ยอดเยี่ยมครับท่าน
ขอบคุณครับ (auto feedback)
พิมพ์นี้ไม่ค่อยเจอ หายาก..
ยอดเยี่ยมมากคะ
ยอดเยี่ยมมากคะ
ขอบคุณครับ (auto feedback)
ขอบคุณครับ (auto feedback)
สุดยอดเมตตามหานิยมอันดับ1ของเมืองไทย สีผึ้งเขียวเกี้ยวสาวลพ.ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง จ.ระยอง ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมากด้านเสน่ห์เมตตามหานิยมโดยเฉพาะสีผึ้ง มีลูกศิษย์มากมายทั่วประเทศ ตั้งแต่ประชาชนธรรมดา ข้าราชการ ตลอดจนถึงเจ้านายใหญ่ในรั้วในวัง ประมาณก่อนปี 2500 ถึงปี 2508 อิทธิฤทธิ์หลวงพ่อเพ่ง/เมตตามหานิยมหลวงพ่อทาบ/อาคมหลวงพ่อทิม เป็นวลีที่ชาวระยองกล่าวขานรู้จักกันดี ชิ้นนี้มาใหม่สดๆครับสีผึ้งบรรจุในตลับทองเหลืองลงยารูปหัวใจสวยงามตอกโค้ตไข่ปลา ลพ.ทาบเดิมๆ จากวัด เป็นของนายทหารเรือท่านหนึ่งครับเป็นโยมอุปถากย์ของหลวงพ่อทาบ ตั้งแต่ท่านเป็นร้อยเอก และตอนนี้ท่านเกษียณอายุราชการและกลับมาอยู่สุโขทัยบ้านเกิดเก็บวัตถุมงคล และเครื่องรางของขลังสายหลวงพ่อทาบและหลวงพ่อทิมเป็นจำนวนมาก แต่แกไม่ให้บูชาครับถ้าอยากได้ให้เอาพระกรุสุโขทัยมาแลก และเป็นที่มาของสีผึ้งหยกเขียวหลวงพ่อทาบครับผม สีผึ้งหยกเขียวเกี้ยวสาวหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง มีทั้งเลื่ยมกรอบพลาสติกแบบลูกอม/แบบน้ำเต้าเดิมๆจากวัดและยังมีบรรจุในตลับ สุดยอดหายากมากๆ ยุคต้นมี3สีครับ1.ขาวอมเหลือง 2.สีนำตาลเข้ม 3.สีเขียวใสหยก หลวงพ่อทาบมีชื่อเสียงโด่งดังจนเป็นเอกอุในด้านเมตตามหานิยมและเป็นที่ รู้จักของผู้คนทั่วไปก็มาจากสีผึ้งเขียวหยก เมื่อหลวงพ่อทาบมีอายุล่วงเข้า ๘๐ พรรษาเศษแล้ว(ประมาณปี 2500)ท่านใช้เวลารวบรวมมงคลวัตถุต่าง ๆ เป็นเวลานานถึง ๔ ปีเศษสีผึ้งหลวงพ่อทาบสร้างขึ้นตามตำราของครูภู่ ชาวอุบล นั้นแรก ๆ ก็เป็นสีผึ้งธรรมดา ไม่มีสีเขียว ต่อเมื่อหลวงพ่อทาบมีชื่อเสียงทางด้านสีผึ้งมากขึ้น ท่านจึงได้นำใบของว่านชนิดหนึ่งผสมลงไปด้วย สีผึ้งก็เลยมีสีเขียวจนภายหลังเรียกกันว่า “สีผึ้งเขียว” คุณลุงเจริญเล่าว่าสีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบนั้น ท่านทำเสร็จแล้วจะใส่ไว้ในโถโบราณซึ่งมีฝาครอบ ปรากฏว่าสีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบนั้นจะงอกหรือเพิ่มปริมาณได้ตามความแรงของ กำลังวัน บางครั้งสีผึ้งจะฟูขึ้นจนติดฝาครอบโถเกาะกันเป็นวงคล้ายๆ กับดอกของใบพลู ซึ่งเป็นรูปคล้ายดอกใบพลูนี้แหละขลังนัก ศิษย์วัดกระบกขึ้นผึ้งเมื่อเปิดฝาโถเห็นเข้าก็จะเอาใบจาก ซึ่งใช้สำหรับมวนบุหรี่สูบมาม้วนเป็นกรวยตักไป ใช้ได้ผลชะงัดนัก รายไหนรายนั้น มักหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามคนป้ายไปและไม่เคยมีพลาดเลยสักรายเดียว ผมถามว่าต้องใช้ป้ายกี่ครั้งจึงจะสำเร็จ คุณลุงเจริญบอกว่าโดยมากมักครั้งเดียวก็สำเร็จ แต่ถ้าผู้หญิงบางคนดวงแข็งมีของดีคุ้ม หรืออำนาจดวงคุ้มครอง ก็ต้องใช้หลายหนหน่อย แต่สำเร็จทุกราย สีผึ้งของหลวงพ่อทาบนั้น มีเคล็ดวิธีการใช้ดุจเดียวกับหลวงปู่ทิม คือใช้ตามคำสั่งความสำคัญของนิ้วมือทั้ง ๕ นิ้ว นับแต่หัวแม่โป้งเรื่อยมาจนถึงนิ้วก้อยซึ่งเล็กที่สุด และวิธีจะใช้ป้ายผู้หญิงซึ่งหมายปองก็อย่าป้ายให้ต่ำกว่าบั้นเอวลงไป เวลาป้ายก็ให้ป้ายให้ถูกต้องเนื้อ อย่าให้ถูกผ้า เพราะจะได้ผลช้าอานุภาพสีผึ้งหลวงพ่อทาบ นักเลงรุ่นเก่าชาวระยองยอมรับว่าสีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบนั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ ไม่เคยทำให้ใครผิดหวังโดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ท่านผู้เฒ่าท่านหนึ่งใน ต.ตาสิทธิ์ ติดกับวัดหลวงปู่ทิมเล่าให้ผู้เขียนฟังว่าเมื่อสมัยหนุ่ม ๆ ข้าก็ได้อาศัยสีผึ้งเขียว ของหลวงพ่อทาบนี่แหละ จึงได้แม่อ้ายยอด มาจนทุกวันนี้ แม่อ้ายยอดเมื่อสาวๆ มันสวยอย่าบอกใครเชียว หนุ่ม ๆ มาจีบกันหัวกระไดแทบไม่แห้ง แต่ลุง (ตัวคนเล่า) มันพูดจาไม่เก่ง รูปก็ไม่หล่อ แรกๆแม่อ้ายยอดไม่เคยมองลุงเลย ความที่อยากเอาชนะไอ้พวกหนุ่มรุ่นเดียวกัน ลุงจึงดั้นต้นไปขอสีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบ ไปก็หลายครั้งหลายหนอยู่จนท่านจำได้และเห็นมาบ่อย ๆ หลวงพ่อทาบท่านเลยสงสารควักให้มาหัวไม้ขีดหนึ่งสั่งว่าเพียงเอาห่อติดตัว เวลาจะใช้กับผู้หญิงคนใดก็เพียงแต่ทำใจให้นึกเห็นใบหน้าเขาและเข้าไปหาเถอะ ไม่ช้าก็สำเร็จ และก็ได้ผลจริงๆไม่นานแม่อ้ายยอดเกิดสงสารเห็นใจลุง ทั้งที่ก่อนนั้นเขาไม่เคยชายตามองลุงเลย พวกหนุ่มบ้านอื่นงงเป็นไก่ตาแตก ท่านผู้เฒ่าเล่าเสริมต่อไปว่า หลังจากได้แม่อ้ายยอดมาเป็นเมียและอยู่กับมาจนบัดนี้แล้ว ลุงเคยถามเขาว่า เพราะเหตุใดจึงเกิดมารักลุง ทั้งๆ ที่แต่แรกไม่เคยสนใจลุงเลย แม่อ้ายยอดบอกกับลุงว่าเป็นเพราะอะไรไม่รู้ วันไหนถ้าไม่เห็นหน้าลุงใจคอมันหงุดหงิด ร้อนรุ่ม พอได้เห็นหน้าลุงแล้วสบายใจ และไม่ช้าลุงก็ชวนมันมาอยู่กับลุงเสียเลย ผมได้ถามลุงผู้เฒ่าว่า แล้วสีผึ้งนั้นอยู่ไหน? ขอผมดูหน่อย ท่านผู้เฒ่าบอกว่า เมื่อลุงได้เมียแล้วก็ไม่ได้ใช้อีกเลย เพราะหลวงพ่อท่านสั่งนักสั่งหนาว่าถ้าใช้กับผู้หญิงแล้วต้องเลี้ยงเขาเป็น ลูกเมีย ห้ามทิ้งขว้าง ลุงได้แม่อ้ายยอดมาครองคนเดียวก็นับว่าพอใจแล้ว เลยหุ้มทองเก็บไว้ จนอ้ายยอดลูกหัวปีของลุงมันเป็นหนุ่มแล้ว ลุงจึงมอบให้มัน ก็ดูซิอ้ายยอดลูกชายลุงมีเมียตั้ง ๓ คน และอยู่บ้านเดียวกันทั้งนั้น หลานลุงมีเป็นพรวน มีเมียมากมันก็ไม่ดีหรอกหลาน หาเท่าไรไม่พอเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย แต่ก็ดีไปอย่าง อ้ายยอดมันได้เขาแล้วมันก็ไม่ทิ้งไม่ขว้าง เลี้ยงเป็นลูกเป็นเมียทุกคน อ้ายยอดลูกลุงน่ะ มันไม่เท่าไหร่หรอก มีเพียงแค่ ๓ คน เท่านั้น แต่ลูกศิษย์หลวงพ่อทาบที่เคยบวชอยู่กับท่านคนหนึ่งซิ เดี๋ยวนี้ย้ายไปอยู่จันทบุรี มีเมียอยู่บ้านเดียวกันถึง ๖ คน ทุกคนปรองดองกันดี ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันเลย แต่ลูกเป็นกระบุง แต่เขาก็มีฐานะดีนะ เรื่องสีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบ ถ้าใช้เรื่องผู้หญิงรับรองได้เยี่ยมจริง ๆ มีคาถาใช้ดังนี้ "จิตติ มิตติ อระระหัง ปิยังมะมะ "ใช้ภาวนาเป็นเมตตามหานิยม และใช้ภาวนาเวลาใช้ขี้ผึ้งทาปากเมื่อใช้นิ้วมือแตะขี้ผึ้งแล้วให้ว่า นะมโม 3 จบ ก่อน แล้วภาวนาคาถา พร้อมกับทาขี้ผึ้งที่ริมปาก จนทาปากเสร็จ......การใช้นิ้วมือแตะขี้ผึ้งทาปากนั้น ให้ใช้ดังนี้.. 1.เมื่อจะไปหาผู้ใหญ่ หรือผู้มียศ ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือแตะขี้ผึ้งทาปาก 2.เมื่อจะไปหาคนรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือคนรับใช้ ให้ใช้นิ้วชี้แตะขี้ผึ้งทาปาก 3.เมื่อจะไปหาผู้สูงอายุ หรือแม่หม้าย ให้ใช้นิ้วกลางแตะขี้ผึ้งทาปาก 4.เมื่อจะไปหาสาวๆหนุ่มๆให้ใช้นิ้วนางแตะขี้ผึ้งทาปาก 5.เมื่อจะไปหาสาวน้อย หรือคนที่มีอายุน้อยกว่า ให้ใช้นิ้วก้อยนแตะขี้ผึ้งทางปาก... หากใช้ขี้ผึ้งอาราธนาติดตัว....นะโม 3 จบ "อุกาสะ สัมปะติ จิตติ มิตติ อรหัง"ให้สวดภาวนาตามกำลังวันเช่นเกิดวันเสาร์ 10 จบเป็นต้น
พระกริ่งคลองตะเคียน กรุวัดประดู่ทรงธรรม อยุธยา เนื้อดินผสมใบลานเผา วัดประดู่อยู่ติดกับวัดโรงธรรม โดยวัดประดู่อยู่ทางทิศเหนือ และวัดโรงธรรมอยู่ทางทิศใต้ ต่อมามีการรวมพระ อารามทั้ง 2 แห่งเข้าด้วย กันเป็นวัดประดู่โรงธรรม แล้วมาสมัยรัชกาลที่ 5 จึงเปลี่ยนเป็นวัดประดู่ทรงธรรม เข้าใจว่าจะอาศัยเหตุที่พระสงฆ์ของพระอารามแห่งนี้ เคยได้ รับอุปฐากจากสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ด้วยเหตุการณ์ที่กล่าวข้างต้นชื่อนี้ได้ใช้สืบมาจนทุกวันนี้ และจากหลักฐานทางพระราชพงศาวดารดังกล่าวสามารถคำนวณอายุวัดได ้ไม่ ต่ำกว่า 380 ปีแล้ว ปัจจุบันวัดประดู่ทรงธรรม มีศาสนสถานเกิดขึ้นมากมายหลักฐานเก่าแก่ทางโบราณคดี ดูเหมือนจะมีเพียงตัววิหารที่อยู่ทางทิศตะวันออกของโบสถ์ เท่านั้น คือมีจารึกเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ฝังไว้กับผนัง ด้านหน้าภายใน ระบุปีที่มีการสร้าง(ในตัวจารึกใช้ว่า ” ทราง ” )พ.ศ. 2405 และชื่อของผู้ร่วมสร้าง นอกจากนี้ที่ผนังภายในทั้ง 4 ด้านของวิหาร ยังมีภาพจิตรกรรมแสดงเรื่องราวทางทศชาติชาดกพุทธประวัติอีกด้วย ภาพเด่นคือขบวนเสด็จที่ผนังเหนือหน้าต่างทั้งซ้ายขวา หลวงพ่อรอดเสือที่เรียกกันทั่วไปว่าหลวงพ่อรอดเสือ นี้ ได้มีการสันนิษฐานว่าอาจจะไม่ใช่ชื่อจริงของท่าน แต่คงนำเหตุการณ์ที่ท่านรอดมาจากเสือกินมาตั้งเป็นชื่อของท่าน หลวงพ่อรอดเสือเป็นศิษย์เก่าของวัดประดู่ ท่านได้ไปศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดบางหว้าใหญ่ (วัดระฆังโฆสิตาราม) กรุงเทพฯ แต่เป็นด้วยเหตุใดไม่ปรากฎท่านได้อพยพลงเรือบรรทุกหนังสือมาด้วยเต็มลำ พายขึ้นไปจนถึงบ้านกะมัง จ. พิจิตร จนเพลาเย็นจวนค่ำท่านก็จอดเรือ เพื่อที่จะจำวัดตรงท่าที่เสือลงมากินน้ำ ชาวบ้านเห็นว่าจะไม่ปลอดภัย จึงได้อาราธนาให้ท่านมาจอดเสียที่ฝั่งบ้านคนอยู่ แต่ท่านไม่ยอมมาเพียงแต่บอกว่าเสือก็อยู่ตามเสือ คนก็อยู่ตามคน พอรุ่งเช้าท่านไม่เป็นอันตรายใดๆ ชาวบ้านเห็นเป็นอัศจรรย์จึงได้เอากัปปิยะจังหันมาถวายเป็นจำนวนมาก จากนั้นท่านก็พายเรือล่องมาจอดที่วัดนางชีซึ่งเป็นวัดร้างอยู่ริมแม่น้ำป่าสักหน้าวัดประดู่ เพื่อจะดูสถานที่สร้างวัดเป็นที่อยู่อาศัยต่อไป เมื่อท่านได้พบสถานที่ที่เหมาะสมแล้วก็ได้สร้างกุฎิเพื่อเป็นที่พำนัก ต่อมาได้สร้างเสนาสนะอื่นๆรวมทั้งพระอุโบสถ วัดประดู่จึงได้มีพระสงฆ์อยู่จำพรรษาสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน จึงนับว่าหลวงพ่อเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ของวัดประดู่ในสมัยรัตนโกสินทร์ ได้มีการบอกเล่ากันว่าชาวบ้านกะมัง จ. พิจิตร ได้ติดตามมาคอยปรนนิบัติท่านที่อยุธยา จึงได้มีชื่อของบ้านกะมังหรือตำบลกะมัง ใน จ. พระนครศรีอยุธยา ในปัจจุบันนี้ หลวงพ่อรอดเสือ ท่านเป็นพระเถระที่ยอดเยี่ยมในวิชาอาคมที่มีชื่อเสียงมาก และในปัจจุบันนี้ก็ยังมี ี พระเจดีย์บรรจุอัฐิของท่าน ให้ประชาชนที่เคารพนับ ถือมากราบไหว ้กันอยู่ไม่ขาด ท่านปกครองวัดอยู่นานเท่าใด และมรณภาพเมื่อใดไม่ปรากฎเป็นหลักฐาน วัดประดู่ ก็คือสถานที่ต้นกำเนิดพระกริ่งคลองตะเคียนนั่นเอง เพียงแต่ต่างสมัยกัน อยุธยา กับรัตนโกสินทร์ สร้างจากตำราเดียวกันที่ตกทอดกันมา มีประสพการณ์ทางด้านคงกระพันเช่นเดียวกับพระอยุธยาพิมพ์อื่นๆ
ขอบคุณครับ (auto feedback)