พิเศษพระได้หนา สวยมากระดับประกวด ไม่ผ่านการใช้มา ประกันพระแท้ตามกฎสากล แท้ทุกสนาม
ประกันพระแท้ตามกฎ
พิมพ์สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด หลังจาร สภาพสวยมาก .... รุ่น นี้ดีทุกด้านไม่ว่า เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุตม์คงกระพัน กันเขี้ยวงา และที่เด่นสุดคือหนุนดวงให้สูงส่ง เพราะพระพรหมเป็นผู้ลิขิตชีวิตมนุษย์ พุทธคุณดีรอบด้านจริง ๆ หลวงปู่สีห์ ท่านเคยกล่าวว่า ใครบูชาพระพรหม จะไม่มีวันตกอับ เพราะท่านจะเป็นที่รักของทั้งเทวดา และมวลมนุษย์
ประกันพระแท้ทุกสนาม เจ้าของเดิมสั่งทำตลับเงินอย่างดี ยกซุ้มแกะ พร้อมใช้
พระสังกัจจายน์ หลวงพ่อพูล วัดไผล้อม นครปฐม รุ่น 60 พรรษาร่มกาสาวพัสตร์
เหรียญพระประธานวัดโคกเมรุ (พิมพ์ใหญ่) ทรงเสด็จเททองหล่อ ปี2517เสด็จพระราชดำเนินเททองหล่อพระประธาน พระเกจิคณาจารย์สายใต้ปลุกเสกคับคั่ง อาทิ หลวงปู่เขียว วัดหรงบล, อ.นำ แก้วจันทร์ วัดดอนศาลา, หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง พ่อท่านขาว วัดโคกพระเมรุ
เหรียญเสมาครึ่งองค์ หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก จ.ประจวบฯ สร้างปี2537
เหรียญหลวงพ่ออี๋ปี2514
พระผง หลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู จังหวัดลพบุรี เนื้อผงน้ำมันออกที่วัดโคกหม้อ จังหวัดลพบุรี จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2480 ท่านได้สร้างไว้เมื่อครั้งไปช่วยบูรณะเสนาสนะที่วัดโคกหม้อ มีด้วยกันหลายพิมพ์องค์นี้เป็นพิมพ์รูปเหมือนที่ได้รับความนิยมเก็บกันมาก เนื้อผงน้ำมันสีเหลือง พระเครื่องของท่านพุทธคุณสูง ด้านเมตตามหานิยมแล้วยังได้แฝงไว้ด้านความคงกระพันชาตรีอีกด้วย
ปริศนาแห่งพระเครื่องประเภทนี้ เสน่ห์น่าจะอยู่ที่การเล่าขานเกี่ยวกับการส ร้าง เท่าที่ค้นคว้ามา ผู้เขียนยังไม่พบเอกสารที่บ่งชี้ถึงการสร้างเลยสักรุ่น มีแต่เพียงคำเล่าต่อปากถึงวิธีการสร้างว่าทำกันอย่างไร อันที่จะบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์ว่ามีกี่พิมพ์ จำนวนเท่าใด หรือใครเป็นผู้สร้างผู้ปลุกเสกอย่างที่ทำกันในปัจจุบันนี้ก็ไม่ปรากฏหลักฐาน เราทราบแต่เพียงว่าบรรดาลูกศิษย์ที่นับถือครูบาเจ้าฯ สร้างด้วยความเคารพนบไหว้ตนบุญองค์วิเศษท่านนี้ ทุกครั้งที่ท่านปลงเกศา หลับตาจินตนาการเห็นบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายนั่งอยู่รายล้อม เอาใบบัวเอาผ้าขาวมาคอยรับเส้นเกศา ด้วยว่าเส้นเกศาครูบาเจ้าฯ คือตัวแทนความวิเศษนั้น จึงพากันเก็บรักษาเสมอของมีค่าควรเมือง ภาพจินตนาการของผู้เขียนไม่ไกลจากความเป็นจริงเลยหากท่านผู้อ่านได้สัมผัส กับผู้คนเขตอำเภอทางตอนใต้ของลำพูนในยุคปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้แหละที่ผู้เขียนให้ชื่อหัวข้อบทความยาวยืดนี้ว่า ปริศนาแห่งพระเกศาฯ ในวงการนิยมพระเครื่อง มักแบ่งยุคการสร้างพระเกศาครูบาเจ้าฯอย่างคร่าว ๆ คือ ทันยุคครูบาฯ หรือ ยุคต้น หมายถึงการสร้างตั้งแต่ครั้งครูบายังมีชีวิตอยู่ และ ยุคหลัง ซึ่งหมายถึงผู้ที่เก็บเส้นเกศาไว้แล้วนำมาสร้างพระเครื่องในตอนหลัง ซึ่งอาจหมายถึงพระเครื่องที่เพิ่งสร้างขึ้นไม่กี่วันมานี้เอง ส่วนการจะสังเกตว่าสร้างในยุคไหนนั้น อันนี้อธิบายได้ไม่ยาก แต่จะให้เข้าใจได้อย่างถูกต้องนั้นกลับยากยิ่ง ปริศนานี้น่าจะเป็นมนต์เสน่ห์ของผู้ที่ใฝ่ศึกษาและต้องได้สัมผัสด้วยตนเอง เท่านั้นถึงจะเข้าใจ เนื้อพระเกศาครูบาเจ้าฯ ที่นิยมกันมี 2 เนื้อ คือ เนื้อแก่ผงใบลาน กับ เนื้อแก่ว่านเกสรดอกไม้ เนื้อครั่งเนื้อดินผสมอยู่ก็มีบ้าง พบไม่บ่อยนักและมักจะสร้างขึ้นในยุคหลัง และทั้งหมดทั้งมวลต้องมีเส้นเกศาครูบาเจ้าฯบรรจุอยู่ โดยมีรักเป็นตัวประสาน บางองค์ชุบรักหรือปิดทองร่องชาดงดงาม ดังได้กล่าวแล้วว่า เราท่านทราบวิธีการสร้างพระเกศาจากการเล่าขานต่อปากกันมามากกว่าการได้พบ เห็นกันจริง ๆ ถ้าเราสรุปว่านี่คือพระเกศาครูบาเจ้าฯยุคต้น เรามักเชื่อเช่นนั้นโดยการอนุโลมว่าได้ยินได้ฟังมา หนึ่ง ประมาณเอาจากประสบการณ์ หนึ่ง ส่วนวิธีการสร้างจริง ๆ นั้น ผู้เขียนมีโอกาสได้สัมภาษณ์ พระอาจารย์ผดุง พุทธสโร เกจิอาจารย์ล้านนารูปหนึ่งแห่งวัดล้านตอง ตำบลห้วยทราย อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านมีความเคารพนับถือครูบาเจ้าฯ เป็นอย่างมาก ท่านได้สร้างเกศาครูบาขึ้นรุ่นหนึ่ง ดังมีรายละเอียดการสร้าง ดังนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2540 ท่านได้เดินทางไปพบกับผ้าขาวดวงต๋า ปัญญาเจริญ ที่บ้านห้วยไซ ตำบลบ้านธิ จังหวัดลำพูน ผู้เคยเป็นลูกศิษย์ของครูบาเจ้าฯ ผ้าขาวดวงต๋าได้เก็บเส้นเกศาครูบาเจ้าฯไว้จำนวนหนึ่ง ใส่กระบอกไม้ไผ่เฮี้ยมีฝาปิดลงรักงดงาม แล้วถวายเส้นเกศาดังกล่าวเพื่อให้นำไปสร้างพระเครื่อง จากนั้นในปีเดียวกันจึงนำมาสร้างพระเกศาครูบาเจ้าฯ ตามเจตนาของเจ้าของ จำนวนมากเป็นพันองค์ มี 3 พิมพ์ คือ พิมพ์พระรอด พิมพ์พระลือโขง และพิมพ์รูปเหมือน โดยมีวิธีการทำดังนี้ มวลสารที่ใช้สร้างประกอบด้วย ดอกไม้อุโบสถส่วนหนึ่ง ธรรมใบลานเก่าและพับหนังสา ส่วนหนึ่ง ใบสรี หรือใบโพ ที่เก็บได้จากต้นโพ จำนวน 108 ต้น ส่วนหนึ่ง นำมวลสารเหล่านี้มาสับให้เป็นชิ้น ๆ ตากให้แห้ง แล้วคั่วในกระทะใบใหญ่จนกรอบมีสีดำ จากนั้นนำมาตำให้ละเอียด ร่อนเอาเฉพาะผงถ่านนำมาผสมกับยางรักที่กรองแล้วคลุกเคล้าจนเหนียวพอปั้นเป็น องค์ได้ แม่พิมพ์ปั้นจากดินเหนียวเผาไฟจนแกร่ง เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็จะขัดราชวัตรแวดล้อมพร้อมตั้งเครื่องบวงสรวง พลีกรรมตามธรรมเนียมอย่างล้านนา เทเส้นเกสาครูบาเจ้าลงบนผ้าขาว แล้วปั้นสมุกคลุกรักให้พอองค์ นำมาแตะกับเส้นเกศาแล้วกดเป็นรูปพระตามแบบพิมพ์ ด้านหลังประทับตราเป็นรูปยันต์ฟ้าล้นหรือยันต์ฟ้าลั่นซึ่งผ้าขาวดวงต๋าเล่า ว่า เป็นยันต์ที่ครูบาเจ้าฯนิยมใช้ เมื่อเสร็จแล้วนำพระเกศาทั้งหมดผึ่งลมจนแห้งสนิทเป็นเวลาเดือนครึ่ง ก่อนจะนำเข้าพิธีปลุกเสกร่วมกับวัตถุมงคลของท่านครูบาน้อยแห่งวัดบ้านปง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ในปีเดียวกัน แล้วแบ่งพระเกศาที่สร้างในครั้งนี้ออกเป็นสามส่วนเท่า ๆ กัน ตนเองเก็บไว้เพียงส่วนเดียวเพื่อไว้แจกแก่ผู้ที่นับถือครูบาเจ้าฯ วิธีการสร้างพระเกศา ตามที่ผู้เขียนได้เขียนเล่ามานี้ คงพอประมาณได้ว่าการสร้างพระเกศาในอดีตนั้นเป็นอย่างไร อาจไม่ตรงเสียทั้งหมด จึงได้ใช้คำว่า ประมาณเอา ส่วนการสร้างพระเกศารุ่นนี้อาจจะแปลกจากรุ่นอื่น ๆ ในอดีต กล่าวคือได้พระเกศาพิมพ์เดียวกันเป็นจำนวนมาก เพราะพระเกศาครูบาเจ้าฯในยุคต้นที่เราท่านพบส่วนมากไม่ซ้ำพิมพ์กัน