B&P

ข้อมูลสมาชิก – B&P

เริ่มเป็นสมาชิก: March 12, 2008 11:19:07 , สถานะ: ปกติ , ตั้งประมูล: 0 รายการ , รายการที่ยังไม่ปิด: 0 รายการ , คำชม: 462 รายการ , คำติ: 3 รายการ

ประวัติ Feedback


***วัดใจแดงแรก 20 บาท องค์สุดท้ายครับ ***พระกรุวัดนก จ.อ่างทอง สภาพสวยเดมๆครับ พร้อมเลี่ยมกันน้ำครับ....กรุวัดนก (สกุณาราม) จังหวัดอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง มีชื่อ "วัดนก" ถึง 3 วัดด้วยกัน ได้แก่ วัดนก (ราชปักษี) ตังอยู่ในอำเภอเมือง วัดนก (ราชสกุณา) ตั้งอยู่ในอำเภอวิเศษไชยชาญ วัดนก (สกุณาราม) ตังอยู่ในอำเภอไชโย กล่าว สำหรับวัดนก "สกุณาราม" อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ข้อมูลจากหนังสือ "เมืองอ่างทอง" อันจัดพิมพ์เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายในศุภวารมงคลสมัยที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 3 รอบ พ.ศ.2534 ว่า"วัดสกุณาราม ตั้งอยู่เลขที่ 1 บ้านสกุณา หมู่ที่ 5 ตำบลไชโย อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ที่ ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่มติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา อาคารเสนาสนะต่างๆ ประกอบด้วยพระอุโบสถสร้างใหม่ด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดกว้าง 20 เมตร ยาว 40 เมตร พระวิหารคอนกรีตและไม้กว้าง 5 เมตร ยาว 9 เมตร ศาลาการเปรียญเป็นไม้ กว้าง 18 เมตร ยาว 30 เมตร กุฎีสงฆ์ 7 หลัง ประวัติ ความเป็นมา เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา แต่ต่อมาคงถูกทิ้งร้างไป จนกระทั่งในปีพุทธศักราช 2416 จึงได้มาบูรณะปฏิสังขรณ์อีกครั้งหนึ่ง ปัจจุบันมีเนื้อที่ทั้งหมด 60 ไร่ 1 งาน 1 ตารางวา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2517 เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 20 เมตร ยาว 40 เมตร โบราณ วัตถุ พระเจดีย์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของพระอุโบสถ เป็นพระเจดีย์ทรงกลมที่มีฐานสูง ที่ก้านฉัตรไม่มีเสาหาร อาจกำหนดอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 23 ตอนปลายได้ แต่คงได้รับการซ่อมแซมในตอนกลางของพุทธศตวรรษที่ 25 อีกครั้ง"ที่ วัดนก (สกุณาราม) แห่งนี้มีกรุพระเครื่องเลื่องชื่อ ซึ่งอดีตเจ้าอาวาสวัดนาม หลวงปู่เฟื่อง เป็นผู้สร้างขึ้นมาเมื่อประมาณปี พ.ศ.2460-2470 ในสมัยนั้นนอกเหนือจากหลวงปู่เฟื่องแล้ว วัดนก (สกุณาราม) ยังมีพระเกจิอาจารย์เลื่องนามอีกรูปหนึ่งคือ หลวงพ่อทอง เป็นพระลูกวัด พระสมเด็จวัดนกที่พบเห็นกันโดยมาก เป็นพระสมเด็จฐาน 3 ชั้น มีขนาดกว้างประมาณ 1.5 เซนติเมตร สูงประมาณ 2.3 เซนติเมตร องค์ พระพุทธปฏิมากรปางสมาธิ ประทับบนอาสนะฐาน 3 ชั้น ภายในซุ้มประภามณฑล 2 ชั้น ระหว่างชั้นมีขีดคั่น ที่เรียกกันว่า ซุ้มประภามณฑลมีรัศมี แบบเดียวกับพระเครื่องหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เข้าใจว่าถ่ายทอดแบบกันออกมา องค์ พระมีพระพักตร์คมโตนูน เกศจะเป็นเกศสูงสองชั้น ปรากฏรอยผ้าสังฆาฏิอย่างชัดเจน ในส่วนของด้านหลังเรียบและปรากฏรอยจารอักฃระลงไปในเนื้อพระ เป็นตัว "อุ" บ้าง ตัว "เฑาะว์" บ้าง หรือตัว "อุณาโลม" บ้าง อย่างไรก็ตามพระสมเด็จวัดนกยังมีหลายพิมพ์ทรงที่พบเห็นกัน พระสมเด็จฐาน 3 ชั้น ข้างอุ พระสมเด็จฐานบัว 2 ชั้น ฯลฯ และเนื่องจากเป็นพระเครื่องที่ได้รับการบรรจุกรุ จึงปรากฏรอยคราบกรุให้เห็น แต่ เดิมทีนั้นพระสมเด็จวัดนก (สกุณาราม) ไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก ปรากฏว่ามีการนำพระสมเด็จวัดนก (สกุณาราม) นี้ไปยัดเป็นของพระเกจิอาจารย์อื่นๆ ก็มี จน เมื่อข่าวคราวของชาวบ้าน ที่พกพระสมเด็จวัดนก (สกุณาราม) นี้ไว้ในกล่องยาสูบ ไปเหยียบงูแมวเซาเข้าโดนกัดแต่ไม่เข้า อีกทั้งต่อมายังมีข่าวคราวเด็กในตลาดวิเศษไชยชาญคล้องพระสมเด็จวัดนก (สกุณาราม) เลี่ยมขอบเงิน ไปโดนหมากัดชนิดเสื้อขาดกระจุย ตามเนื้อตัวมีรอยเขี้ยวเต็มไปหมด แต่หาเข้าเนื้อไม่ นั่นแหละชื่อเสียงของพระสมเด็จวัดนก (สกุณาราม) จึงกระหึ่มขึ้นในท้องถิ่น พระ วัดนก(สกุณาราม) อ่างทอง เป็นพระเนื้อผงน้ำมัน มีหลายสี สีเขียว สีเทา สีดำ สีขาว สร้างขึ้นเมื่อปี 2453 โดยหลวงพ่อแก้ว ซึ่งท่านเป็นเพื่อนกับหลวงปู่ศุขแห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท สร้างเรื่อยมาจนถึงปี 2475 โดยนิมนต์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมาร่วมปรกปลุกเสกด้วย เพราะเป็นสหธรรมมิกกัน แม่พิมพ์จึงมีศิลปะแบบเดียวกับพระเครื่องหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า เข้าใจว่าคงได้รับการแนะนำแม่พิมพ์โดยหลวงปู่ศุขครับ โดยพระเครื่องวัดนกจะเป็นเนื้อผงผสมว่าน108ที่มีฤทธิ์ทางเหนียวและผงประกำ ช้าง ซึ่งที่วัดสกุณารามแต่โบราณใช้เป็นที่พักช้างให้ช้างได้พักผ่อนอาบน้ำให้ สะอาด ก่อนที่จะมุ่งหน้าเดินทางเข้าเมืองอยุธยาต่อไป ซึ่งเมื่อก่อนนี้เมืองอยุธยานี้ถือว่าเป็นเมืองหลวง ลูกประกำช้างนั้น เป็นวัสดุอาถรรพ์ช้างจะกลัวมาก หลวงพ่อแก้วได้นำมาตำผสมกับว่าน108และผงพุทธคุณและนำมาพิมพ์เป็นพระสมเด็จ


เขียนโดย :BOY.LS เจ้าของรายการ February 19, 2016 15:42:40

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระชุดภาคใต้/6127590


พระภูทราวดี ปี 06 ท่านขุนพันธ์สร้างแจกเมื่อคราวเกษียณอายุราชการ เกจิที่ปลุกเสกอาทิ อ.ปาน วัดเขาอ้อ อ.นำ อ.คง วัดบ้านสวน ลพ.เขียว วัดหรงบน พ่อท่านคล้าย และเกจิอื่นๆ3000 พระประธานพร ภูทราวดี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2506 เพื่อแจกจ่ายให้ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนทั่วไป เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการของ พล.ต.ท.ประชา บูรณธนิต และ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช มวลสารที่ ใช้สร้างเป็น ดิน ผง และว่านศักดิ์สิทธิ์ที่รวบรวมกันมาจากทั่วประเทศ และทำพิธีปลุกเสกครั้งแรกที่ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช(วัดพระบรมธาตุ) โดยคณาจารย์สายใต้และเกจิสายเขาอ้อ เช่น อ.นำ วัดดอนศาลา, อ.ปาล วัดเขาอ้อ, อ.คง วัดบ้านสวน, อ.หมุน วัดเขาแดงตะวันออก พิธีปลุกเสกครั้ง 2 ที่องค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 24 เม.ย.2506 โดยคณาจารย์สายภาคกลาง เช่น หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม, หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว, หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลาฯลฯ โดยหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และโยงสายสิญจน์มาจากองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ด้วย พระเนื้อดินสีน้ำตาล ปางประทานพรยกพระหัตถ์ขวา มีขนาดประมาณ 1.2 X 3.5 ซม. ด้านหลังประทับยันต์อุณาโลม พระ เครื่องชุดภูธราวดี ปี 2506 พุทธลักษณะเป็นพระปางห้ามญาติซึ่งเลียนแบบพุทธลักษณะมาจากพระร่วงโรจน์ฤทธิ์ ที่วัดพระปฐมเจดีย์ ด้านหลังมียันต์ตัว "นะ"ขึ้นยอดเป็นอุนาโลมอยู่ในกรอบรูปสามเหลี่ยมลักษณะคล้ายพระเจดีย์มีขนาด กว้างประมาณ1 ซม. สูงประมาณ 2.3 ซม. มีทั้งสีน้ำตาลแบบเนื้อดินผสมว่านและสีดำแบบว่านผสมผงซึ่งส่วนผสม สำคัญ ๆ ของพระเครื่องเนื้อดินผสมผงชุดภูธราวดี ได้แก่ 1. ดินจากสังเวชนียสถาน ทั้ง 4 แห่งในประเทศอินเดีย, 2.ว่านสำคัญ ทั้งว่านยา ว่านไสยศาสตร์ ยาแก้ยากันต่าง ๆ และว่านหายากชนิดต่าง ๆ ประมาณ 400 ชนิด, 3.ดินจากหลักเมืองและจากภูเขา หรือสถานที่ชื่อเป็นมงคลทั่วราชอาณาจักร, 4.ตะไคร่จากพระเจดีย์องค์สำคัญ ๆ เช่นจากพระปฐมเจดีย์จังหวัดนครปฐม , จากวัดบรมธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช ฯลฯ, 5.พระผงแตกหักจากพระสมเด็จฯ ผงแตกหักจากพระนางตรา , ผงจากพระ๕ณาจารย์ทั่งราชอาณาจักรที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น(พศ.2505-2506 ) ตลอดจนน้ำพระพุทธมนต์จากพิธีสำคัญ ต่าง ๆ ในการจัดสร้างพระพิมพ์พระร่วงโรจน์ฤทธิ์,จำนวนการสร้างทั้งหมดประมาณ 168,000 องค์ ทุก ๆ 100 องค์จะมีพระคะแนนที่เป็นพิมพ์พิเศษแตกต่างออกอีกไป 1 องค์ เช่น พระพิมพ์พระนางตรา , พระพิมพ์ทวารวดี, พระพิมพ์วัดประตูทอง เป็นต้น รวมจำนวนพระพิมพ์คะแนนพิมพ์ละประมาณไม่เกิน 1,680 องค์ นอกจากนี้ยังมีพิมพ์พิเศษที่มีจำนวนน้อยยิ่งกว่า พิมพ์คะแนน อันได้แก่ พิมพ์พระสังกัจจายน์ ซึ่งไม่ถูกระบุในประวัติการจัดสร้าง ตลอดจนพระกริ่ง และ พระบูชาภูธราวดี หน้าตัก 5 นิ้ว ที่ไม่สามารถระบุจำนวนการสร้างที่แน่ชัดได้ ส่วนผสมที่สำคัญสำหรับการหล่อพระกริ่งและพระบูชาธวารวดีซึ่งเท่าที่ปรากฏ หลักฐานมีเฉพาะเนื้อนวะโลหะได้แก่ 1.ทองคำ, 2. เงิน, 3. ทองแดง, 4.ดีบุก, 5.พลวง, 6.สังกะสี, 7.เจ้าน้ำเงิน, 8.เหล็กละลายตัว, 9.เหล็กธรรมดาและเหล็กไหล, ซึ่งก่อนการจัดสร้างพระเนื้อโลหะได้มีการจัดส่งทั้งแผ่นเงิน,ทอง,นาค, เงิน,ดีบุก ให้คณาจารย์ต่าง ๆ ทั้งที่มาเข้าร่วมในพิธีด้วยตนเอง และไม่ได้เข้าร่วมพิธีลงจารอักขระมาด้วย พิธีพุทธาภิเศกของพระชุดภูทราวดี มีทั้งสิ้น 3 ครั้งด้วยกันได้แก่ -ครั้งที่1 และครั้งที่2 ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชโดยทั้งการกดพิมพ์พระเนื้อดิน และหล่อพระเนื้อโลหะต้องเตรียมการและจัดทำกันอยู่เป็นเดือน ๆ โดยผู้ที่กดพิมพ์ มีทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน ข้าราชการ ผู้ที่กดพิมพ์และช่วยหล่อพระจะต้องนุ่งห่มขาว รับศีลสมาทานทุกวัน หากผู้ใดออกนอกปะรำพิธี ก่อนกลับเข้าในพิธี ต้องประพรมน้ำพระพุทธมนต์ก่อน รวมถึงต้องรับศีลใหม่ ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องถือพรมจรรย์ ห้ามรับของต่อจากมือผู้หญิงรวมถึงห้ามคนนอกและผู้หญิงเข้าใกล้ในเขตพิธีด้วย เมื่อเข้าที่เป็นที่เรียบร้อย จึงใช้ไม้ที่มีนามเป็นมงคลลงเลขอักขระเป็นเชื้อเพลิง เมื่อสุมไฟได้ที่ จะต้องมีพระสวดชัยมงคลคาถา 9 รูป เมื่อนำพระขึ้นมาจะต้องประพรมด้วยน้ำมันจันทร์หอมอย่างดีจึงจะนำไปเข้าพิธี พุทธาภิเศกต่อไป( เป็นเรื่องแปลกที่ขณะที่จัดสร้างพระชุดนี้ได้เกิดมหาวาตภัยขึ้นที่ แหลมตะลุมพุก วิหารทั่วไปในวัดล้วนได้รับความเสียหายแต่ภายในเขตพิธีอันได้แก่ วิหารหลวง ไม่มีสิ่งใดได้รับความเสียหายเลยแม้แต่กระเบื้องมุงหลังคาสักแผ่นเดียว ครั้งที่ 3 ทำพิธีพุทธาภิเศกที่จังหวัดนครปฐม มีทั้งพราหมณ์ พระไทย พระจีน พระญวน ในนิกายต่าง ๆ รายนามพระคณาจารย์ต่าง ๆ เท่าที่รวบรวมได้ซึ่งปรากฏหลักฐานว่าเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเศกของพระเครื่อง ชุดภูธราวดีได้แก่ 1.สมเด็จพระสังฆราชเป็นองค์ประธานพิธีที่หน้าองค์พระปฐม เมื่อ 24 เมษายน 2506, 2.พระมหาวีรวงศ์-พิธีเดียวกับสมเด็จพระสังฆราช, 3.พระอาจารย์ปาน วัดเขาอ้อ, 4.พระอาจารย์คง วัดบ้านสวน, 5.หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดงตะวันออก, 6.อาจารย์นำ วัดดอนศาลา ( ขณะเข้าพิธียังเป็นฆราวาสอยู่และมีรูปถ่ายปรากฏเป็นหลักฐาน), 7.หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม, 8.หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา, 9.หลวงปู่เพิ่ม วัดกลาบางแก้ว, 10. หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ฯลฯ นอกจากนี้มีเกจิฯ อีกมากมายที่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน


เขียนโดย :เกื้อหนุน เจ้าของรายการ February 19, 2016 11:00:04

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระเนื้อดิน/6121212


พระชัยวัฒน์ วัดสุทัศน์ ท่านเจ้าคุณศรีสนธิ์  ตามโบราณเชื่อว่า พระชัยวัฒน์ มีอานุภาพมากมายหลายประการกับผู้ที่บูชาพกพาอาราธนาติดตัว ชนะทุกอย่าง ความยากจน โรคภัยไข้เจ็บ ชนะหมู่มารที่คิดไม่ดี คิดร้าย วัตถุมงคลจะมีพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ เทวานุภาพ ขจัดปัดเป่าเสนียดจัญไร ป้องกันภูตผีปีศาจ แคล้วคลาดปลอดภัย จากภัยพิบัติใดๆทั้งปวง เพิ่มพูนในเรื่องของเสน่ห์ เมตตามหานิยม ค้าขายเจริญรุ่งเรือง กับผู้ที่บูชาพกพามีความศรัทธา เลื่อมใส ยึดมั่น ถือมั่น ในพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า @@@ เคาะเดียว @@@  @@@ พระแท้ดูง่าย รับประกันตามกฎ ครับบบบบบบบบบ@@@ @@@ เคาะเดียว @@@ @@@ พระแท้ดูง่าย รับประกันตามกฎครับบบบบบบบบบบบบ@@@ @@@ พระแท้ดูง่าย รับประกันตามกฎครับบบบบบบบบบบบบ@@@ @@@ พระแท้ดูง่าย รับประกันตามกฎครับบบบบบบบบบบบบ@@@


เขียนโดย :มัดหมี่ เจ้าของรายการ February 19, 2016 08:00:04

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระเนื้อดิน/6121156


วัดใจแดงแรกเคาะ...(เนื้อแร่หายาก) สภาพสวยมาก มีน่ามีตา เก่าเก็บ ไม่ผ่านการใช้มา เนื้อแก่แร่ ออกโซน 2 สี เทาอมส้ม พร้อมกล่องเดิมๆ รับประกันพระแท้ตามกฎ


เขียนโดย :แดงบุปผา เจ้าของรายการ February 17, 2016 13:10:04

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระเนื้อผง-เนื้อว่าน/6188269


สภาพนี้ก็หายากแล้วครับ มาพร้อมบัตรรับรอง สดๆร้อนๆ พี่ๆท่านใดสนใจเคาะใส่ราคา ได้เลยครับ ขอบพระคุณมากครับ   หายากขึ้นทุกวันครับ พระดียุคเก่าๆ ของเก๊เกลื่อนสนามครับ องค์นี้ตัวจริงเสียงจริงครับ มาพร้อมกับบัตรรับรองจากทางเว็บ สบายใจได้ครับ   สายตรงไม่ควรพลาดครับ นานๆจะพบเจอตัวจริงสักองค์ครับ   รับประกันตามกฎทุกประการครับ   ปล.ผู้ชนะการประมูลเมื่อโอนแล้วรบกวนแจ้งใน mailbox ให้ทราบด้วยนะครับ เพื่อการจัดส่งที่รวดเร็ว ขอบพระคุณมากครับ


เขียนโดย :เหน่งบางคู้13 เจ้าของรายการ February 16, 2016 12:50:46

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระบูชา-รูปถ่าย/6175721


  ปิดวัดใจ  มีบัตรดีดี     รับประกันพระแท้     หน้าตัก 1.2 นิ้ว      สูง 2.5 นิ้ว 


เขียนโดย :ping เจ้าของรายการ February 16, 2016 08:53:05


พระสวยเดิมๆครับ จัดส่งพร้อมบัตรครับ


เขียนโดย :ping เจ้าของรายการ February 16, 2016 08:52:02

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระเนื้อผง-เนื้อว่าน/6182050


พระกรุหลวงพ่อผาด วัดดงตาล(วัดสามัคคีธรรม)   พระ กรุหลวงพ่อผาด วัดดงตาลหรือวัดสามัคคีธรรม ตำบลหัวสำโรง อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เป็นพระที่พบบรรจุอยู่ใต้ฐานพระประธานในพระอุโบสถของวัด มีการขุดเจาะพระออกมาเมื่อปี 2543 เมื่อครั้งทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ พระที่พบออกมามีจำนวนประมาณ สี่หมื่นองค์ เป็นพระเนื้อดินเผาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดกว้างประมาณ1.5 เซนติเมตร สูงประมาณ 2.5 เซนติเมตร ความหนาบางของพระไม่แน่นอน ด้านหน้าเป็นรูปพระปางสมาธิมีเส้นซุ้มล้อมรอบ(คล้ายกับพระพิมพ์ประภามณฑลของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่ายุคต้น ๆ ) ประทับอยู่บนฐานเขียงชั้นเดียวเบื้องล่างเป็นรูปสัตว์มีอยู่สองชนิดคือ ทรงเสือและทรงสิงห์ ด้านบนขององค์พระมีรูเจาะและอุดผงพุทธคุณปิดด้วยซีเมนต์อีกชั้นหนึ่งคล้าย กับพระพิมพ์ของหลวงพ่อปาน บางองค์จะมีการทาชาดแดงทับก่อนปิดด้วยซีเมนต์อีกชั้นหนึ่งก็มี ด้านหลังและขอบด้านข้างส่วนใหญ่จะมีรอยปาด รอยตัดเข้ารูป หรือบางองค์ด้านหลังก็มีรอยนิ้วมือของผู้กดพิมพ์ปรากฏอยู่ ส่วนผงที่อุดรูผงนั้นเป็นผงที่ได้จากการเขียนยันต์และบริกรรมคาถากำกับแต่ละ บทที่มีพุทานุภาพอันทรงประโยชน์เช่นยันต์เกราะเพชร แล้วลบออก แล้วเขียนซ้ำใหม่แบบนี้หลายๆครั้งจนได้ผงวิเศษออกมาโดยหลวงพ่อปานแห่ง วัดบางนมโค   นอก จากพิมพ์ทรงเสือและสิงห์แล้วยังพบพระพิมพ์ สมเด็จคะแนนด้านหน้าเป็นรูปพระประธาน ด้านหลังเรียบ ด้านบนเจาะรูอุดผงซึ่งเป็นพระคะแนนนับจำนวน และพระพิมพ์รูปนางกวักสร้างจากเนื้อผงพุทธคุณล้วน ๆ แต่มีจำนวนไม่มากนัก   พระ ครูกิตติพิพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม (ดงตาล) ต.หัวสำโรง อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เปิดเผยว่า ขณะที่ทางวัดดงตาลได้บูรณะซ่อมอุโบสถเก่า แบบก่ออิฐถือปูน เครื่องบนหลังคา เป็นไม้สัก ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๗ ได้ทรุดโทรม ไปตาม กาลเวลา จึงได้ซ่อมใหม่โดยการสกัดเจาะฐานหลังชุกชีปูนปั้นเป็นช่อง เพื่อยกองค์ พระประธานประจำอุโบสถ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปโลหะลงรักปิดทอง ปางสมาธิ หน้าตัก ๒ ศอกให้สูงขึ้นกว่าพระพุทธรูปองค์รอง ที่ประดิษฐานอยู่ที่หน้าพระประธานบนฐานเดี่ยว เพื่อให้พระประธานเด่นเป็นสง่ากลางอุโบสถ ระหว่างที่บูรณะอยู่นี้ ได้พบพระพิมพ์สี่เหลี่ยม เนื้อดินประทับสิงห์ และเสือ ตกลง มาจากโพรง ใต้ฐานบัวพระประธาน จำนวนหนึ่ง คณะกรรมการวัด จึงยุติการเจาะฐาน แล้วตรวจสอบนับจำนวนพระที่พบ จึงทราบจากคำบอกเล่าของ นายตี๋ ชิงช่วง อายุ ๗๕ ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน และผู้อาวุโสประจำหมู่บ้านอีกหลายท่านว่า วัดดงตาล เดิมเป็นวัดร้าง มาบูรณะขึ้นใหม่ประมาณสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาหมอผาด เกษตรง เจ้าของร้านขายยาพระอาทิตย์เวชโอสถ บางลำพู กรุงเทพฯ ได้มาเป็นผู้นำในการสร้าง อุโบสถและหล่อ พระประธานขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๗ แล้วหมอผาดซึ่งมีความรู้ทางวิชาอาคม ในการหุงน้ำมันมนต์ และปรุงยาโบราณ มีความคุ้นเคยกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นอย่างดียิ่ง บางข้อมูลก็ว่าหมอผาดได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อปาน จึงได้ขอให้หลวงพ่อปาน ช่วยสร้างพระเครื่องสำหรับบรรจุกรุในอุโบสถตามธรรมเนียม แห่งการสร้าง อุโบสถมาแต่โบราณ ซึ่งหลวงพ่อปานมีเมตตาสร้างเป็นพระพิมพ์ ประทับสิงห์และเสือซึ่งมีความแตกต่างจากบรรดาสัตว์ ๖ ประเภท(ทรงไก่ ครุฑ หนุมาน ปลา เม่นและนก)ที่หลวงพ่อปานท่านสร้างที่วัดบางนมโคก็เนื่องจากหมอผาดท่านเกิดปี ขาล สัญญลักษณ์คือเสือ ซึ่งเป็นสัตว์ที่แสดงถึงพลังอำนาจเป็นที่น่าเกรงขาม ส่วนทรงสิงห์คงเป็นด้วยอุปเท่ห์ด้านความมีอำนาจวาสนา ความเป็นผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ เป็นเจ้าป่าเจ้าแห่งสัตว์ทั้งปวง ลักษณะ ของพระเป็นเนื้อดินเผาขนาดเล็ก ตัดขอบ เจาะบรรจุผงวิเศษ และปลุกเสกมอบให้หมอผาด นำใส่กล่องไม้ ลงเรือล่องมาตามแม่น้ำน้อยและแม่น้ำเจ้าพระยา มาขึ้นที่คลองหลังวัดดงตาล ต่อมาหมอผาด ได้บวชเป็นพระภิกษุ เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านมาก เพราะหมอผาดเป็นพระหมอที่เก่ง ในการรักษาโรคกระดูก โรคเส้น ฯลฯ ด้วยน้ำมนต์และมีดโต้ศักดิ์สิทธิ์สำหรับรักษาโรคประจำตัว พระผาด จึงได้ฉายาว่า หลวงพ่อผาด มีดโต้ เมื่อท่านสร้างอุโบสถวัดดงตาลแล้วเสร็จ จึงได้นำพระพิมพ์ประทับหลังสิงห์และเสือ บรรจุไว้บนฐานชุกชี แล้วอัญเชิญพระประธาน ซึ่งหล่อด้วยโลหะขึ้นประดิษฐานครอบไว้ จึงก่ออิฐถือปูนเป็นบัวคว่ำบัวหงายเปิดไว้ เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๔๗๔ ภายหลัง หลวงพ่อผาด วีรุตตโม ได้กลับไปจำพรรษาที่วัดในกรุงเทพฯ และมรณภาพ เมื่อปี ๒๕๐๐ ชาวดงตาล และทายาทห้างขายยาพระอาทิตย์เวชโอสถ และพระจันทร์เวชโอสถ จึงได้หล่อรูปเหมือนเท่าองค์จริง พร้อมมีดโต้ประจำตัว ไว้สักการบูชาประจำวัดดงตาล เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๐๐ จนเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านมาถึงปัจจุบัน   ประวัติ โดยละเอียดของหลวงพ่อผาดนั้น ไม่ได้มีการบันทึกไว้ชัดเจนนักเนื่องจากท่านเป็นพระที่สมถะ และวัดดงตาลก็เป็นเพียงวัดเล็กๆในจังหวัดลพบุรี ทราบแต่เพียงว่าท่านเป็นพระมีเมตตาสูงเป็นพระหมอที่มีความรู้ความสามารถมาก มีวิชาอาคมแก่กล้า ท่านเป็นพระเกจิ ที่มีวิชาความรู้ด้านแพทย์แผนโบราณเป็นอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าท่านสามารถรักษาคนง่อยเปลี้ยเสียขาให้กลับมาเดินเหินได้เป็นปกติ เลยทีเดียว ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยเมื่อท่านสำเร็จวิชาที่วัดบางนมโค แล้วต่อมาจึงมาร่ำเรียนที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า เมื่อสำเร็จวิชาจึงกลับมายังวัดดงตาลวัดบ้านเกิดเพื่อพัฒนาให้มีความเจริญสม ฐานะแก่ศาสนสถาน เจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม บอกด้วยว่า นับเป็นเวลาเกือบ ๗๐ ปี ที่พระเครื่องชุดนี้ได้บรรจุอยู่ในองค์พระประธาน ในอุโบสถวัดดงตาล ซึ่งพระสงฆ์ได้ทำวัตรสวดมนต์ และทำสังฆกรรมในอุโบสถมาเป็นเวลาอันยาวนาน พระกรุหลวงพ่อผาดชุดนี้เริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นก็เมื่อครั้งที่ทางวัด มีการบูรณะอุโบสถวัดดงตาลในปี๒๕๔๓ซึ่งใช้งบประมาณ ๓,๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ทางวัดดงตาลจึงนำพระเครื่องที่ขุดเจาะได้มอบให้แก่เจ้าภาพผู้ร่วมทอดผ้าป่า สมทบทุนบูรณะอุโบสถและเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้บูชาในราคาเริ่มต้นองค์ละ ๕oo บาท และจะนำพระพิมพ์ส่วนที่เหลือจากการมอบให้เจ้าภาพผ้าป่าและเปิดให้เช่าบูชา แล้ว บรรจุกรุใต้ฐานพระประธานเป็นพุทธบูชาอีกครั้งหนึ่งหลังจากทำการบูรณะ ปฏิสังขรณ์เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในครั้งนั้นเมื่อเรื่องราวการเปิดให้ร่วมกันทำบุญและเช่าบูชา พระหลวงพ่อผาดแพร่กระจายออกไปได้มีผู้สนใจจัดตั้งกองผ้าป่าและร่วมเช่าพระ ที่วัดเป็นจำนวนมากทำให้ได้เงินปัจจัยเพื่อบูรณะโบสถ์ครั้งนั้นสูงถึง ๔,๕oo,ooo บาท จนทำให้สามารถบูรณะพระอุโบสถสำเร็สเสร็จสิ้นลงได้อย่างรวดเร็วและยังเหลือ เงินอีกจำนวนหนึ่งไปสร้างเป็นมณฑปได้อีกหนึ่งหลัง   ทั้ง นี้ด้วยความศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อผาด และความต้องการพระเครื่องที่สร้างโดยหลวงพ่อปานโดยแท้ พระเครื่องชุดหลวงพ่อผาดได้ดำเนินการจัดสร้างและปลุกเสกขึ้นที่วัดบางนมโค อยุธยาโดยหลวงพ่อปานซึ่งคาดว่าน่าจะมีจำนวนสร้างประมาณ ๘๔,ooo องค์โดยถือเอาตามตามจำนวนพระธรรมขันธ์ ลักษณะของเนื้อดินเป็นดินขุยปูมีเม็ดแร่กระจายอยู่ทั้งองค์ เหมือนกับพระเครื่องของหลวงพ่อปานพิมพ์อื่นๆไม่มีผิดเพี้ยน เพียงแต่น่าจะมีความแตกต่างในกรรมวิธีการเผาเท่านั้นโดยจะสังเกตได้ว่าพระ ของหลวงพ่อปานส่วนใหญ่จะมีวรรณะเป็นสีดินหม้อใหม่หรือสีแดงดินเผา เนื่องมาจากการเผาพระนั้นใชปี๊ปสังกะสีทำการบรรจุพระพิมพ์แล้วสุมไฟเผา ด้วยลักษณะของโลหะสังกะสีที่นำความร้อนได้ดี ความร้อนจึงแพร่กะจายไปทั่วปี๊ปทำให้พระที่เผาสุกในเวลาใกล้เคียงกัน สีจึงออกมาใกล้เคียงกันเป็นส่วนใหญ่   ส่วน พระชุดหลวงพ่อผาดจะมีความแตกต่างกันคือมี วรรณะของสีพระหลากหลายมีทั้งสีขาวนวล สีพิกุล สีแดงอิฐ สีเขียว สีเทาและดำ ซึ่งสันนิษฐานว่าเมื่อกดพระพิมพ์เสร็จแล้วคงจะนำไปบรรจุลงในไหหรือโอ่งดิน เผาแล้วนำไปสุมไฟเช่นเดียวกับการเผาพระสกุลลำพูนแบบโบราณกาล ด้วยลักษณะของภาชนะดินเผาซึ่งนำความร้อนได้ช้าและส่วนล่างที่ถูกไฟสุมพระจะ สุกก่อนพระจะมีวรรณะออกดำ ส่วนด้านบนพระจะสุกทีหลังจึงมีวรรณะออกขาวนวล   ถ้า จะพูดกันถึงพุทธคุณในพระเครื่องหลวงพ่อผาด วัดดงตาล เป็นที่กล่าวขานกันมานานแล้วว่าไม่แตกต่างจากพระเครื่องของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคแต่อย่างใดคือ เด่นมากในด้านเมตตามหานิยมและค้าขายเป็นเลิศอีกทั้งยังใช้พระเครื่องของท่าน ทำน้ำมนต์ รักษาโรคได้สารพัดทีเดียวเพราะท่านเองก็เป็นพระหมอที่มีวิชาติดตัวเป็นที่ โด่งดังมากทีเดียวบางท่านที่เคยบูชามาแล้ว กล่าวกันว่ายังเด่นในด้านมหาอำนาจอีกด้วย ซึ่งอาจเป็นด้วยอุปเท่ห์แห่งพิมพ์พระทรงสัตว์ที่เป็นเสือและสิงห์ก็เป็นได้ คุณลุงอำพร มีสัตย์ อายุ ๕๙ ปีหนึ่งในกรรมการวัดซึ่งร่วมในการเปิดกรุพระในปี๒๕๔๓เล่าว่า คนในพื้นที่ซึ่งได้รับพระซึ่งหลวงพ่อผาดท่านแจกจ่ายให้กับญาติโยมที่มาช่วย งานในพิธีชักโบสถ์ (วางเสาลงตอหม้อของโบสถ์)ของวัดดงตาลเมื่อปี๒๔๗o และได้นำมาบูชาติดตัวกันล้วนแต่พูดเป็นเสียงเดียวกันและเชื่อมั่นในพุทธคุณ ด้านเมตตามหานิยม ค้าขายและโชคลาภ และเป็นที่เคารพศรัทธาเป็นอย่างยิ่งของคนในพื้นที่มาช้านาน


เขียนโดย :nat ko เจ้าของรายการ February 16, 2016 08:04:13

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/หลวงพ่อคูณ-ปี-2512-2539/6188064


เหรียญนั่งพาน วัดบ้านคลอง ผิวเดิมงามๆ พร้อมกล่องสมบรูณ์ ชอบเชิญครับมาเปิดวัดใจกัน


เขียนโดย :ศักดิ์พระเครื่อง เจ้าของรายการ February 16, 2016 03:07:22

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระเนื้อดิน/6096307


บางกระทิง  ไม่มีอุด ไม่มีซ่อม  พระเคยถักลวดใช้มา


เขียนโดย :อโยธยา เจ้าของรายการ February 09, 2016 11:50:05

หน้าที่ :  124