@แหนบสกรีนหลวงพ่อคูณ ปี2517 สภาพน่ารัก รับประกันพระแท้ตามกฎเว็บดีดีพระ มาวัดใจเคาะ120แดง@
วัดใจแดงแรกเคาะ... สภาพสวยมาก เก่าเก็บ ที่เห็นรอยหน้าและหลังพระเป็นรอยพลาสติกราน องค์พระสวยสมบูรณ์ทุกอย่าง เลี่ยมทองแท้สั่งทำห่วงทองเชื่อม หลวงพ่อเกษม สร้างปลุกเสก ปี2538.. รับประกันพระแท้ทุกสนามตามสากล
วัดใจแดงแรกเคาะ... สภาพสวยมาก ผิวหิ้ง เก่าเก็บ เนื้อเงิน หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีร่วมปลุกเสก รับประกันพระแท้ตามกฎ ประวัติการจัดสร้าง ตามคำบอกเล่าของพระครูอุทัยธรรมธารี (เส็ง สุขิโต) อดีตรองเจ้าคณะอำเภอเมืองปราจีนบุรี เจ้าอาวาสวัดป่ามะไฟ เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ได้เกิดนิมิตกับหลวงพ่อหลายครั้ง ในนิมิตมีพราหมณ์ชราผู้ชายนุ่งขาวห่มขาว แล้วบอกว่าถ้าต้องการให้วัดป่ามะไฟมีความเจริญรุ่งเรือง ให้จัดสร้างพระสยามเทวาธิราชขึ้นมา จนเป็นเหตุให้หลวงพ่อเกิดความคิด ที่จะสร้างพระสยามเทวาธิราชขึ้นจนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ท่านจึงได้ปรึกษาหารือกับ คุณสมัย พ่วงตามพงษ์ ผู้จัดการธนาคารกรุงเทพ สาขาเจริญภาค , คุณวรันดับ ฉัตรกุล ณ อยุธยา(บุญนาค) , คุณเจริญ พรหมศร , คุณภาวาส บุญนาค พร้อมด้วยข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน เมื่อมีมติเห็นชอบแล้วจึงได้จัดทำหนังสือ ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต จัดสร้างพระสยามเทวาธิราช วัดป่ามะไฟขึ้น แต่ในครั้งที่ ๑ และ ๒ ผ่านไปก็ยังไม่ได้รับหนังสือพระราชทานพระบรมราชานุญาต แต่อย่างใด จนกระทั่งครั้งที่ ๓ จึงได้มีหนังสือพระราชทานพระบรมราชานุญาต ทางวัดจึงได้ดำเนินการจัดสร้างและจัดพิธีพุทธาภิเษก (พระคณาจาร์ยนั่งปรกในพิธี) ในวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๘ เวลา ๑๓.๓๐ น. พิธีมหามงคลภิเษก ๑๐ เมษายน ๒๕๑๘ เวลา ๑๓.๓๐ น. สมเด็จพระสังฆราชจุดเทียนชัย พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์มงคลพิธีภิเษก พระคณาจาร์ยนั่งปรก ๑๑ เมษายน ๒๕๑๘ เวลา ๑๑.๔๕ น. เททองหล่อพระประธาน โดยมีพระเกจิอาจารย์มาร่วมปลุกเสกดังนี้ ๑. สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศ กรุงเทพฯ ๒. พระสังวรวิมลเถร (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ ๓. หลวงพ่อผาง จิตคตโต วัดอุดมคงคาคีรีเขต ขอนแก่น ๔. พระครูศรีพรหมโสภิต (หลวงพ่อแพ) วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี ๕. หลวงพ่อสิม สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่ ๖. หลวงพ่อหงษ์ วัดชลสงคราม สุราษฏร์ธานี ๗. พระครูสุตาธิการี (หลวงพ่อทองอยู่) วัดใหม่หนองพะอง สมุทรสาคร ๘. พระครูเกษมธรรมานันท์ (หลวงพ่อแช่ม) วัดดอนยายหอม นครปฐม ๙. พระครูปัญญาทุราทร วัดเขาชายธง ถ้ำวิมุตติสุข นครสวรรค์ ๑๐. พระกัสสปมุนี อำเภอบ้านค่าย ระยอง ๑๑. พระอาจาร์ยสาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก สุรินทร์ ๑๒. หลวงพ่อบุญเย็น สำนักพระเจ้าพรหมมหาราช เชียงราย ๑๓. ท่านเจ้าคุณชิน วงศาจาร์ย วัดป่าสาลวัน ๑๔. หลวงปู่เมตตาหลวง วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม นครราชสีมา ๑๕. หลวงพ่อเย็น วัดแจงนอก นครราชสีมา ๑๖. หลวงพ่อชม วัดเขานันทา ปราจีนบุรี ๑๗. หลวงถิร วัดป่าเรไร สุพรรณบุรี ๑๘. หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ลพบุรี ๑๙. หลวงพ่อสุด วัดกาหลง สมุทรสาคร ๒๐. หลวงปู่แว่น วัดสันติสังฆาราม สกลนคร ๒๑. หลวงปู่พล วัดหนองคณฑี สระบุรี ๒๒. หลวงพ่อสุพจน์ วัดดอนตัน เชียงราย ๒๓. หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีธรรมเจริญสุข สิงห์บุรี ๒๔. หลวงพ่อเย็น วัดกลางชูศรีธรรมเจริญสุข สิงห์บุรี ๒๕. หลวงปู่สำลี ปภาโส วัดซับบอน สระบุรี ๒๖. หลวงพ่อดำ วัดเสาธงทอง ลพบุรี ๒๗. หลวงปู่ครูบาชัยวงศ์ วัดพระพุทธบาท ห้วยต้ม ลำพูน ๒๘. หลวงพ่อคำดี วัดป่าสุทธาวาส นครพนม ๒๙. พระราชธรรมาภรณ์ (หลวงพ่อเงิน) วัดดอนยายหอม นครปฐม ๓๐. พระครูสังวรกิตติคุณ (หลวงพ่อเอีย) วัดบ้านด่าน ปราจีนบุรี ๓๑. พระอาจาร์ยวัน อุตตโม วัดอภัยดำรงธรรม ๓๒. พระอาจาร์ยฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร สกลนคร
พระแท้ดูง่าย น่าขึ้นคอห้อยครับใช้แทนพระหลวงพ่อปานวัดบางนมโคได้ครับ ส่งพระให้พร้อมบัตรรับรองของเวปครับ รับประกันตามกฏครับ
พระ ผงของขวัญวัดเกาะจันทร์พิมพ์เล็ก ใช้แทนพระผงวัด ปากน้ำรุ่น1ได้เลยครับ หลวงพ่อสด อฐิฐานจิตอัดพลังเต็มร้อย พระ ผงของขวัญวัดปากน้ำที่หลวงพ่อสด ท่านอธิษฐานจิตไว้ทั้งรุ่นหนึ่งและรุ่น สาม ในปัจจุบันนี้สนนราคาค่อนข้างสูงมาก เช่นพระของขวัญวัดปาก น้ำรุ่นแรกสวยๆ ราคาก็ต้องว่ากันที่หลักแสน ถ้าเป็นรุ่นสามสวยๆ ก็ต้องหลายๆ หมื่นถึงหมื่นปลายๆ เนื่องจากมีผู้ศรัทธาในตัวหลวงพ่อสดมาก และจากประสบการณ์ของผู้ที่ครอบครองพระผงของขวัญมีมากมาย จึงทำให้มีผู้ต้องการกันมาก ในวันนี้ผมจะแนะนำพระผงซึ่งเป็นผงของหลวงพ่อสด และหลวงพ่อสดอธิฐานจิตให้ด้วย และสนนราคาก็ยังไม่แพงมากนักคือ พระผงของวัดเกาะจันทร์ จังหวัดฉะเชิงเทรา วัดเกาะจันทร์ ตั้งอยู่ที่ตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นวัดราษฎร์ ชาวบ้านช่วยกันสร้างไว้เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2415 ต่อมาในปี พ.ศ. 2495 ทางวัดปากน้ำได้ส่งหลวงปู่อินทร์และแม่ชีเพียร ศิษย์ของหลวงพ่อสดมาช่วยสอนวิปัสสนากรรมฐานให้แก่พระเณรและชาวบ้าน ซึ่งก็มีพระเณรและชาวบ้านเข้ามารับการอบรมอย่างคับคั่ง หลวงปู่อินทร์นี้นอกจากจะเป็นศิษย์ของหลวงพ่อสดแล้ว การสร้างพระวัดปากน้ำทุกครั้ง หลวงปู่อินทร์ก็มีส่วนร่วมอธิษฐานจิตพระผงของขวัญวัดปากน้ำด้วยทุกครั้ง ต่อมาเมื่อถึงปี พ.ศ. 2497 พระครูเมือง ซึ่งเป็นเจ้าอาวาส วัดเกาะจันทร์ ได้ปรารภกับหลวงปู่อินทร์ว่า อยากจะให้หลวงปู่อินทร์ช่วยสร้างพระเครื่องเนื้อผงแบบพระของวัดปากน้ำบ้าง เพื่อไว้แจกให้แก่ผู้ที่มาทำบุญกับวัด หลวงปู่อินทร์จึงรับปาก และเข้ามาหาหลวงพ่อสดและแจ้งให้หลวงพ่อสดทราบ จากนั้นจึงขอผงวิเศษจากหลวงพ่อสด ซึ่งหลวงพ่อสดท่านก็ได้มอบผงวิเศษให้หลวงปู่อินทร์ไปสร้างพระ เมื่อสร้างพระเสร็จแล้วก็ได้นำมาให้หลวงพ่อสดท่านช่วยอธิษฐานจิตให้อีกครั้ง หลังจากนั้นหลวงปู่อินทร์จึงนำพระทั้งหมดกลับมาทำพิธีอธิษฐานจิตด้วย วิชาธรรมกายอีกครั้งที่วัดเกาะจันทร์ และเริ่มแจกให้แก่ญาติโยมในปี พ.ศ. 2497 นั่นเอง ด้านหลังเป็นรอยลานตามธรรมชาติ องค์นี้เเท้ ดูง่าย หายากเเล้ว ใช้ผงเดียวกันกับวัดปากน้ำ เเละเนื่องจากประวัติชัดเจน กำลังเก็บกันเงียบ เเละเริ่มเเพงขึ้น รับประกันตามกฏครับ
พระขุนแผนหลวงพ่อหร่ำ วัดกร่าง ปทุมธานี พระพิมพ์ขุนแผนเนื้อดินของหลวงพ่อมีชื่อเสียงมากๆ เพราะมีประสบการณ์ด้านมหาเสน่ห์เป็นเยี่ยม ชาวเมืองปทุมต่างทราบกิติศักดิ์กันดี องค์สภาพพอสวยเลี่ยมกันน้ำพร้อมใช้ พิเศษสักนิดคับ ผมใส่สีผึ้งหลวงปู่ทาบไว้ที่บนมือองค์พระ จัดแบบเข้มขลังไปเลยคับ
โอนเงินแล้ว ส่งพระที่ คุณไพศาล ทิพยมงคลกุล 1999/160 ม.2 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.อยุธยา 13160
ยังมีรายการพระที่น่าสนใจอีกหลายรายการ เข้าไปดูได้โดยคลิกที่ตัว
**ถูกกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว*** เหรียญหลวงพ่อเกษม หลัง ภปร. พิมพ์ใหญ่ ผิวไฟ 3 เหรียญ+เลี่ยมเก็บผิว หลวงพ่อเกษม เขมโก เดิมมีนามว่า เจ้าเกษม ณ ลำปาง ประสูติ เมื่อ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 เป็นบุตรใน เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ภายหลังเปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น มณีอรุณ) รับราชการเป็นปลัดอำเภอ กับ เจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง และเป็นราชปนัดดาในเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้าย สมัยตอนเด็กๆมีคนเล่าว่าท่านซนมากมีอยู่ครั้งหนึ่งท่านปีนต้นบ่ามั่น(ต้นฝรั่ง)เกิดผลัดตกจนมีแผลเป็นที่ศีรษะ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งเป็นการบรรพชาหน้าศพ (บวชหน้าไฟ) ของเจ้าอาวาสวัดป่าดั๊ว 7 วันได้ลาสิกขาและท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรอีกครั้งเมื่ออายุ 15 ปีและจำวัดอยู่ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ท่านได้ศึกษาด้านพระปรัยัติธรรมจนสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ในปี พ.ศ. 2474 และได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในปีถัดมา โดยมีพระธรรมจินดานายก เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร อดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า "เขมโก" แปลว่า ผู้มีธรรมอันเกษม โดยพระภิกษุ เจ้าเกษม เขมโก ได้ศึกษาภาษาบาลีที่สำนักวัดศรีล้อม ต่อมาได้ย้ายมาศึกษาแผนกนักธรรมที่สำนักวัดเชียงราย พ.ศ. 2479 ท่านสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก ท่านเรียนรู้ภาษาบาลีจนสามารถเขียนและแปลได้ รวมทั้งสามารถแปลเป็นภาษาบาลีได้เป็นอย่างดี แต่ท่านไม่ยอมสอบเอาวุฒิ จนครูบาอาจารย์ทุกรูปต่างเข้าใจว่าพระภิกษุ เจ้าเกษม เขมโก ไม่ต้องการมีสมณะศักดิ์สูง ๆ เรียนเพื่อจะนำเอาวิชาความรู้มาใช้ในการศึกษาค้นคว้าพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาเท่านั้น เมื่อสำเร็จทางด้านปริยัติธรรมแล้ว ท่านแสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ที่มีความรู้และมีความเชี่ยวชาญในด้านวิปัสสนา จนกระทั่ง ท่านทราบข่าวว่ามีพระเกจิรูปหนึ่งมีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนา คือ ครูบาแก่น สุมโน ท่านจึงฝากตัวเป็นศิษย์ ท่านได้ตามครูบาแก่น สุมโน ออกท่องธุดงค์ไปแสวงหาความวิเวกและบำเพ็ญเพียรตามป่าลึก จนถึงช่วงเข้าพรรษาซึ่งพระภิกษุจำเป็นต้องยุติการท่องธุดงค์ชั่วคราวท่านจึงต้องแยกทางกับพระอาจารย์ และกลับมาจำพรรษาที่วัดบุญยืนตามเดิม พอครบกำหนดออก ก็ติดตามอาจารย์ออกธุดงค์บำเพ็ญภาวนา ต่อมา เจ้าอธิการคำเหมย เจ้าอาวาสวัดบุญยืน มรณภาพลง ทางคณะสงฆ์ได้ประชุมกันเพื่อหาเจ้าอาวาสรูปใหม่และต่างลงความเห็นพ้องต้องกันเห็นควรว่า พระภิกษุ เจ้าเกษม เขมโก มีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อท่านได้รับเลือกเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืน ท่านก็ไม่ยินดียินร้าย แต่ท่านก็ห่วงทางวัดเพราะท่านเคยจำวัดนี้ ท่านเห็นว่าถือเป็นภารกิจทางศาสนาเพราะท่านเองต้องการให้พระศาสนานี้ดำรงอยู่ จึงยอมรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืน หลังจากนั้นท่านก็ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสหลายครั้งเนื่องจากท่านอยากจะออกธุดงค์ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ดังนั้น ท่านจึงออกจากวัดบุญยืนไปที่ศาลาวังทานพร้อมเขียนข้อความลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสไว้ด้วย หลวงพ่อเกษม เขมโก เป็นพระสายวิปัสสนาธุระ ไม่ยึดติดแม้แต่สถานที่ ท่านได้ปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ตลอดชนชีพ เป็นพระที่เป็นที่เคารพสักการะของคนในจังหวัดลำปางและทั่วประเทศ ท่านปฏิบัติศีลบริสุทธิ์ตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยไม่ติดยึดในกิเลสทั้งปวง หลวงพ่อเกษม เขมโก มรณภาพ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง จังหวัดลำปาง เมื่อเวลา 19:40 น. ของวันจันทร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ซึ่งตรงกับวันแรม 11 ค่ำ เดือน 2 ยังความอาลัยเศร้าโศกเสียใจมายังหมู่สานุศิษย์ทั่วประเทศ ส่วนสรีระของท่านนั้นก็ยังความอัศจรรย์ด้วยเนื่องจากไม่เน่าเปื่อยเหมือนอย่างสังขารทั่วไป ทั้งยังเขียนป้ายบอกผู้ที่มาเคารพสรีระ ท่านด้วยว่าให้พนมมือไหว้ที่หน้าอกเพียงครั้งเดียวแล้วไม่ต้องกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์อย่างศพของพระเถระทั่วไปนับว่าท่าน นั้นถือสมถะเป็นอย่างมาก
สร้าง 5,000 องค์ สวยเดิม ตะกรุดเงิน