ประวัติของอาจารย์เณร วิรัช ลุปซาร์ หรือ มหาฤษีนารทะ ราชโยคะ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2490 ย่านวัดดอน ยานนาวา กรุงเทพฯ ท่านมีคุณปู่เป็นชาวเยอรมัน ชื่อ เฟอร์โด ลุปต์ซ่า เคยเป็นครูสอนเกษตรในไทย ก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง บิดาชื่อ อาจารย์วินิจ ลุปต์ซ่า หรือ มหาฤษีนาร โษตตะมะ หรือที่เรียกกันว่า “อาจารย์พ่อ” อาจารย์เณรวิรัช ลุปต์ซ่า มีความเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็ก อายุได้ 7 ขวบ ท่านก็บวชเป็นสามเณร ศึกษาพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นอกจากนั้น ท่านยังสนใจในด้านไสยศาสตร์เป็นพิเศษ จึงได้ลาอาจารย์พ่อออกแสวงหาอาจารย์ที่ทรงคุณวิเศษเพื่อศึกษาวิชา โดยออกเดินธุดงค์ไปจนถึงชายแดนไทย-เขมร ท่านได้พบ อาจารย์ที ชาวเขมรผู้เก่งกล้าด้านไสยเวทที่ศรีสะเกษ จึงฝากตัวเป็นศิษย์ และได้ศึกษาวิชาการต่างๆ จนแตกฉาน คืนหนึ่ง ณ บริเวณยอดเขาพระวิหาร ขณะที่อาจารย์เณรวิรัช ลุปต์ซ่านั่งสมาธิ จิตของท่านก็ได้พบกับพระจิตของ “องค์ธรรม” ซึ่งมีพระนามทางโลกว่า “องค์สมเด็จพระบรมครูท่านท้าวมหาพรหมธาดา” ซึ่งได้ทรงสั่งสอนธรรมะแห่งธรรมชาติอันแท้จริง เพื่อให้ท่านนำไปเผยแพร่ โดยทรงตรัสไว้เป็นปริศนาธรรมว่า “พระองค์ย่อมแสดงให้ปรากฏซึ่งธรรมะแห่งธรรมชาติมาแล้วทุกยุคทุกสมัย เมื่อใดอธรรมรุ่งเรือง ธรรมะย่อมปรากฏ เพื่อปราบอธรรม” ในปี พ.ศ.2502 หลังจากอาจารย์เณรวิรัช ลุปต์ซ่า สำเร็จถึง “ฌาน” อันเป็นจริงโดยธรรมชาติแล้ว ท่านจึงกลับมาจำพรรษาอยู่ ณ วัดดอนยานนาวา กรุงเทพฯ และนำเรื่องของไสยศาสตร์มาแสดงให้ผู้คนได้เห็นเป็นรูปธรรม สั่งสอนและเผยแพร่ “องค์ธรรม” อันเป็นหัวใจของธรรมะ หรือ “ธรรมแห่งธรรมชาติอันแท้จริง” อาจารย์เณรวิรัช ลุปต์ซ่า มีเมตตากรุณาต่อสาธุชนทุกผู้ทุกนามที่มีความเดือดร้อน โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ ช่วยเหลือปัดเป่า ทั้ง ลง เสก เป่า เพื่อขจัดเรื่องร้ายต่างๆ ให้เบาบางหรือหมดไป ทั้ง โรคภัยไข้เจ็บ และภยันตรายต่างๆ จนชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือไกล แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่อายุของท่านสั้นนักท่านมรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2509 อายุเพียง 19 ปีเท่านั้น รูปนี้ทันอาจารย์ วิรัช ลุปซ่า หายากมากๆ สุดยอดประสบการณ์ เวปเพื่อนบ้าน รูปสวยๆทะลุหมื่น นะครับ พร้อมบัตรรับรอง
*** พระมงคลมหาลาภ พ.ศ.2499 ของวัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครเป็นพระสมเด็จแบบสมเด็จพระพุฒาจารย์ พระแบบสมเด็จพระพุฒาจารย์ พระพุทโธเล็ก พระวัดตะไกร และพระแบบวัดนางพระยา ฯลฯ (และแบบอื่นๆอีกมาก) พระเครื่องเหล่านี้สร้างเป็นที่ระลึกในงานสมโภชพระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี ซึ่งสร้างที่ วัดสัมพันธวงศ์ พระนคร แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ วัดสารนาถธรรมราม อ.แกลง จ.ระยอง พร้อมด้วยพระอัครสาวกซ้ายขวา เมื่อวันที่ 5-31 มีนาคม 2499 *** พระ รุ่นนี้ ปลุกเสกโดยคุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธ และ คณาจารย์หลายท่านเช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ หลวง พ่อเงินวัดดอนยายหอม เป็นต้น ****ทั้ง นี้ ได้รับการปลุกเสก ซ้ำที่วัดสารนาถธรรมาราม จ.ระยองอีกครั้ง โดยนิมนต์พระสายระยอง และสายกรรมฐานเช่น หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง หลวง ปู่ทิม วัดละหารไร่ หลวงพ่อลี วัดป่าคลองกุ้ง อาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม โดย ทั้งหมดเพื่อจัดสร้างและสมโภชน์พระพุทโธภาสชิน ราชจอมมุนี ในขณะที่แม่ชีบุญเรือน เป็นประธาน จัด สร้างและคุมงานเอง แม่ชีบุญเรือนเป็นแม่ชีที่สำเร็จอภิญญาชั้นสูงเปี่ยมด้วยบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ ท่านสามารถอธิษฐานจิตให้ต้นมะม่วงอ่อนออกดอกผลได้ในคืนเดียว แม้แมื่อมรณภาพอัฐฐิยังกลายเป็นพระธาตุ พระของท่านเซียนใหญ่หลายคนยังอาราธนาขึ้นคอเลยเพราะท่านเอาดินจากพระกรุเก่าๆที่ชำรุดและดอกผลของมะม่วงดังกล่าวมาสร้างพระเครื่องครับ ศักสิทธิ์มากๆ สร้าง 100000 องค์ ก็ไม่พอแจกครับ ปัจจุบันหายากครับ รับประกันความแท้ครับ อ่านประวัติและอภินิหารคุณแม่บุญเรือนได้ที่นี่ http://www.tonprasiam.com/article.php?lang=th&headername=บทความ&headername= พระมงคลมหาลาภ พ.ศ.2499 ของวัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร เป็นพระสมเด็จแบบสมเด็จพระพุฒาจารย์ พระแบบสมเด็จพระพุฒาจารย์ พระพุทโธเล็ก พระวัดตะไกร และพระแบบวัดนางพระยา ฯลฯ พระเครื่องเหล่านี้สร้างเป็นที่ระลึกในงานสมโภชพระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี ซึ่งสร้างที่ วัดสัมพันธวงศ์ พระนคร แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ วัดสารนาถธรรมราม อ.แกลง จ.ระยอง พร้อมด้วยพระอัครสาวกซ้ายขวา เมื่อวันที่ 5-31 มีนาคม 2499นั้น บางท่านยังไปทราบประวัติที่ควรทราบ ซึ่งเป็นเหตุจะให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา เพื่อได้เคารพบูชาแนบแน่น สมกับเป็นปูชนียวัตถุที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นมงคลเหตุเครื่องเจริญอายุ วรรณะ พละ แลลาภยศ สรรญเสริญ สมบัติเกียรติศักดิ์ แลคุณธรรม คือเป็นสือสำคัญที่ที่จะให้เข้าถึงอิฐผลนั้นๆ อันนับว่าเป็นกำลังอันยิ่งใหญ่สำหรับชีวิต สามารถให้ถึงภาวะอันเป็นอิสระเต็มที่ มีความเกษมนิรันดร เมื่อสร้างแจ้งให้ทราบแต่การประกอบพิธีบันจุพุทธมนต์ เป็นพิเศษที่ยิ่งใหญ่โดยสังเขป ซึ่งยังไม่เคยเห็นทำที่ไหน คือจัดที่บูชาพร้อมเครื่องสังเวยต่างๆมีเทียนธูป ข้าวตอก ดอกไม้7สี แลอาหารผลไม้ถึงอย่างละ 375 ที่มีเบญจา มีเศวตฉัตร 9 ชั้น สูง 6 ศอก 8 ต้น บายศรีเงิน-บายศรีทอง 9 ชั้น สูง 6 ศอก อย่างละ 8 ต้น บันจุพระพุทธมนต์ลงไปในน้ำ และผงที่จะสร้างพระนั้น โดยนิมนต์อาจารย์ ผู้มีชื่อเสียงหลายวัดทำพิธีประจุมนต์ เข้าพิธีปลุกเสกมีพระเกจิที่มีชื่อเสียงเช่น พระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ) วัดบวรนิเวศวิหาร พระวรเวทย์คุณาจารย์ (เมี้ยน ปภสสโร) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม พระมหารัชชมังคลาจารย์ พระมงคลเทพมุนนี จนฺทสโร (สด มีแก้วน้อย) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระครูวินัยธรเฟื้อง (ญาณปปทีโป) หลวงพ่อลี วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ (ช่วยทำพิธีและประสานงานด้วย) พระสอาด อภิวัฑฒโน วัดสัมพันธวงศ์ พระครูนอ วัดกลางท่าเรือ อยุธยา พระอาจารย์บุ่ง วัดใหม่ทองเสน พระชอบ สัมจารี วัดอาวุธวิธกสิตาราม ธนบุรี เป็นต้น พร้อมด้วยบันจุเทพมนต์พรหมมนต์ โดยเชิญเทพแลพรหมผู้มีชื่อเสียงเก่าๆ มาเข้าพิธีอธิษฐานบันจุมนต์ลงด้วย และบันจุมนต์โยคีโดยโยคีฮาเร็บ (อาจารย์ชื่น จันทรเพ็ชร) ผู้มีชื่อเสียงและ พ.ต.อ.ชะลอ อุทกภาชน์ ผู้เป็นศิษย์เป็นผู้ทำพิธีบรรจุ เสร็จพิธีแล้ว จึงได้ใช้ผงประสมทำเป็น องค์พระได้มงคลฤกษ์ จึงได้ทำพิธีปลุกเสกพระเครื่องนั้นอีกครั้งหนึ่ง พระเครื่องที่จะทำพิธีปลุกเสกนั้น ห่อด้วยผ้าขาว 7 ชั้น ผ้าเขียว 7 ชั้น พิธีนอกนั้นเหมือนเมื่อเมื่อบันจุมนต์ลงในผงแลน้ำที่ จะสร้างพระ ตั้งน้ำมนต์สำหรับแจกผู้ที่ต้องการซึ่งมาร่วมพิธี 40 ตุ่ม แต่ไม่ได้กล่าวถึงผงที่นำมาประสมสร้างพระนั้นว่ามีอะไรบ้าง มีผู้สนใจต้องการทราบอยู่เป็นจำนวนมา จึงสมควรเขียนประวัติ เนื่องด้วยผงที่นำมาประสมสร้างพระเครื่องนั้น ให้ท่านทราบไว้ด้วย ดังต่อไปนี้ 1.ผงขอจากพระอาจารย์ต่างๆ ที่ท่านทำและรวบรวมไว้หลายวัด เช่น วัดพระเชตุพน วัดตรีทศเทพ และวัดสัมพันธวงศ์ ฯลฯ ผงแป้งที่ทำเลผงจากพระของเก่าบ้าง 2.ผงพระที่ทำด้วยว่านต่างๆ ที่นิยมว่าเป็นมงคลศักดิ์สิทธิ์ 108 อย่าง ทำจากดอกไม้บูชาพระต่างๆ 108 อย่าง 3.ผงที่ทำด้วยดินจากท่าน้ำ 7 ท่าและจากสระน้ำ 7 สระ 4.ผงที่ทำด้วยเอาคัมภีร์เก่าๆ ทั้งใบลานและสมุดข่อยมาเผาบด ตั้งแต่หมายเลข 1-5 นี้ประสมสร้างพระผงรุ่นก่อนแล้วเอามาบดผสมเข้ากัน กับผงใหม่ที่นำมาเข้าพิธีด้วย 5.ผงที่ได้จากดินสังเวยชนียสถาน 4 แห่งในอินเดียคือ 5.1 ดินที่ลุมพินีระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์และเทวทหะ ซึงเป็นที่ประสูติของพระพุทธเจ้า 5.2 ดินที่มหาโพธิ์ พุทธคยาที่ตรัสรู้ 5.3 ดินที่สารนาถ มฤคทายวัน เมืองพาราณสี ซึ่งเป็นที่พระพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรมจักร 5.4 ดินที่กุสินารา ซึ่งเป็นที่พระพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพาน 6.ดินจากสถานที่สำคัญ 9 แห่ง คือดินจากสถานที่พระพุทธเจ้าเสด็จ เสวยวิมุตติสุข 7 แห่ง บริเวณพุทธคยา มีที่รัตนะจงกลม แลที่สระมุจลิน เป็นต้น แลดินที่พระคันธกุฏีที่ประทับของพระพุทธเจ้าที่บนเขา คิชกูฏ (เมืองราชคฤห์) ดินที่ที่พระคันธกุฏีที่ประทับในเมืองสาวัตถี ซึ่งพระครูสุภารพินิจ (โทน สุขพโล) วัดสัมพันธวงศ์ ได้ไปนมัสการปูชนียสถานนั้นๆ และได้นำมาเมื่อปี พ.ศ.2497 ผู้ที่มีพระเครื่องแบบพุทธมงคลมหาลาภ พระแบบสมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นต้นไว้บูชา เป็นอันได้ระลึกถึงแลบูชา สังเวชนียสถาน 7.ผงปูนหินขาว ราชบุรี 8.ผงปูนซีเมนต์ขาว และนอกจากนี้ ก็ยังมีดินเหนียวอย่างดี สีเหลือง และน้ำอ้อยเป็นต้น ผงเหล่านี้นั้น ประสมกันมากบ้างน้อยมาก แล้วบดให้ละเอียดแร่งกรองด้วยผ้าป่าน สำเร็จเป็นผงที่จะสร้างพระเครื่องใช้น้ำมนต์ที่ทำไว้ นั้นประสมกับของที่จะทำพระให้ พระมีคุณภาพดี สวยงามทนทาน ศักดิ์สิทธิ์ต่อไป ประสมผงพิมพ์เป็นรูปพระพุทธมงคลมหาลาภบ้าง สมเด็จบ้าง ส่วนพระเครื่องอื่นสร้างด้วยดินประสมผงเผาแล้วนำมา เข้าพิธีปลุกเสกในคราวเดียวกันกับพระพุทธมงคลมหาลาภ เสร็จแล้วแจกจ่ายในงานสมโภชพระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี พร้อมด้วยพระอัครสาวก ในการต่อมา พระเครื่องเหล่านี้ เมื่อแจกจ่ายแก่ผู้จำนงในงานผูกพัทธสีมา อุโบสวัดสารนาถธรรมารามแล้ว ก็จะได้จัดการทำบันจุในอุโบสถ หรือเจดีย์ตามสมควรเพื่อเป็นมิ่งขวัญแก่สารนาถธรรมาราม อันเป็นมหาปูชนียสถานในกาลต่อไปฯ พระมหารัชชมังคลาจารย์ ( เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ) ข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับพระมงคลมหาลาภ เป็นพระนาคปรกสี่เหลี่ยม เนื้อผงขาว (และส่วนผสมดังกล่าวแล้ว) ด้านหลังเป็นยันต์เฑาะดอกบัว อะอุมะ พิมพ์ใหญ่กลางเล็ก จำนวน 84,000 องค์ ซึ่ง “พระรัชชมงคลมุนี” (พระมหารัชชมังคลาจารย์) อดีตเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ได้มอบให้ “พระชอบ สัมมาจารี” วัดอาวุธวิกสิตาราม กรุงเทพฯ สร้าง เพื่อนำมาแจกในงานสมโภชพระประธาน โดยส่ง “ผงอิทธิเจ ผงพุทธคุณต่าง ๆ เป็นแท่ง ๆ ประทับตรา “วัดสัมพันธวงศ์” ให้นำมาผสม โดยเรียก “พระนาคปรก” นี้ว่า “พระมงคลมหาลาภ” ซึ่งมีชื่อของท่านคือ “พระรัชชมงคลมุนี” อยู่ในชื่อพระด้วย ในพิธีนี้แม่ชีบุญเรืยนได้อธิษฐานจิตร่วมอยู่ในพิธีด ้วย หลวงพ่อลี วัดอโศกการาม จ.สมุทรปราการ องค์ประสานงานพิธีพุทธาภิเษกครั้งนี้ ได้บอกศิษย์ว่า “พระผงนี้ดีมาก มีรังสี สีขาว และเหลืองกระจายออกสว่างไสว” นอกนั้น ท่านยังได้ขอพระผงมงคลมหาลาภที่ชำรุดประมาณ 1 บาตรพระ นำไปบดใส่ “พระใบโพธิ์เนื้อดิน พ.ศ. 2500”ของท่านด้วย ขนาดขององค์พระ พิมพ์ใหญ่ ฐานกว้างประมาณ 2.5-3.8 ซม. หนา 0.5 ซม. พิมพ์เล็ก ฐานกว้างประมาณ 2.2-2.5 ซม. หนา 0.5 ซม. ด้านหลัง มีตราวัดสัมพันธวงศ์ “เฑาะรัศมีดอกบัว อ.อุ.ม. ประทับลงในเนื้อเป็นตรารูปไข่ ขนาดของ ความหนาไม่แน่นอน หนาบ้าง บางเฉียบบ้าง แล้วแต่ขนาด พระพิมพ์นี้ คนระยอง คนจันทบุรี คนตราด อีกทั้งชาวประมงแถบภาคตะวันออก ห้อยองค์เดียวรู้ถึงพุทธคุณเป็นอย่างดีโดยเฉพาะช่วงท ี่มีใต้ฝุ่นเข้าแหลมตะลุมพุก ผู้ที่แขวนพระองค์นี้ลอยอย่างปาฏิหาริย์ จึงเป็นที่แสวงหากันมาก ข้อมูลจากคำบอกเล่าของท่านเจ้าคุณ พระราชรัชมงคลโกวิท พระราชรัชมงคลโกวิท เจ้าอาวาสวัดสารนาถธรรมาราม จ.ระยอง องค์ปัจจุบัน เล่าว่า พิธีพุทธาภิเษกครั้งนี้ พระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทตโต กว่าร้อยรูป มี พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระอาจารย์วัน อุตตโม พระอาจารย์ลี วัดอโศการาม เป็นต้น ทำพิธีนั่งปรกพุทธาภิเษกพระประธาน และพระเครื่องต่าง ๆ มีพระมงคลมหาลาภ พระพุทโธน้อย เป็นต้น โดยทำพิธี 18 วัน 18 คืน ท่านเล่าต่ออีกว่า ในชีวิตที่ท่านเกิดมา ยังไม่เคยเห็นพิธีพุทธาภิเษกที่ไหนใหญ่โตเท่าครั้งนี้อีกเลย
วัดใจ ! ผ้ายันต์ " หลวงปู่แหวน " วัดดอยแม่ปั๊ง จ.เชียงใหม่ ปี 2520 เก็บสภาพสวย สีเหลือง หายาก ขนาด 20 x 20 ซ.ม. หายากครับ เจอที่อื่นผืนละหลายร้อย ... บุญยวีร์ ... เปิดวัดใจ ! ให้คุณกำหนดราคาเองเลยครับ
ได้รับพระเรียบร้อยแล้วครับ พระสวยตรงตามรูป จัดส่งรวดเร็วแน่นอน เยี่ยมมากๆ ครับ
ใด้รับพระเรียบร้อยแล้วค่ะขอบคุณค่ะ
วัดใจ ! ผ้ายันต์ " หลวงปู่แหวน " วัดดอยแม่ปั๊ง จ.เชียงใหม่ ปี 2520 เก็บสภาพสวย สีเหลือง หายาก ขนาด 20 x 20 ซ.ม. หายากครับ เจอที่อื่นผืนละหลายร้อย ... บุญยวีร์ ... เปิดวัดใจ ! ให้คุณกำหนดราคาเองเลยครับ
ได้รับพระเรียบร้อยแล้วครับ จัดส่งได้รวดเร็วครับ
เนื้อ 3 กษัติยาว 4 นิ้ว เนื้อตะกรุดยุคต้น เชือกพันยุคกลางครับ
ได้รับแล้วครับ ขอบคุณครับ
เคาะเดียวครับ พิมพ์อกใหญ่สวยตามสูตรถูกต้องตามตำรา พระพักตร์แบน ใต้ซุ้มบริเวณโค้งบนด้านขวาองค์พระมีเนื้อเกิน ด้านนอกของข้อศอกขวามีจุดไข่ปลาเล็กมากๆ1จุด จุดไข่ปลาเม็ดใหญ่อยู่ตรงกับเส้นขอบของฐานชั้นแรกพอดี องค์นี้เป็นไปตามด้านบนทุกประการ ใครที่กำลังมองหาพิมพ์อกใหญ่ สวยๆเชิญครับ รับประกันตามกฏเวป และพร้อมส่งออกบัตรถ้าชนะประมูลเกินห้าพันบาท