเวป *** ผู้ชนะการประมูลโอนเงินแล้วรบกวนฝากข้อความในกล่องข้อความหรือโทร.แจ้งก็ได้นะครับ เพื่อความรวดเร็วในการจัดส่ง จัดส่งไปรษณีย์ลงทะเบียน ปลอดภัย ไร้กังวล คร๊าบ... ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะเยี่ยมชมหรือเข้าร่วมการประมูล ขอบพระคุณคร๊าบบบ ^_^


เขียนโดย :thaiart เจ้าของรายการ September 16, 2015 06:53:48

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระเนื้อผง-เนื้อว่าน/5686888


พระคำข้าว หลวงพ่อฤาษีลิงดำ สวยๆ


เขียนโดย :โบ้พิบูล เจ้าของรายการ September 04, 2015 14:00:04

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระชุดภาคอีสาน/5687817


วัดใจ 10บาท!! เหรียญครอบจักรวาล หลวงปู่บุญหนา สวยมากๆ พร้อมใช้  อย่าลืมดูรายการอื่นๆนะครับ ^_^  กดที่ จ้า 


เขียนโดย :ekincheng เจ้าของรายการ September 03, 2015 05:48:57

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระปิดตาทุกสำนัก/5573416


จัดส่งฟรี รับประกันตามกติกาเวปครับ


เขียนโดย :tanakrit2011 เจ้าของรายการ August 29, 2015 10:00:02

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระเนื้อผง-เนื้อว่าน/5610224


วิธีอาราธนา พระคำข้าว คำอาราธนา ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหมด รวมทั้ง เทวดาและพรหม ครูบาอาจารย์ทั้งหมด มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.อยุธยา   ตั้งนะโม ๓ จบ ปฎิบัติตามปกติว่า อิติปิโส ๑ จบ หลังจากนั้นให้อธิษฐานเอาตามความประสงค์ เมื่ออธิษฐานแล้ว ปลุกด้วยคาถาปลุกพระของหลวงพ่อปานว่า “ อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะ เดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่ง แก่มะอะอุนี้เถิด” เกร็ดความรู้บางอย่างที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุงพูดถึงเกี่ยวกับพระคำข้าว (คัดลอกจากหนังสือ ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๙ โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(ฤาษีลิงดำ) อันดับแรกที่เราจะทำอะไรทั้งหมด ตื่นขึ้นมาใหม่ ๆ นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน นึกถึงด้วยความเคารพ เพื่อหวังพระนิพพานก็ตาม นึกถึงเพื่อขอลาภสักการะก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการนึกถึงพระพุทธเจ้าเหมือนกัน อันดับแรกนะ อย่างมี พระคำข้าว- พระคำข้าวน่ะ หนักไปในทางลาภสักการะ อย่างอื่นก็มีหมด แต่ลาภน่ะหนักมาก และก็หยิบขึ้นมาพนมมือ สาธุ ว่า นะโม ตัสสะ ใช่ไหม ว่านะโมตัสสะ ด้วยความเคารพ และอธิฐานว่า วันนี้ต้องการ...(ลาภอย่างไร)  เป็นอันว่า เราอยากจะให้ค้าขายดี ทำราชการดี เมตตาปราณี อะไรก็ตามเถอะ ก็อย่าลืมว่าเวลานั้นเรานึกถึงพระพุทธเจ้า เราขอบารมีจากท่าน อย่างนี้ถือว่าเป็น ฌาน ในพุทธานุสติกรรมฐาน ถ้านึกถึงทุกวันน่ะ ถ้าถึงเวลาแล้วต้องทำอย่างนั้นทุกวัน ถ้าไม่ทำแล้วไม่สบายใจ นั่นเป็นฌานในพุทธานุสติ เป็นของง่าย ๆ เพราะวันนี้ท่านบอกให้พูดง่าย ๆ ใช้วิธีง่าย ๆ นะ ก็ว่าตามท่าน  ...ทีนี้เมื่อเมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัท นึกถึงพระพุทธเจ้าแล้ว อย่าลืมพระที่ คอ นี่คือพระพุทธเจ้า อย่าง พระคำข้าว เป็นพระพุทธชินราช อย่าลืมน่ะ คือก็เหมือนกับพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งนั่นแหละ เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าท่าน และเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าท่านก็มาทำ อันนี้ไม่ได้โฆษณานะ พูดให้ฟัง คือเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าทุกองค์เสด็จมาหมด สมเด็จองค์ปฐมเป็นประธาน อยู่ข้างบนใช่ไหม และ สมเด็จองค์ปัจจุบันคุมฉัน ท่านปล่อยกระแสจิตพุ่งสว่างเป็นลำพุ่งมาที่ใจฉัน แล้วบอกเธอนั่งนิ่งๆ อย่าคิดถึงเรื่องอะไรทั้งหมด ห้ามดูอะไรทั้งหมด ให้ทรงอารมณ์เฉยๆ ๑๐ นาที ก็ทำตามท่าน แล้วท่านก็สั่งว่า ให้ว่าอิติปิโสฯ หลัง ๑๐ นาทีแล้ว ท่านบอกดูได้พุ่งใจไปที่ของได้ พอพุ่งใจไปที่ของ ที่เห็นเป็นลำ ไม่เห็นของที่ปลุกเลย แสงพระพุทธเจ้ากลบหมด หนามาก พระคำข้าว เด่นทางมหาลาภ มีรูปพระพุทธชินราช (พระพุทธกัสสป) ด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อ หลวงพ่อเคยบอกว่า สมเด็จเด็จองค์ปฐม ได้ให้พระพุทธกัสสป-พระพุทธทีปังกร คุมเรื่องลาภ  (คัดลอกจากหนังสือธัมมวิโมกข์ฉบับที่ ๑๔๕ หน้า ๖๓) ..."องค์ปฐมก็มา และพระพุทธกัสสปก็มา สมเด็จพระพุทธทีปังกรก็มา...องค์ปฐมท่านบอกว่า เรื่องลาภนะ สมเด็จพระพุทธกัสสป หนักที่สุด และรองลงมาคล้ายคลึงกันคือ สมเด็จพระพุทธทีปังกร ก็เลยถามท่านว่า "พระพุทธเจ้ามีบารมีเต็มเหมือนกัน ทำไมแตกต่างกันเรื่องลาภ" ท่านบอกว่า "สุดแล้วแต่การเริ่มต้น คู่อันไหนแรงกว่ากัน"...ท่านบอก "ให้พระพุทธกัสสปคุมเพราะลาภมาก" องค์ปฐมบอกว่า..."ลีลาต่างกันนิดหนึ่ง... ...สมเด็จพระพุทธทีปังกร : มีกำลังแข็งมากสู้แรงมาก  ...พระพุทธกัสสป : ท่านนิ่มนวลในทางลาภมหาศาล  ...แต่ลาภมหาศาลทั้งคู่ : ท่านก็เลยบอกว่าเป็นหน้าที่ของทั้ง ๒ องค์ หลวงพ่อเคยบอกเกี่ยวกับราคาพระคำข้าวในอนาคต (ท่านพูดไว้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ในหนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๒๓ ประจำเดือนพฤษภาคม หน้า ๑๕) -หลวงพ่อ: ...."ก็ก่อนจะทำ (ทำพระคำข้าว) พระพุทธเจ้าท่านบอกแล้วให้ทำ บอกให้มันรวยทั้งวัดทั้งบ้าน  คือว่าเอาไปขึ้นราคานิดหน่อยใช่ไหม ๑๐๐, ๒๐๐ ไม่หนักนัก อีก ๓๐ ปีหลายหมื่น  - ผู้ถาม: เฉพาะพระคำข้าวนี่หรือครับ?  - หลวงพ่อ: ใช่ขอยืนยัน หลวงพ่อปรารภวันปลุกเสกพระคำข้าว คำขึ้นต้นด้วย....ศัตรูสลาย....ศัตรูทั้งหลายพินาศ....โรคบรรลัย.... ลาภ....เสกข้าว 10 บทกว่า.... เวลาเสกข้าวเห็นพระพุทธเจ้าอย่างชัดเจน ไม่งั้นวางข้าวไม่ได้ แล้วตากแดด....เวลาปลุกเสก มีรัศมีสวยและเป็นคลื่นไม่เคยเห็นเลย รัศมีขึ้นแบบคลื่นแม่น้ำ แต่ก่อนเป็นรัศมีบาง ๆ พระอย่างอื่น ทำ 10 ชั่วโมง ก็มากแล้ว นี่พระคำข้าวต้องทำ 3 เดือน ต้องเห็นพระชัด แล้วว่าคาถา 10 บทกว่า บอกวางได้ จึงต้องวางลง ไปที่อื่นต้องทำทุกวัน จะคอยเข้าพรรษา ไม่ใช่ว่าไปที่อื่นแล้วไม่เอาไม่ใช่นะ หลวงพ่อปรารถว่าเป็นพระที่มีลาภมาก ทำแบบเดียวกับสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ในวันข้างหน้าราคาหลายหมื่น รับประกันตามกฏทุกประการทุกเงื่อนไข ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาร่วมประมูลหรือแวะชม ขอให้ร่ำรวยและมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ครับสาธุ 


เขียนโดย :kkk2515 เจ้าของรายการ August 13, 2015 06:10:09

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระชุดภาคอีสาน/5590418


หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม พระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ในยุคปัจจุปัน โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ๒ รศ.ดร.ปฐม - ภัทรา นิคมานนท์ เรียบเรียง เผยแพร่โดยได้รับอนุญาต  ๑  พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต บรรดาศิษย์สายกรรมฐานส่วนใหญ่มักจะคุ้นชื่อและได้ยินกิตติศัพท์ของ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เป็นอย่างดี ท่านมีปฏิปทาที่แปลก น้ำใจเด็ดเดี่ยว โผงผาง ตรงไปตรงมา มีแง่มุมต่างๆ ที่ครูบาอาจารย์มักจะกล่าวถึงเสมอๆ และเล่าถ่ายทอดต่อกันมา ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นที่น่าสนใจทั้งผู้เล่าและผู้ฟังเป็นอย่างยิ่ง จัดได้ว่า หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม  เป็นพระป่าที่ดังมากองค์หนึ่ง ในบรรดาศิษย์รุ่นแรกๆ ของ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต หลวงปู่ตื้อ เป็นศิษย์องค์หนึ่งที่ออกธุดงค์ติดตามหลวงปู่มั่น ไปหลายปี ในแถบป่าเข้าทั้งทางภาคอีสานและภาคเหนือ ท่านเป็นศิษย์องค์หนึ่งที่หลวงปู่มั่นไว้วางใจ และมักพูดกับสานุศิษย์ทั้งหลายว่า “ใครอย่าไปดูถูกท่านตื้อนะ ท่านตื้อเป็นพระเถระ” บรรดาศิษย์รุ่นหลังจะรู้จักหลวงปู่ตื้อดี เพราะท่านเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ หลวงปู่ตื้อ กับ หลวงปู่แหวน มักจะเดินธุดงค์ไปด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ ทั้งๆ ที่อุปนิสัยของหลวงปู่ทั้งสององค์นี้ผิดกันไกล แต่ท่านก็ไปด้วยกันได้เป็นอย่างดี หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่แหวน และหลวงปู่ขาว อนาลโย ท่านสนิทสนมกันมากที่สุด นี่ว่าตามคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์ ท่านว่าไว้อย่างนั้น จุดเด่นที่ทำให้หลวงปู่ตื้อ เป็นที่กล่าวขวัญกันมากคืออุปนิสัยขวานผ่าซากในวาจา ท่านมีนิสัยโผงผางไม่กลัวใคร มีเทศนาโวหารที่ไม่เคยไว้หน้าใครไม่ว่าคนมั่งมีหรือยาจกท่านใช้คำพูดเหมือนกันหมด พูดตรงๆ ไม่ต้องเสกสรรปั้นแต่ง ท่านบอกว่า ท่านเทศน์ตามความจริง ไม่ได้เทศน์เพื่อเอาสตางค์หรือเทศน์เพื่อเอาใจใคร ญาติโยมบางคนบอกว่า หลวงปู่ตื้อ เทศน์หยาบคาย รับไม่ได้ก็มี มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่ง หลวงปู่ กำลังแสดงธรรมเทศนาอยู่ ท่านเทศน์ผ่านเครื่องขยายเสียง มีญาติโยมบางกลุ่มคุยกันจ๊อกแจ๊ก แข่งกับการเทศน์ของท่าน ในขณะที่ท่านหลับตาเทศนาอยู่ ท่านได้หยุดเทศน์ฉับพลัน แล้วพูดผ่านไมโครโฟนเสียงดังว่า “เอ้า ! หลวงตาตื้อเทศน์ให้ฟัง พวกสูบ่ฟัง เอ้า ! ฟังตดซะ” แล้วก็มีเสียงประหลาดดังผ่านลำโพงออกมาสองสามชุด ทุกคนเงียบกริบ โยมคนหนึ่งตั้งสติได้ก่อนเพื่อน จึงพูดเสียงดังว่า “ขอให้หลวงตามีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์” แล้วโยมคนอื่นๆ ก็ยกมือ และกล่าวพร้อมกับว่า “สาธุ !” ในการเทศน์อีกครั้งหนึ่ง ได้มีกลุ่มพระภิกษุหนุ่ม เป็นมหาเปรียญและได้รับการศึกษาที่ทันสมัย ตามมาฟังเทศน์ด้วยในระหว่างที่หลวงปู่ตื้อขึ้นเทศน์ พระภิกษุหนุ่มเหล่านั้นซุบซิบกันพอได้ยินในกลุ่ม ไม่สามารถได้ยินไปถึงหลวงปู่ได้อย่างแน่นอน บรรดาพระหนุ่มซุบซิบกันว่า หลวงปู่ตื้อไม่พัฒนา เทศน์โบราณ มีแต่ของเก่าๆ ไม่ทันยุคทันสมัยเลย หลวงปู่ ท่านหยุดเทศน์ เดินตรงไปยังพระรูปนั้น ท่ามกลางความงุนงงของบรรดาญาติโยม ท่านนิมนต์พระภิกษุหนุ่มรูปนั้นขึ้นเทศน์ แล้วท่านก็พูดเสียงดังชัดเจนว่า “เอ้า ! หลวงตาจะคอยฟังคุณเหลน คุณมหา ขอให้เทศน์เอาแต่ของใหม่ๆ นะ...” พระมหาหนุ่มรูปนั้นก็เดินขึ้นธรรมาสน์ด้วยความมั่นใจ คงคิดที่จะเทศนาธรรมแบบใหม่ตามยุคสมัย ตามแบบพระผู้มีปริญญามหาเปรียญ เมื่อพระมหาหนุ่มขึ้นต้นว่า “นะโม...” เท่านั้น หลวงปู่ตื้อ ท่านก็บอกให้หยุดเทศน์ “หยุด หยุด คุณเหลน หยุด ไม่เอา - ไม่เอา นะโม มันของเก่า มีมากว่าสองพันปีแล้วคุณเหลน...” ญาติโยมทั้งศาลาหัวเราะกันฮาครืน ! หลวงปู่ตื้อ ท่านคุ้นเคยกับ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺธโร) แห่งวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน เวลาเข้ากรุงเทพฯ หลวงปู่จึงมาพักที่วัดแห่งนี้เสมอ ท่านสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กล่าวถึงหลวงปู่ตื้อ ว่า “หลวงปู่ตื้อนี้ ท่านไม่กลัวใคร ไม่ว่าสมเด็จฯ หรือแม้แต่ท่านอาจารย์มั่น ท่านก็ไม่กลัว ท่านเป็นพระที่จัดว่าดื้อทีเดียว...” เรื่องที่หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม  ชอบทำอะไรแปลกๆ ผิดไปจากสมณะรูปอื่นนี้ หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร ได้เล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า     “พระอรหันต์นั้น เปลี่ยนวาสนาเดิมไม่ได้ นอกจากพระพุทธเจ้าเท่านั้น จึงจะเปลี่ยนวาสนาเดิมได้ แม้แต่พระสารีบุตร ท่านก็ยังเดินเหินไม่เรียบร้อย กระโดกกระเดก” (เพราะในอดีตชาติพระสารีบุตรเคยเป็นลิงป่ามาก่อน บุคลิกลักษณะเดิม หรือที่พระท่านเรียกว่า วาสนาเดิมจึงยังติดตัวอยู่ ละได้ไม่หมด__ผู้เขียน) หลวงปู่หลุย ได้เล่าต่อไปว่า : - “เมื่อครั้งพุทธกาล มีพระอรหันต์รูปหนึ่งไปเรียกผู้อื่นว่า บุรุษถ่อย ผู้ถูกเรียกก็พากันกราบทูลพระพุทธองค์ พระองค์ตรัสว่า มันเป็นนิสัยเดิม เปลี่ยนไม่ได้ แต่จิตของพระรูปูนั้นท่านไม่มีเจตนาที่จะดูถูกใครว่าเป็นคนเลว ทว่ามันติดปาก เลิกไม่ได้” ผู้เขียนเคยกราบเรียนถาม หลวงปู่เพ็ง พุทฺธธมฺโม ในปัญหาเดียวกันนี้ คำตอบโดยสรุปท่านว่า “พระอรหันต์ท่านไม่มีมายา ยังมีเหลือแต่กริยา ซึ่งไม่ต้องปรุงแต่ง แสดงออกไปตรงๆ ตามวาสนาเดิมของท่าน ไม่สามารถแก้ให้หายได้ นอกจากพระพุทธเจ้าองค์เดียวเท่านั้น...” หลวงปู่เพ็งท่านยังยกตัวอย่างหลวงปู่บุดดา ถาวโรแห่งวัดกลางชูศรีเจริญสุข จังหวัดสิงห์บุรีว่า “...มีอีหนูพยาบาลคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัว เช็ดขี้ เช็ดเยี่ยวให้ท่าน จะหาว่าท่านอาบัติไม่ได้หรอก เพราะจิตของท่านพ้นสมมุติไปแล้ว เรื่องเพศชาย-หญิงไม่สามารถทำให้ท่านเกิดกามกิเลสได้ ไม่เหมือนกับจิตปุถุชนทั่วไป...” เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องน่าคิดสำหรับผู้สนใจใฝ่ธรรม เรื่องศีล เรื่องวินัย เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวดก็จริง แต่เมื่อดวงจิตหลุดพ้นจากสมมุติแล้ว เรื่องกรอบของศีลของวินัยก็มิใช่เรื่องจำเป็นสำหรับท่านแล้ว แต่...ถ้าอยู่ในสังคมก็เป็นจุดที่ทำให้ผู้ที่ไม่รู้ยกขึ้นมาเป็นประเด็นตำหนิเพ่งโทษได้ ทำให้ผู้ไม่รู้บาปได้เหมือนกัน จึงต้องระวัง !   ๑๙  หาเรือข้ามแม่น้ำโขง ตอนที่หลวงปู่ตื้อกับหลวงปู่แหวนพบกัน และเริ่มออกธุดงค์ด้วยกันใหม่ๆ ทั้งสององค์ได้มุ่งหน้าข้ามแม่น้ำโขงไปทางสุวรรณเขต ในประเทศลาว ตอนจะข้ามแม่น้ำโขง หลวงปู่ตื้อได้แสดงอะไรบางอย่างให้หลวงปู่แหวนดู เรื่องมีอยู่ว่าทั้งสององค์หาเรือข้ามฟากไม่ได้ แม่น้ำโขงก็ไหลเชี่ยวจัด เพราะเป็นคุ้งน้ำไหลผ่านช่องเขาค่อนข้างแคบ หมู่บ้านใกล้สุดก็อยู่ห่างออกไปไม่น้อยกว่าหนึ่งกิโลเมตร มองไม่เห็นเรือนแพอยู่แถวนั้นเลย หลวงปู่ตื้อบอกว่า “ท่านแหวนไม่ต้องวิตก เดี๋ยวก็มีเรือมารับเราข้ามฟากไป” แล้วท่านก็ยืนนิ่งหลับตา บริกรรมคาถา เพียงอึดใจใหญ่ๆ ก็ลืมตาขึ้น พูดยิ้มๆ ว่า “เดี๋ยวเรือจะมารับ” อีกสักพักก็มีเรือหาปลาพายผ่านมา พอเห็นพระหนุ่มทั้งสองรูปยืนอยู่ที่ท่าน้ำ ก็พายเรือเข้ามารับพาข้ามฟาก ชายคนนั้นบอกว่า ขณะที่เขาหาปลาอยู่ กลางแม่น้ำรู้สึกสังหรณ์ใจว่ามีพระกำลังรอเรือข้ามฟาก จึงได้พายเรือมาดู ก็พบพระคุณเจ้าทั้งสองจริง นับว่าน่าอัศจรรย์มาก หลวงปู่ตื้อ พูดยิ้มๆ ว่า “โยมได้บุญกองใหญ่แล้วคราวนี้ ที่เอาเรือมารับเราข้ามฟาก ขอให้หมั่นทำความดีไว้ ถ้าจะเลิกจับปลาฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเลยได้ก็จะดีมาก” คนหาปลาถามว่า “ถ้าไม่จับปลา แล้วจะให้ข้าน้อยทำมาหากินอะไร?” หลวงปู่ตื้อ บอกว่า ทำไร่ทำนาหากินโดยสุจริตก็ดีแล้ว ต่อไปชีวิตครอบครัวจะเจริญรุ่งเรืองอยู่ดีกินดี อาตมาขอให้พร” คนหาปลามีความศรัทธาพระธุดงค์ทั้งสององค์เป็นอย่างมาก ต่อมาภายหลังทราบว่าเขาได้เลิกหาปลา แล้วหันมาทำนาทำไร่ เลิกการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ชีวิตครอบครัวเขามีความเจริญรุ่งเรืองทำมาค้าขายขึ้นจนมั่งมีเงินทอง สามารถสร้างวัดได้ ๒-๓ แห่ง ทั้งนี้ คงเป็นด้วยอานิสงส์ผลบุญที่เขาเอาเรือมารับพระภิกษุผู้ครองศีลบริสุทธิ์ข้ามแม่น้ำ ตนเองเชื่อมั่นในพรที่พระท่านให้ และเลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิตโดยแท้จริง  ๓๑  เทพยดาผู้บำเพ็ญบารมี ในครั้งที่หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ได้ธุดงค์วิเวกไปทางอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านได้พักบำเพ็ญเพียรอยู่ในสถานที่สัปปายะแห่งหนึ่ง มีอยู่คืนหนึ่ง ขณะที่หลวงปู่ กำลังเดินจงกรมอันเป็นกิจวัตรปกติในการบำเพ็ญของท่าน ปรากฏร่างของเทพยดาตนหนึ่งมาในรูปของชีปะขาว เหาะลอยมาใกล้ทางเดินจงกรมของหลวงปู่ เทพยดาตนนั้นได้สำแดงตนลอยสูงขึ้นไป แล้วหยุดยืนนิ่งอยู่บนยอดไม้ เหนือทางเดินจงกรมขึ้นไป ลอยขึ้นไปยืนนิ่งอยู่เฉยๆ โดยไม่ได้ทำ อะไร หลวงปู่ยังคงเดินจงกรมอยู่ตามปกติ เทพยดาก็ยังคงสงบนิ่งอยู่ ณ ที่นั้น หลวงปู่จึงได้กำหนดจิตถามขึ้นว่า “ท่านเทพยดาผู้มีศีลธรรมอันดีงาม ทำไมท่านจึงไปยืนอยู่บนที่สูง คืออยู่สูงมากกว่าอาตมาผู้เป็นศิษย์ของพระตถาคตเจ้า ผู้กำลังปฏิบัติธรรมอยู่เล่า ทำไม่ท่านไม่ลงมากราบไหว้แสดงความเคารพเล่า?” เทพยดาตนนั้นยังยืนนิ่งเฉย ไม่แสดงกิริยาอาการอย่างใด หลวงปู่จึงกำหนดถามอีกว่า “ท่านเทพยดาผู้มีศีลาจารวัตรอันงาม ท่านเป็นฤๅษีหรือ หรือว่าเป็นอรหันต์” เทพยดาตนนั้นแสดงอาการกางแขนออก ทำอาการบุ้ยใบ้มาทางท่าน หลวงปู่กำหนดจิตดูจึงรู้ว่าเทพยดาตนนี้ คงจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงได้กล่าวถามต่อไปว่า “ท่านเทพยดาผู้เจริญ ท่านเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าหรืออย่างไรข้าพเจ้าขออาราธนาท่านมาสนทนาด้วย” เทพยดาตนนั้นไม่ตอบ แต่ได้แสดงออกทางใจให้หลวงปู่รู้ได้แล้วเทพยดาก็แบมือออกให้หลวงปู่ได้เห็นรูปดอกบัวปรากฏอยู่ที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง เทพยดาแสดงอาการเขินอายเล็กน้อย แล้วก็เหาะหนีไป เมื่อมีโอกาส หลวงปู่ตื้อ ได้กราบเรียนถามเรื่องนี้กับพระอาจารย์ใหญ่ - หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต หลวงปู่มั่นได้ให้คำอธิบายว่า เทพยดาที่เห็นนั้น เป็นวิญญาณของผู้กำลังสร้างสมบารมี เพื่อความเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าอยู่ นอกจากนี้ หลวงปู่มั่น ยังกล่าวถึงเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับผีสางเทวดา นางไม้ ที่หลวงปู่ตื้อได้พบเห็นในที่ต่างๆ อีก โดยหลวงปู่มั่นได้รับรองว่าเป็นเรื่องจริง และมีจริง สำหรับเทพยดาตนที่มีรูปดอกบัวบนฝ่ามือนั้นเป็นผู้ที่กำลังสร้างบารมีเพื่อความเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า และอีกไม่นานก็จะได้สำเร็จ หลวงปู่มั่นบอกต่อไปว่า เรื่องเช่นนี้ นานๆ จึงจะได้พบสักครั้งหนึ่ง เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เทพยดาบางตนก็มีศีลธรรมอันดีงามเพราะเคยประพฤติปฏิบัติธรรมมาก่อนหลายชาติแล้ว เมื่อละจากร่างอันเน่าเหม็นของมนุษย์แล้วก็ยังประพฤติธรรมอยู่ เพราะมีสันดานที่เป็นศีลเป็นธรรมแล้ว เทพยดาตนที่มีดอกบัวบนฝ่ามือนี้ อีกไม่กี่ชาติก็จะได้สำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า  ๓๒  วิญญาณทำฤทธิ์กับหลวงปู่ เกี่ยวกับเรื่องเทพยดา วิญญาณ ภูตผีปีศาจต่างๆ นั้น หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านได้ประสบมามากหลายรูปแบบ จนได้รับการกล่าวขานว่าหลวงปู่ตื้อ ท่านเป็นพระกรรมฐานที่ผจญกับสิ่งเร้นลับต่างๆ มามากที่สุดและสามารถเอาชนะได้ด้วยจิตที่ตั้งมั่นอยู่ในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ เป็นที่ยิ่ง ท่านอุทิศตนให้กับการปฏิบัติความเพียรอย่างแท้จริง หลวงปู่ตื้อ เคยเดินธุดงค์ไปแถวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดที่อยู่ห่างไกล และเส้นทางติดต่อทุรกันดารมากที่สุด หลวงปู่ได้เล่าให้สานุศิษย์ฟังว่า ท่านเดินธุดงค์ด้วยเท้า จากเชียงใหม่ ไปแม่ฮ่องสอนใช้เวลาหลายวันจึงถึง เมื่อเจอสถานที่เหมาะก็พักบำเพ็ญภาวนา ทำความเพียรไปเรื่อยๆ ได้ปักกลดภาวนาหลายคืน ที่นั่นอากาศดี สถานที่ก็ดี มีความสงบเงียบ ห่างไกลจากผู้คน การภาวนาเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดีมาก มีวิญญาณพวกเทพยดา วิญญาณ โอปปาติกะ ทั้งหลายมาปรากฏตัว และทดสอบลองดีกับท่านอยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน ในช่วงที่ท่านไปพำนักปักกลดบริเวณ ถ้ำผาบ่อง ในคืนแรกได้มีวิญญาณมาลองดี ในคืนนั้นท่านกำลังนั่งสมาธิภาวนาอยู่ภายในมุ้งกลด ได้เกิดมีแสงเป็นสายรุ้งสีต่างๆ สว่างจ้ามาครอบมุ้งกลดของท่าน หลวงปู่ บอกว่า ระยะนั้นรู้สึกกว่ากำลังของมันแผ่ปกคลุมบีบเข้าไปถึงจิตใจ มีทั้งหายใจฝืดและหายใจไม่ออก ลมมันตันไปหมด ร่างกายธาตุขันธ์อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด จิตของหลวงปู่ แนบแน่นอยู่กับการภาวนาอย่างไม่ลดละ จิตมั่นคงอยู่กับ พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ อยู่ไม่นานเท่าไร แสงประกายสายรุ้งนั้นก็ค่อยคลายความสว่างจ้าลง แล้วก็หายไป สักครู่ต่อมา ก็ปรากฏเป็นนิ้วมือขนาดใหญ่มาก เทียบว่าเท่าลำตาลก็น่าจะได้ มาครอบลงบนกลดธุดงค์อีก ตอนนี้ท่านว่า ถึงกับรู้สึกว่าหัวใจสั่นหวิวๆ เกิดอาการกลัวขึ้นมาบ้าง เกือบจะหยุดทำความเพียรอยู่เหมือนกัน แล้วท่านก็ตั้งมั่นทำความเพียรต่อ ตั้งใจมั่นขอยอมตาย ใจมั่นอยู่กับคำบริกรรม พุทโธ ๆ จะตายขอให้ตายด้วยศีลด้วยธรรม แล้วใจค่อยสบายขึ้น หายใจได้คล่อง นิ้วมือยักษ์นั้นก็หายไป อีกสักครู่ก็ปรากฏร่างเป็นคนตัวดำๆ สูงใหญ่ราว ๑๐ ศอกแต่งตัวเหมือนพระราชา เดินเข้ามาหยุดอยู่ใกล้กลดยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น หลวงปู่ จึงถามว่า “ใครอยู่ที่นั่น?” ไม่มีเสียงตอบ ร่างนั้นยืนนิ่งเฉยอยู่ ครู่เดียวก็หายไป สักพักก็กลับมาอีก คราวนี้เปลี่ยนเป็นชีปะขาวอายุราว ๒๗-๒๘ ปี ดูท่าทางยังหนุ่มอยู่มาก คราวนี้เขามาด้วยอาการสงบเสงี่ยมเรียบร้อย เมื่อมาใกล้ก็คุกเข่าลง กราบด้วยความเคารพ ดูท่าทางเลื่อมใสหลวงปู่อย่างแท้จริง เมื่อกราบไหว้แล้วก็ลงนั่งพับเพียบเรียบร้อย หลวงปู่ถามว่า “ท่านเป็นใคร? ท่านมาจากไหน?” ชีปะขาวหนุ่มตอบว่า “มาหาท่านพระอาจารย์” หลวงปู่ ได้ถามต่อไปว่า “ใครเป็นผู้ทำสายรุ้งครอบมุ้งกลดของเรา ? ใครเป็นผู้ทำนิ้วมือใหญ่ครอบมุ้งกลดของเรา ? และใครแสดงตนเป็นพระราชา ? เขายอมรับว่า “ทั้งหมดนี้ เราเป็นผู้ทำ” “ทำเพื่อประโยชน์อันใด” หลวงปู่ซักต่อ “ทำเพื่อทดลองจิตใจของท่านเล่นเฉยๆ” เขาตอบด้วยสำเนียงชาวเหนือ หลวงปู่จึงพูดสั่งสอนเขาว่า “การที่จะทดลองลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้าให้มีความกลัวนั้น ไม่มีผลเสียแล้ว เพราะสมณะอย่างเราไม่กลัวอะไร จะตายก็ไม่เสียดายอะไร เพราะว่าเราได้นับถือและมอบกายถวายชีวิตให้พระพุทธเจ้า รู้จักการเสียสละ การทำบุญสร้างบารมี แม้จะตายก็ไม่หลงตาย จะอยู่หรือจะตายก็เป็นประโยชน์ทั้งนั้นจะไม่เป็นผู้หลงตายเลย ไม่ว่าเทพยดา มนุษย์ สัตว์นรก ล้วนรักเคารพต่อพระพุทธเจ้าทั้งนั้น และล้วนแต่รักนับถือต่อบุคคลผู้ปฏิบัติธรรมทั้งนั้น นอกจากวิญญาณที่หลงตายเท่านั้นที่จะมาหลอกกันให้ยืดยาว เสียเวลาในการสร้างบุญบารมี”   ในที่สุด ดวงวิญญาณนั้นก็กราบขอขมาท่าน ขอรับศีลรับพรจากท่านด้วยอาการเคารพนอบน้อม ประวัติคร่าวๆ ลองอ่านดูครับ พระเดิมๆ มีเกษาท่านเยอะมาก หายากเเล้วครับ เป็นรุ่นพิเศษ สร้างปี 2517 รับประกันตามกฏ ราคาข้างนอกไกลเเล้วครับ วันนี้วัดใจเท่าไหร่เท่านั้น    


เขียนโดย :นำทรัพย์ เจ้าของรายการ August 13, 2015 05:55:47

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระสมเด็จทั่วไป/5604604


พระแท้ ดูง่ายค่ะ สากลนิยมค่ะ พุทธคุณดีมากค่ะ รับประกันตามกฏค่ะ


เขียนโดย :กัสจัง เจ้าของรายการ August 11, 2015 09:06:28


เหรียญปัญจพุทธามหามงคล(เหรียญพระพุทธเจ้า 5 พระองค์) เนื้อทองแดง จัดสร้างเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2518 สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบ 25 ปี ธนาคารศรีนคร จัดสร้างโดย คุณไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ หรือ เฮียโป้ยเสี่ย  อดีตผู้บริหารธนาคารศรีนคร พิธีพุทธาภิเษกโดยพระคณาจารย์สายกรรมฐานร่วมอธิฐานจิต อาทิ - พระอาจารย์ฝั้น วัดป่าอุดมสมพร - หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี - หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ - หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส - หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม - หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ - หลวงพ่อสุด วัดกาหลง - หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาฯ - หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิตร - หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม เป็นต้น รับประกันตามกฏครับ  ส่งพระองค์ตามภาพ                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                          


เขียนโดย :soonthorn เจ้าของรายการ August 10, 2015 10:13:28

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระสมเด็จทั่วไป/5589652


เวปประมูลก็ต้องเคาะประมูล ชิมิๆ เคาะกันวันละนิดจิตแจ่มใส พี่ๆแต่ละท่านก็มี ((( สไตล์ ))) ที่แตกต่างกัน อย่าว่างั้นงี้เลย ปอดกับหัวใจนู๋ไม่ค่อยแข็งแรง " พี่ๆคงไม่ปล่อยให้นู๋เร้าใจอยู่คนเดียวนะคร๊าบบบ "   จัดส่งพร้อม บัตรรับประกันพระแท้ คร๊าบบบ พี่ๆแวะชมดูแล้วล็อคอินกันรึยังจ๊ะ วันนี้เปิด พรุ่งนี้ปิด ??? ลับแป้นรอกันเร้ยยย..ไม่เก็บวันนี้วันหน้าจะไม่มีให้เก็บนะจ๊ะ ...ถ้าต้องการพระสภาพผิวเดิมๆ แนะนำองค์นี้คร๊าบ... ก็ช่วงนี้จีจ้าบ่อยๆ เคาะช่วยค่าบัตรนู๋หน่อย นะคร๊าบ   พระสมเด็จปรกโพธิ์  วัดประสาทฯ  ปี2506 เนื้อขาว  ((( พิมพ์คะแนน )))  สูง 1.90 ซ.ม. ...คลาสสิคสุดๆ  ควรค่าแก่การบูชา น่าสะสมจังเลยคร๊าบ...   มีข้อมูลดี ดี พี่ๆแวะมาศึกษาร่วมกัน อ่านกันเพลินๆนะคร๊าบ   เนื้อหาของพระเครื่องวัดประสาท ที่ออกในปี 2506 ประกอบด้วยมวลสาร สมเด็จบางขุนพรหมและหลวงปู่ทวดปี97 และพระเครื่อง พระกรุเก่าๆ ตลอดจน มวลสารศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ที่ผู้ศรัทธานำมาถวาย นอกจากมวลสารจะดีแล้ว ยังมีพระเกจิ มากมายหลายท่านที่มาร่วมปลุกเสกอธิษฐานจิต เช่น พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้, หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงปู่เขียว วัดหรงบล, หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่, หลวงปู่นาค วัดระฆัง และพระเกจิดังๆ ในสมัยนั้นเป็นร้อยรูปครับ ประมาณว่าเราไม่ต้องมีหรือแขวนวัตถุมงคลของ หลวงพ่อหลวงปู่หลายๆท่าน แต่มีพระวัดประสาทไว้สักองค์หนึ่งก็พอแล้ว   (เพื่อความอุ่นใจ..พี่ๆลองเช็คราคานอกเวปดูก่อนเข้าร่วมประมูลนะคร๊าบบบ ^_^) หมายเหตุ ทุกข้อสงสัยล้วนมีคำตอบ สงสัยเรื่องใดเมล์ถามข้อมูลได้เลยคร๊าบบบ พี่ๆ ชาวดี ดี..... *** จัดส่งพระตามรูป รับประกันตามกฎเวป *** ผู้ชนะการประมูลโอนเงินแล้วรบกวนฝากข้อความในกล่องข้อความหรือโทร.แจ้งก็ได้นะครับ เพื่อความรวดเร็วในการจัดส่ง จัดส่งไปรษณีย์ลงทะเบียน ปลอดภัย ไร้กังวล คร๊าบ... ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะเยี่ยมชมหรือเข้าร่วมการประมูล ขอบพระคุณคร๊าบบบ ^_^


เขียนโดย :thaiart เจ้าของรายการ August 09, 2015 13:25:37

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระเนื้อผง-เนื้อว่าน/5571743


เดิม     ------------------------------------------------------------------------------------------------------------- เรียน ทุกท่าน 1. งดต่อราคา 2. การโอนเงินกรุณาโอนเป็นเศษสตางค์ต่อท้ายจะดีมาก เช่น XXX.01, XXX.05 เพื่อเป็นรหัสตรวจสอบ พร้อมทั้งระบุ วัน เวลา การโอนด้วยและขอให้ท่านแจ้งผ่านเมล์บล็อก เพราะการแจ้งทางโทรฯ นั้นบางครั้งไม่สะดวกรับ เนื่องจากวัน ๆ โทรศัพท์เข้าหลายสิบสาย บางทีไม่ได้รับ รับไม่ทัน หรือรับแล้วอาจลืมได้ ดั้งนั้นแจ้งทางเมล์บล็อกสะดวกที่สุด เพราะตรวจสอบได้ ท่านใดเปลี่ยนที่อยู่ให้แจ้งมาพร้อมกับการโอนเงินเลย อย่าแจ้งมาก่อนจะทำให้สับสนได้ 3. สินค้าจัดส่งให้เฉพาะกับท่านที่แจ้งการโอนเข้ามาก่อน ส่วนท่านที่โอนแล้วไม่ได้แจ้งเข้ามา ทางร้านขออนุญาตยังไม่จัดส่งจนกว่าจะได้รับการแจ้ง เพื่อป้องกันการผิดพลาด เนื่องจากรายการประมูลมีเยอะ บางครั้งมียอดซ้ำกันหลายรายการ ทำให้ตรวจสอบยาก 4. ท่านสามารถสะสมหลายรายการแล้วค่อยโอนพร้อมกันได้ 5. สินค้ามูลค่า 100 บาท ขึ้นไป จัดส่งแบบไปรษณีย์ลงทะเบียน พระบูชาส่งแแบบพัสดุลงทะเบียน  6. หากมูลค่าสินค้าไม่ถึง 100 บาท ส่งแบบติดแสดมป์ ถ้าต้องการให้ส่งแบบลงทะเบียน เพิ่มค่าส่ง 20 บาท 7. สีรูปพระกับองค์จริงอาจแตกต่างกัน เพราะข้อจำกัดในการถ่ายรูป 8. พระย่อย ๆ ราคาไม่ถึง 3000 บาท หากต้องการบัตรรับรอง รบกวนดำเนินการเอง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------


เขียนโดย :พระดีพระสวย เจ้าของรายการ August 05, 2015 06:05:32

หน้าที่ :  1