เหรียญหลวงปู่เทียน(วัดโบสถ์) หลังพระครูสาทรพัฒนกิจ(หลวงพ่อลมูล วัดเสด็จ) ปี 2516
เหรียญหลวงปู่ทวด หลังสามอาจารย์ รุ่นเสาร์ห้าแรมห้าค่ำเดือนห้า 2537 กะหลั่ยทอง ลักษณะเหรียญรูปไข่มีเม็ดไข่ปลาล้อมรอบ ลงพระคาถาและหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ส่วนด้านหลังเหรียญเป็นรูปพระอาจารย์สามท่าน องค์นี้เป็นเนื้อกะไหล่ทอง เขียนว่า รุ่นเสาร์ห้าแรมห้าค่ำเสาร์ห้าเดือนห้า 30 เม.ย.37 อ.นอง วัดทรายขาว ประกอบพิธีปลุกเสก
ประกันพระแท้ตามกฎ
เหรียญหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม รุ่นหลังลายเซ็นต์ เนื้ออัลปาก้า สร้างปี2509 สภาพใช้พอสวยพร้อมบัตรรับรอง
กดที่ตัวยังมีอีกหลายรายการยังมีอีกหลายรายการ โอนแล้วกรุณาแจ้งรายละเอียดการโอนให้ชัดเจน ในกล่องข้อความ 1.โอนเงินจำนวน......บาท 2. จำนวน......รายการ 3. รายการอะไรบ้าง....(ถ้าบอกได้จะดีมากครับ) เพื่อการจัดส่งที่รวดเร็ว...และถูกต้อง
ใน บรรดาพระเครื่อง เมืองระยอง ในยุคที่ก่อนจะมีการจัดสร้างพระชุ ดเนื้อผงพรายกุมาร ของ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ถ้าถามนักสะสมรุ ่นเก่า หลายท่านต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าอยากเจ้าชู้ มี เสน่ห์ต้องหา สีผึ้งเขียว หรือ พระปิดตา เนื้อผงคลุกรัก ผสมสีผ ึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้งมาบูชา รับรอง เรื่องเสน่ห์ เมตตามหานิยมนั้น สุดๆจริงๆ แต่เนื่องด้วยจำนวนการจัดสร้างมีไม่มาก เลยทำให้มีจำนวนพระหมุนเวียนเปลี่ยนมือน้อยมาก อีกทั้งคนระยอง แท้ๆ หวงแหนมากๆ ครับ. สำหรับประวัติการจัดสร้าง พระชุดนี้เกิดขึ้นอันเนื่องมาจาก พระอุโบสถวัดกระบกขึ้นผึ้งได้ดำเนินก่อสร้างมายาวนานแต่ไม่แล้วเสร็จซักที ดังนั้น ทางคณะกรรมการวัด โดยการนำของคุณลุงเจริญ เพชรนคร (หลานชายแท้ๆ ของหลวงพ่อทาบ) จึงมีความคิดที่จะขออนุญาต หลวงพ่อทาบ ท่านจัดสร้างวัตถุมงคล เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้บูชากันอีกทั้ง สีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบนั้นเป็นที่ต้องการของคนพื้นที่ระยอง และ พื้นที่ใกล้เคียงเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงได้มีการจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้น โดยหลวงพ่อทาบ ท่านได้รับคำแนะนำจาก หลวงปู่ทิม บอกกับท่านว่า ถ้าจะสร้างวัตถุมงคลลองปรึกษา คุณประถม อาจสาคร ดู(ตอนนั้น พ.ศ.2505 คุณลุงประถม ยังรับราชการอยู่ที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง) เพราะคุณลุงประถมท่านเก่ง ทางด้านผงอิทธิเจ ผงปถมัง อีกทั้งทำผงได้ เฮี้ยว สุดๆ อีกทั้งท่านยังเป็นกำลังหลักในการทำพระเนื้อผงคลุกรัก ให้กับ ท่านเจ้าคุณวรพรตปัญญาจารย์ หรือ หลวงปู่เฮี้ยง วัดป่าอรัญญิกาวาส จ.ชลบุรี อันโด่งดังนั่นเอง. ดังนั้น หลวงปู่ทาบได้เชิญคุณลุงประถม มาปรึกษาหารือ เรื่องการสร้างพระที่วัด แต่คุณลุงประถมได้ขอร้อง หลวงพ่อทาบ เรื่องหนึ่งถ้าจะให้ท่านทำพระให้จริง ท่านอยากให้หลวงพ่อทาบ ไปนิมนต์ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่มาร่วมปลุกเสกด้วย ซึ่งหลวงพ่อทาบก็รับปาก เพราะท่านทั้งสอง (หลวงพ่อทาบ หลวงปู่ทิม ท่านเป็นพระสหธรรมิกกัน) ในการสร้างพระวัดกระบกขึ้นผึ้ง พ.ศ.2505 นั้นได้มีการสร้างพระพิมพ์ทั้งหมด ๙ พิมพ์ด้วยกัน อันประกอบไปด้วย 1 พระปิดตาพิมพ์ใหญ่ พิเศษ 2 พระปิดตาพิมพ์ใหญ่ 3 พระปิดตาพิมพ์กลาง 4 พระปิดตาพิมพ์เล็ก 5 พระพิมพ์นางกวัก 6 พระนาคปรก สัตตะนาเค(ห้าเหลี่ยม) 7 พระสมเด็จ แขนกาง พิมพ์ใหญ่ 8 พระสมเด็จแขนกาง พิมพ์เล็ก 9 พระนางพญากลีบบัว โดยพระพิมพ์ทั้งหมด ทำการแกะพิมพ์โดย คุณลุง เจริญ เพชรนคร ยกเว้นพระพิมพ์สมเด็จแขนกาง พิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ที่ได้แม่พิมพ์(เดิม)มาจากวันเนิน อันเป็นวัดร้างเก่าแก่ ใกล้ๆวัดลุ่มชัยชุมพล สันนิษฐานว่าเป็นแม่พิมพ์พระในสมัย หลวงปู่สังข์เฒ่า องค์อาจารย์ หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย และ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่. อีกทั้ง พระที่ดำเนินการจัดสร้างมีทั้ง เนื้อผงพุทธคุณคลุกรัก(สร้างน้อย) และ เนื้อดินเผาผสมใบลาน แต่เนื้อพระทั้งหมดได้ผสมสีผึ้เขียว หลวงพ่อทาบเข้าไปในเนื้อพระด้วยทุกองค์. หลังจากที่กดพิมพ์พระเรียบร้อย แล้วเสร็จสมบูรณ์ หลวงพ่อทาบท่านได้ทำการปลุกเสกเดี่ยวพระทั้งหมด ด้วยตัวท่านเองนานถึง 1 ไตรมาส (3 เดือนเต็ม) ต่อจากนั้นจึงจัดให้มีพิธีพุทธาภิเษก ณ.พระอุโบสถ วัดกระบกขึ้นผึ้งอีกครั้ง โดยได้มีการนิมนต์พระเกจิ อาจารย์ชื่อดังของเมืองระยองในขณะนั้น มาร่วมปลุกเสกอันประกอบไปด้วย 1.หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เป็นประธานจุดเทียนชัย และ พุทธาภิเษก 2.หลวงพ่อหอม วัดซากหมากป่าเรไรย์ 3.หลวงพ่อเย็น วัดบ้านแลง 4.หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก (เจ้าคณะอำเภอบ้านค่าย และ ศิษย์เอก หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก) ส่วนหลวงพ่อทาบ ท่านไม่ได้ร่วมปลุกเสกด้วย เพราะท่านท้องเสียในวันดังกล่าว.
๙๙ วัดใจ ๙๙ พระรอด 2 หน้า เนื้อชินเขียว จ.พะเยา + บัตร DD พระสวยครับ มีหน้าตา( ลางๆ ) ไขจัดมาก สวยสมบูรณ์ ผมรับประกันพระแท้ตามกฎทุกประการครับ ขอบคุณมากครับ
เมื่อ พูดถึงพระกรุวัดคูยาง ก็อดที่จะกล่าวถึงพระสงฆ์ผู้ที่คนเคารพนับถือว่าเป็นผู้ทรงวิทยาคุณ ขนานนามว่าพระเกจิอาจารย์เสียมิได้ โดยเฉพาะในส่วนของวัดคูยางแล้วก็นับว่าเป็นที่รู้จักและยอมรับนับถือของคน ทั่วไป ไม่น้อยไปกว่าวัดอื่น ๆ เลย เช่น พระครูธรรมาธิมุตมุนี ( กลึง ) พระครูเมธีคณานุรักษ์ ( ปลั่ง ) ต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระวิเชียรโมลี และพระวิเชียรธรรมคณี ( ทองพาน ) อดีตเจ้าอาวาสวัดคูยางและอดีตเจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชรทั้ง ๓ รูป เป็นต้น โดยเฉพาะพระครูธรรมาธิมุตมุนี ( กลึง ) ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ร่วมสมัยกับหลวงพ่อขำ อินทะปัญญา วัดลานกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร หลวงพ่อศุข วัดปากคลอง มะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท และหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร เป็นต้น ประวัติการสร้าง พระ ครูธรรมาธิมุตมุนี ( กลึง ) ผู้สร้างพระต่าง ๆ บรรจุไว้ในเจดีย์ ในราว พ.ศ. ๒๔๔๔ ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ พระยาตะก่า ได้ขออนุญาตบูรณะเจดีย์วัดพระบรมธาตุ นครชุม โดยรวมเจดีย์ทั้ง ๓ องค์ ให้เหลือเพียงองค์เดียวแต่ใหญ่ขึ้นดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน และในการบูรณะครั้งนั้น น่าจะมีพระครูธรรมาธิมุตมุนี ( กลึง ) ซึ่งเป็นผู้ปกครองวัดและพระสงฆ์สามเณรในจังหวัดนี้เป็นแม่กองงานบูรณะฝ่าย สงฆ์ด้วย ฉะนั้น ในการสร้างพระบรรจุที่กรุวัดคูยางของท่าน ส่วนหนึ่งได้นำพระกรุเก่าที่ชำรุดจากเจดีย์วัดพระบรมธาตุมาซ่อมแล้วบรรจุไว้ ด้วย นอกจากนี้ในการสร้างพระของท่าน มีหลักฐานเชื่อได้ว่าได้นำผงพระพุทธคุณของสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต ) และผงพระพุทธบาทปิลันธน์ผสมลงไปด้วย โดยพิสูจน์ได้จากพระกรุวัดคูยางบางองค์ที่หักชำรุดจะเห็นผงสีขาว บางองค์มีผงใบลานเผาปนอยู่ด้วย และบางองค์ยังมีไขคล้ายพระของพระพุทธบาทปิลันธน์อยู่บ้าง ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ พระที่หักชำรุดมีผงสีขาวปรากฏให้เห็นนั้น มักเป็นองค์ที่ไม่มีคราบราว่านหรือมีเพียงบาง ๆ แต่พระส่วนใหญ่จะมีคราบราว่านสีดำปนน้ำตาลแก่จับหนาแน่นไม่แพ้กรุเก่าเมือง กำแพงเพชรเลย เพียงแต่เนื้อพระดูจะสดกว่าหน่อยเท่านั้น เนื้อพระกรุเก่าของวัดคูยางนี้ จะใกล้เคียงกับเนื้อพระกรุวัดคุ้งยางใหญ่ ่ จังหวัดสุโขทัย เช่น พิมพ์สมเด็จสี่เหลี่ยมล้อพิมพ์สมเด็จ เนื้อและคราบราจะคล้ายคลึงกันมาก ต่างกันก็แต่กรุวัดคุ้งยางใหญ่ จะมีจารอักขระด้านหลังด้วยถ้าไม่มีจารก็แทบจะแยกไม่ออกว่าเป็นกรุวัดไหน ฉะนั้น ความแตกต่างก็จะอยู่ที่พิมพ์พระเป็นสำคัญ แต่ก็มีบางพิมพ์ที่คล้ายกันมากทั้งเนื้อและพิมพ์ก็คือพิมพ์สมเด็จปรกโพธิ์ ซึ่งล้อพิมพ์สมเด็จพระพุทธบาทปิลันธน์ เพียงแต่จะเล็กหรือใหญ่กว่ากันบ้างเพราะไม่ได้ใช้พิมพ์เดียวกัน เกียรติคุณของผู้สร้าง พระครูธรรมาธิมุตมุนี ( กลึง ) เป็นพระสงฆ์ที่เพียบพร้อมไปด้วยศีลาจารวัตร ทรงวิทยาคุณและอภินิหาร เป็นที่เคารพเลื่อมใสอย่างสนิทใจของสงฆ์และคฤหัสถ์ มีความรู้ความชำนาญทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติ ด้านสมณศักดิ์ก็เป็นพระครูสัญญาบัตรรูปแรกของเมืองนี้ ด้านการปกครองสงฆ์ก็เป็นเจ้าคณะเมืองหรือเจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชร ด้านการศึกษาก็นับเป็นหนึ่งมีโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกบาลีภายในวัดจนมีผู้สอบมหาเปรียญได้แล้วท่านก็ส่งไปเรียนต่อที่ กรุงเทพฯ ด้านสาธารณูปการคือการบูรณะปฏิสังขรณ์และการก่อสร้างศาสนวัตถุ โดยเฉพาะภายในวัดปรากฏชัดเจนดังหนังสือตรวจการณ์คณะสงฆ์จังหวัดกำแพงเพชรและ จังหวัดตากของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ ตอนหนึ่งว่า "............วัดคูยางนี้เป็นวัดใหญ่ของเมืองกำแพงเพชร เคยเป็นวัดเจ้าคณะเมือง เจ้าคณะเมืองรูปก่อนคือพระครูธรรมาธิมุตมุนี ( กลึง ) เป็นพระกว้างมาก ได้ก่อสร้างปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ โบสถ์ วิหาร และศาลาการเปรียญไว้ดีเป็นหลักฐาน........." การเปิดกรุ นับเป็นเวลาหลายปีก่อนหน้านี้ มีผู้แสวงหาพระที่พระครูธรรมาธิมุตมุนี ( กลึง ) สร้างกันมากขึ้น จึงอาจเป็นเหตุให้มีการลักลอบขุดเจาะเจดีย์กันหลายครั้งโดยเฉพาะในราวกลาง ปี พ.ศ. ๒๕๑๓ มีการลักขุดเจาะฐานเจดีย์เป็นช่องขนาดใหญ่จนทำให้เจดีย์ชำรุด และเมื่อต้นเดือนธันวาคมปีเดียวกันนี้ ก็มีการลักขุดกันอีก ทางวัดได้ปรึกษาผู้เกี่ยวข้องแล้วเห็นสมควรตั้งคณะกรรมการ โดยมีพระสิทธิวชิรโสภณ ( ช่วง ) เจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชร พระครูวิมลวชิรคุณ ( ทอน ) เจ้าอาวาสวัดคูยาง และนายบุญรอด โขตะมังสะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร เป็นต้น ทำการเปิดกรุ ปรากฏว่ามีทั้งพระกรุเก่าหรือพระฝากกรุและพระที่พระครูธรรมาธิมุตมุนีสร้าง บรรจุไว้ทั้งประเภท พระบูชาและพระเครื่องจำนวนมากโดยเฉพาะในส่วนที่เป็นพระเครื่องมีประมาณ ๓,๐๐๐ องค์ ซึ่งเหลือจากที่มีผู้ลักขุดเอาออกไปก่อนหน้านี้ซึ่งคาดว่าคงไม่น้อยกว่า จำนวนที่เหลือแน่นอน เนื้อ แบบพิมพ์และพระพุทธคุณ พระกรุวัดคูยางส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อดินที่ละเอียดนุ่มหนักแน่นมีราดำปรากฏ ทั่วไป ส่วนมากเป็นสีแดงคล้ำ บางองค์จะมีไขจับ และบางส่วนไม่มีราว่านหรือมีแต่เพียงบาง ๆ มีไขจาง ๆ บางองค์ที่มีคราบราหนา ๆ ก็จะเทียบกับพระกรุเก่าได้เลย มีความแห้งและเก่า แม้จะดูสดกว่าพระกรุเก่าก็ตามที พร้อมทั้งมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ในส่วนที่เกี่ยวกับแบบพิมพ์พระกรุวัดคูยางที่สร้างโดย พระครูธรรมาธิมุตมุนี ( กลึง ) นั้นมีทั้งพิมพ์ที่ทำขึ้นเองและถอดพิมพ์มาจากพระอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะตื้นไม่ลึกและไม่คมชัดเท่าที่ควร ถึงกระนั้นก็มีหลายพิมพ์ที่ยังคงความงามอยู่ไม่น้อยสำหรับพระที่สร้างพิมพ์ ขึ้นเองก็มีพระปิดตาสี่ทิศ ด้านหน้าจะมียันต์ ๕ ตัว คือ ตรงกลาง ๑ ตัว ช่องว่างระหว่างองค์พระทั้ง ๔ ทิศอีก ๔ ตัว ซึ่งยันต์ทั้ง ๕ ตัวนี้ เป็นยันต์เดียวกันกับพระของพระพุทธบาทปิลันธน์ เช่น พิมพ์ซุ้มประตู เป็นต้น ด้านหลังตรงกลางทำเป็นรูกลมลึกเข้าไปในเนื้อและก้นรูมียันต์ ๑ ตัว แต่ก็พบพระปิดตาสี่ทิศบางองค์ไม่มียันต์ด้านหลัง อาจจะหลงลืมในการกดพิมพ์ หรือพระบางเกินไปกดพิมพ์ให้ลึกเป็นรูไม่ได้ หรือจะคิดว่าเป็นพระคะแนนก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังพบพระพิมพ์อื่น ๆ อีก เช่น พระนารายณ์สี่กร ( ทรงปืน ) เป็นต้น ซึ่งเป็นพิมพ์ที่ทำขึ้นเองเช่นกัน มียันต์ที่ก้นรูด้านหลัง เช่นเดียวกับพระปิดตาสี่ทิศอยู่บ้าง แต่ก็หาดูได้ยากมาก พระที่ถอดจากพระพิมพ์เก่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นพระของกำแพงเพชร แต่ก็จะมีจำนวนหนึ่งที่เป็นพิมพ์ของพระจังหวัดอื่น ๆ เช่น พระสมเด็จปรกโพธิ์ พระพุทธบาทปิลันธน์ พระกริ่งคลองตะเคียน และพระพลายเดี่ยว เป็นต้น ส่วนพระคงกับพระรอดนั้น ไม่ได้ถอดพิมพ์มาแต่ล้อรูปแบบเดิมได้ใกล้เคียงจึงอนุโลมไว้ในกลุ่มนี้ สรุปพระกรุวัดคูยางนั้นเป็นที่ทราบกันว่ามีมากกว่า ๔๐ พิมพ์ แต่เท่าที่มีผู้พบเห็นก็คือพระปิดตาสี่ทิศขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ พระซุ้มกอขนมเบี๊ยะ พระซุ้มยอ พระขุนไกร พระคง พระร่วงนั่งฐานสำเภา พระนางกำแพงมีซุ้ม พระนางกำแพงหัวเรือเมล์ พระกริ่งคลองตะเคียน พระอู่ทอง พระชินราชใบเสมา พระยอดขุนพล พระซุ้มยอไม่ตัดปีก ( ฝากกรุ ) พระลีลาเม็ดขนุนขนาดเล็ก และใหญ่ พระสมเด็จปรกโพธิ์พระสมเด็จฐาน ๓ ชั้น พระซุ้มระฆัง พระพลายเดี่ยว พระอู่ทองซุ้มเรือนแก้ว พระนารายณ์สี่กร ( ทรงปืน ) พระสุพรรณหลังผาน ( หลังเรียบ ) พระรอด พระนาคปรก ( ๓ - ๔ พิมพ์ ) พระเปิดโลกเม็ดทองหลาง พระลีลาใหญ่ ( ๓ - ๔ พิมพ์ ) พระเชตุพน พระซุ้มกอเล็ก และพระซุ้มกอใหญ่ ( ขนาดพิมพ์กลางของเดิม ) และพิมพ์อื่น ๆ
ขุนไกรกรุวัดพระรูปสุพรรณบุรีพิมพ์หน้าเล็ก พร้อมบัตรรับรอง
พระปิดตารุ่นมหาเศรฐี หลวงพ่อไวทย์ วัดพนัญเชิงพร้อมกล่องเดิม