หลวงพ่อเกษม เขมโก เดิมมีนามว่า เจ้าเกษม ณ ลำปาง ประสูติ เมื่อ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 เป็นบุตรใน เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ภายหลังเปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น มณีอรุณ) รับราชการเป็นปลัดอำเภอ กับ เจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง และเป็นราชปนัดดาในมหาอำมาตย์โท พลตรีเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้าย สมัยตอนเด็กๆมีคนเล่าว่าท่านซนมากมีอยู่ครั้งหนึ่งท่านปีนต้นบ่ามั่น(ต้นฝรั่ง)เกิดผลัดตกจนมีแผลเป็นที่ศรีษะ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งเป็นการบรรพชาหน้าศพ (บวชหน้าไฟ) ของเจ้าอาวาสวัดป่าดั๊ว 7 วันได้ลาสิกขาและท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรอีกครั้งเมื่ออายุ 15 ปีและจำวัดอยู่ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ท่านได้ศึกษาด้านพระปรัยัติธรรมจนสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ในปี พ.ศ. 2474 และได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในปีถัดมา โดยมี พระธรรมจินดานายก เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร อดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า "เขมโก" แปลว่า ผู้มีธรรมอันเกษม โดยพระภิกษุ เจ้าเกษม เขมโก ได้ศึกษาภาษาบาลีที่สำนักวัดศรีล้อม ต่อมาได้ย้ายมาศึกษาแผนกนักธรรมที่สำนักวัดเชียงราย หลวงพ่อเกษม เขมโกสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. 2479 ท่านเรียนรู้ภาษาบาลีจนสามารถเขียนและแปลได้ รวมทั้งสามารถแปลเป็นภาษามคธได้เป็นอย่างดี แต่ท่านไม่ยอมสอบเอาวุฒิ จนครูบาอาจารย์ทุกรูปต่างเข้าใจว่าพระภิกษุ เจ้าเกษม เขมโก ไม่ต้องการมีสมณะศักดิ์สูง ๆ เรียนเพื่อจะนำเอาวิชาความรู้มาใช้ในการศึกษาค้นคว้าพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาเท่านั้น เมื่อสำเร็จทางด้านปริยัติธรรมแล้ว ท่านแสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ที่มีความรู้และมีความเชี่ยวชาญในด้านวิปัสสนา จนกระทั่ง ท่านทราบข่าวว่ามีพระเกจิรูปหนึ่งมีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนา คือ ครูบาแก่น สุมโน ท่านจึงฝากตัวเป็นศิษย์ ท่านได้ตามครูบาแก่น สุมโน ออกท่องธุดงค์ไปแสวงหาความวิเวกและบำเพ็ญเพียรตามป่าลึก จนถึงช่วงเข้าพรรษาซึ่งพระภิกษุจำเป็นต้องยุติการท่องธุดงค์ชั่วคราวท่านจึงต้องแยกทางกับพระอาจารย์ และกลับมาจำพรรษาที่วัดบุญยืนตามเดิม พอครบกำหนดออก ก็ติดตามอาจารย์ออกธุดงค์บำเพ็ญภาวนา ต่อมา เจ้าอธิการคำเหมย เจ้าอาวาสวัดบุญยืน มรณภาพลง ทางคณะสงฆ์ได้ประชุมกันเพื่อหาเจ้าอาวาสรูปใหม่และต่างลงความเห็นพ้องต้องกันเก็นควรว่า พระภิกษุ เจ้าเกษม เขมโก มีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อท่านได้รับเลือกเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืน ท่านก็ไม่ยินดียินร้าย แต่ท่านก็ห่วงทางวัดเพราะท่านเคยจำวัดนี้ ท่านเห็นว่าถือเป็นภารกิจทางศาสนาเพราะท่านเองต้องการให้พระศาสนานี้ดำรงอยู่ จึงยอมรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืน หลังจากนั้นท่านก็ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสหลายครั้งเนื่องจากท่านอยากจะออกธุดงค์ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ดังนั้น ท่านจึงออกจากวัดบุญยืนไปที่ศาลาวังทานพร้อมเขียนข้อความลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสไว้ด้วย หลวงพ่อเกษม เขมโก เป็นพระสายวิปัสสนากรรมฐาน ไม่ยึดติดแม้แต่สถานที่ ท่านได้ปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ตลอดชนชีพ เป็นพระที่เป็นที่เคารพสักการะของคนในจังหวัดลำปางและทั่วประเทศ ท่านปฏิบัติศีลบริสุทธิ์ตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยไม่ติดยึดในกิเลสทั้งปวง หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้ถึงแก่พิราลัย ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง จังหวัดลำปาง เมื่อเวลา 19.40 น. ของวันจันทร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ซึ่งตรงกับวันแรม 11 ค่ำ เดือน 2 ยังความอาลัยเศร้าโศกเสียใจมายังหมู่สานุศิษย์ทั่วประเทศ ส่วนสรีระของท่านนั้นก็ยังความอัศจรรย์ด้วยเนื่องจากไม่เน่าเปื่อยเหมือนอย่างสังขารทั่วไป ทั้งยังเขียนป้ายบอกผู้ที่มาเคารพสรีระ ท่านด้วยว่าให้พนมมือไหว้ที่หน้าอกเพียงครั้งเดียวแล้วไม่ต้องกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์อย่างศพของพระเถระทั่วไปนับว่าท่าน นั้นถือสมถะเป็นอย่างมาก
หรียญหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี รุ่น จปร ปี 2513 รับรองว่าทัน หลวงพ่อแดงปลุกเสกกับมือแน่นอนครับ ไม่ยัด ไม่มั่วครับ ตัวจริงเสียงจริงครับ ประสบการณ์มากมาย พิธีปลุกเสกยิ่งใหญ่ ...เป็นอีกหนึ่งเกจิเมืองไทยที่น่าเลื่อมใสมากครับ... ...อยากได้เท่าไหร่ใส่มาครับผม... รับประกันพระแท้ทุกวินาทีครับ ปล.โอนแล้วช่วยแจ้งให้ทราบด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ
คัดมาแต่พระแท้พระสากลพระสวยๆดูง่ายรับประกันแท้แห่ได้ทุกสนามครับ ***วัดใจแดงแรก****** รูปหล่อโบราณหลวงพ่อเขียน รุ่นห่อเตี๊ยะ ปี2499 เนื้อทองผสม ผิวเดิมดูง่าย มีหน้าตา รอยแต่งตะไบ รอยคีมจับ ครบสูตร ผิวน้ำทองคราบเบ้า คราบกาลเวลา ดูคราสสิกกว่าผิวทองเอี่ยม ประกันพระแท้ตลอดชีพ เถ้าแก่หอเตี๊ยะ เป็นคหบดี เจ้าของโรงเหล้าผู้มีชื่อเสียงของจังหวัดเพชรบูรณ์ในอดีต ท่านศรัทธา ลพ.เขียน และ ลพ.ทบมากจึงได้เป็นแม่งาน จัดสร้างรูปหล่อรุ่นนี้ขึ้นในปี 2499 และถัดมาอีกปีนึงคือปี2500 ก็ได้เป็นแม่งานจัดสร้างรูปเหมือนปั๊ม ลพ.ทบ(รุ่นโดดร่ม)โดยนำพระทั้ง2รุ่นบรรจุกล่องด้วยกัน และนำออกจำหน่ายที่สมาคมพานิชย์จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้ผู้ที่ศรัทธา ได้ร่วมกันทำบุญครับองค์ตามภาพ พระสภาพเดิมๆ มีหน้ามีตา สวยเนียน น้ำทองกระจาย ตะไบน้อย ขี้เบ้าดินไทยชัดเจน เดิมๆ พระเรียบร้อย ดูง่ายๆ ขนาดกำลังน่าขึ้นคอบูชาครับ สวยคมองค์จริงตามรูปครับ .............รับประกันพระแท้365วัน เก๊คืนเต็มไม่ดึงเซ็ง.........
เหรียญเสมานั่งบัลลังค์(ในหลวงรัชกาลที่๙.) เฉลิมฉลองทรงครองสิริราชสมบัติครบ๕๐ปี พ.ศ.๒๕๓๙ ขนาด(สูงรวมหูประมาณ ๔ ซม.)ออกแบบสวยงาม สภาพเก็บเก่าพร้อมซองเดิมๆ...
พระสมเด็จบึงพระยาสุเรนทร์ ถือกำเนิดที่ วัดพระยาสุเรนทร์ ตำบลสามวา อำเภอมีนบุรีเดิมวัดนี้ชื่อ "วัดบึงพระยาสุเรนทร์" ด้วยบริเวณใกล้ๆ ที่ตั้งวัดมีบึงขนาดใหญ่แต่ขณะนี้ทางวัดได้ดำเนินการถมบึงดังกล่าวแล้ว จนไม่สามารถทราบว่า ในอดีตเคยมีบึงใหญ่มาก่อน คือ ถมดินจนสูงเสมอ พื้นโดยรอบ นอกจากนี้ยังเปลี่ยนชื่อวัดเป็น "วัดพระยาสุเรนทร์" โดยตัดคำว่า "บึง " ออกไป แต่อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านละแวกนั้นตลอดจนนักสะสมพระเครื่องทุกระดับชั้น ก็ยังคงเรียกชื่อ "วัดบึงพระยาสุเรนทร์" เหมือนเดิมเพราะคุ้นหู และติดปากมาโดยตลอด ประวัติพระยาสุเรนทร์ ท่านเจ้าพระยาสุเรนทร์ราชเสนา (พึ่ง สิงหเสนี) บุตรของ ท่านพระยามุขมนตรี และเป็นหลานของท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์สิงหเสนี) ต้นตระกูลสิงหเสนี รับราชการทหารในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็น"พระยา" ถือศักดินา 4,000 ไร่ จึงออกไปจับจองที่ตามศักดินา ณ อาณาบริเวณอันเป็นที่ตั้งวัดบึงพระยาสุเรนทร์ในขณะนี้ เมื่อจับจองที่ตามศักดินาแล้วท่านได้ปลูกบ้านบริเวณบ้านฉาง ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านใต้ของวัดประมาณ 10 เส้น โดยเว้นช่วงที่ตรงบึงขนาดใหญ่ หรือบึงพระยาสุเรนทร์ จำนวน 48 ไร่ ไว้ ต่อมาท่านได้สร้างวัดขึ้น คือ วัดบึงพระยาสุเรนทร์ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2431 ในชีวิตบั้นปลายของ เจ้าพระยาสุเรนทร์ได้หันเหเข้ามาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่วัดบึงพระยาสุเรนทร์ที่ท่านได้สร้างไว้ และอุปถัมภ์เสมอมา โดยถือศีลและบวชเณรด้วย ( เหตุที่ท่านไม่อุปสมบทเป็นพระ เพราะมีโรคประจำตัว คือริดสีดวง คนโบราณเขาถือ)
พระสมเด็จ วัดศีลขันธาราม จังหวัดอ่างทอง เนื้อผงพุทธคุณ จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2513 โดยท่านเจ้าคุณสนิท(สนิท ทองสีนวล) เป็นถึงพระราชาคณะ อดีตเจ้าอาวาสวัดขณะนั้น ท่านนับถือกันกับท่านเจ้าคุณนร วัดเทพศิรินทร์ฯ กทม. จึงนำพระเครื่องทั้งหมดหลายพิมพ์ รวมทั้งมวลสารที่เหลือจากการกดพิมพ์พระเข้าพิธีอธิษฐานจิตครั้งสุดท้าย ครั้งใหญ่ที่สุดของท่านเจ้าคุณนรฯ ณ อุโบสถวัดเทพศิรินทร์ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2513 ถือว่าเป็นหนึ่งในพระสายท่านเจ้าคุณนรฯอีกรุ่นด้วย พระสมเด็จรุ่นนี้จะเป็นพระผงน้ำมัน มีหลากหลายสี สมเด็จสายรุ้งจะมีสามขนาดที่รู้มา คือ พิมพ์เล็ก ด้านหลังจะเป็นยันต์พร้อมฉายาท่านเจ้าคุณนรฯ พิมพ์ใหญ่ ด้านหลังจะเป็นยันน้ำเต้า และเขียนว่า เย็น อยู่เย็น เป็นสุข และพิมพ์พระประธาน สร้างน้อยมาก ขนาดใหญ่ประมาณพระบูชา อนึ่งท่านเจ้าคุณสนิทเป็นศิษย์รุ่นน้องของท่านเจ้านรฯ โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ)เป็นพระอุปัชฌาย์ บวชและศึกษาอยู่ที่วัดเทพศิรินทร์มาตลอดจนไปประจำอยู่ที่วัดศีลขันธ์ อ่างทอง จึงไม่แปลกที่ท่านจะสนิทสนมและรู้จักท่านเจ้านรฯและทางสายวัดเทพศิรินทร์ ตัวหลวงพ่อท่านเจ้าคุณสนิทเองในสมัยโน้นได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกพระอยู่เรื่อยๆ ดังนั้นเรื่องพุทธาคมของท่านคงไม่ธรรมดาแน่ อีกเรื่องที่ได้ยินมาจากหลายๆท่านที่ไปวัดศีลขันธ์ในสมัยโน้น(หลังปี2513) ไปขอพระสมเด็จสายรุ้ง แต่ท่านเจ้าคุณบอกว่าพระหมดนานแล้วเหลือแต่พระบูชาในกุฏิท่าน ท่านให้เดินเข้าไปหยิบเอาเอง ท่านแสดงออกถึงความเมตตาอย่างสูง และไม่ถือยศ ศักดิ์อันใด ท่านให้มาฟรีโดยไม่เรียกร้องอะไร
สมัยตอนเด็กๆมีคนเล่าว่าท่านซนมากมีอยู่ครั้งหนึ่งท่านปีนต้นบ่ามั่น(ต้นฝรั่ง)เกิดผลัดตกจนมีแผลเป็นที่ศีรษะ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งเป็นการบรรพชาหน้าศพ (บวชหน้าไฟ) ของเจ้าอาวาสวัดป่าดั๊ว 7 วันได้ลาสิกขาและท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรอีกครั้งเมื่ออายุ 15 ปีและจำวัดอยู่ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ท่านได้ศึกษาด้านพระปรัยัติธรรมจนสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ในปี พ.ศ. 2474 และได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในปีถัดมา โดยมี พระธรรมจินดานายก เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร อดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า "เขมโก" แปลว่า ผู้มีธรรมอันเกษม โดยพระภิกษุ เจ้าเกษม เขมโก ได้ศึกษาภาษาบาลีที่สำนักวัดศรีล้อม ต่อมาได้ย้ายมาศึกษาแผนกนักธรรมที่สำนักวัดเชียงราย พ.ศ. 2479 ท่านสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก ท่านเรียนรู้ภาษาบาลีจนสามารถเขียนและแปลได้ รวมทั้งสามารถแปลเป็นภาษามคธได้เป็นอย่างดี แต่ท่านไม่ยอมสอบเอาวุฒิ จนครูบาอาจารย์ทุกรูปต่างเข้าใจว่าพระภิกษุ เจ้าเกษม เขมโก ไม่ต้องการมีสมณะศักดิ์สูง ๆ เรียนเพื่อจะนำเอาวิชาความรู้มาใช้ในการศึกษาค้นคว้าพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาเท่านั้น เมื่อสำเร็จทางด้านปริยัติธรรมแล้ว ท่านแสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ที่มีความรู้และมีความเชี่ยวชาญในด้านวิปัสสนา จนกระทั่ง ท่านทราบข่าวว่ามีพระเกจิรูปหนึ่งมีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนา คือ ครูบาแก่น สุมโน ท่านจึงฝากตัวเป็นศิษย์ ท่านได้ตามครูบาแก่น สุมโน ออกท่องธุดงค์ไปแสวงหาความวิเวกและบำเพ็ญเพียรตามป่าลึก จนถึงช่วงเข้าพรรษาซึ่งพระภิกษุจำเป็นต้องยุติการท่องธุดงค์ชั่วคราวท่านจึงต้องแยกทางกับพระอาจารย์ และกลับมาจำพรรษาที่วัดบุญยืนตามเดิม พอครบกำหนดออก ก็ติดตามอาจารย์ออกธุดงค์บำเพ็ญภาวนา
เวปประมูลก็ต้องเคาะประมูล ชิมิๆ เคาะกันวันละนิดจิตแจ่มใส พี่ๆแต่ละท่านก็มี ((( สไตล์ ))) ที่แตกต่างกัน อย่าว่างั้นงี้เลย ปอดกับหัวใจนู๋ไม่ค่อยแข็งแรง " พี่ๆคงไม่ปล่อยให้นู๋เร้าใจอยู่คนเดียวนะคร๊าบบบ " พี่ๆแวะชมดูแล้วล็อคอินกันรึยังจ๊ะ วันนี้เปิด พรุ่งนี้ปิด ??? ลับแป้นรอกันเร้ยยย..ไม่เก็บวันนี้วันหน้าจะไม่มีให้เก็บนะจ๊ะ ((( ใส่กรอบพร้อมบูชา ))) ...เบิ่งเนื้อกันแบบจะๆ เก่าตามสภาพ... พระสมเด็จยันต์ข้าง หลวงพ่อสุพจน์ วัดสุทัศน์ฯ จ.กทม. สูง 4.20 ซ.ม. ((( ปี2484 ))) ขอบบิ่นตามรูป ...คลาสสิคสุดๆ ควรค่าแก่การบูชา น่าสะสมจังเลย คร๊าบ... มีข้อมูลดี ดี บางช่วงบางตอน พี่ๆแวะมาศึกษาร่วมกัน อ่านกันเพลินๆนะคร๊าบ เครดิต http://www2.g-pra.com/auctionc/view.php?aid=11426799 ขอบคุณคร๊าบ พระสมเด็จชุดนี้จัดสร้างโดย ลพ.สุพจน์ นามเต็มของท่านคือ "พระครูพุทธมนต์วราจารย์" ท่านเป็นพระแบบว่าเก่งเงียบ ท่านมีวิชาลบผงสร้างผงจากตำราโบราณของวัดสุทัศน์ (ตำราโบราณของพระครูลมูล วัดสุทัศน์) เป็นสหายธรรมกับหลวงปู่นาคและหลวงปู่หินวัดระฆัง จึงได้รับมอบผงสมเด็จวัดระฆัง ที่แตกหักเป็นจำนวนมาก ท่านเป็นหนึ่งในเกจิที่ร่วมปลุกเสกพระยี่สิบห้าพุทธศตวรรษ และงานพุทธาภิเษกใหญ่ ๆ เช่นพิธีวัดประสาทฯ ปี 06 พิธีปลุกเสกพระประจำจังหวัดชลบุรี ปี 09 ที่วัดป่าชลบุรี ก็มีชื่อของท่านในทำเนียบพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับการนิมนต์มาร่วมพิธี ปลุกเสกด้วย สมเด็จพิมพ์นี้สร้างที่วัดสุทัศน์ฯ เมื่อปี 84 (พิธีอินโดจีน) โดยลูกศิษย์ของท่านนำพระสมเด็จวัดระฆังที่แตกหักจำนวนมากและไม่ได้ใครสนใจมา ถวายท่าน ท่านจึงนำพระเหล่านั้นมาบดเป็นผงละเอียดและได้แกะพิมพ์ขึ้นมาใหม่ เช่น พระสมเด็จพิมพ์วัดระฆัง พระสมเด็จพิมพ์วัดบางขุนพรหม พระสมเด็จพิมพ์วัดเกษไชโย วัดเงินคลองเตย วัดพลับ วัดสามปลื้ม วัดโพธิ์ ขุนแผนบ้านกร่าง หลวงพ่อโตบางกระทิง พระลีลา เปิดโลก และพิมพ์ต่างอีกมากด้านมีทั้งปั๊มยันต์พุฒซ้อน และยันต์ตรี พร้อมได้กราบเรียนสมเด็จพระสังฆราชแพเพื่อขออนุญาตนำพระเข้าปลุกเสกในพิธีนั้น พร้อม ๆ กับวัตถุมงคลต่าง ๆ หลังจากนั้นจึงได้มอบให้แก่ลูกศิษย์ตลอดจนทหาร ตำรวจ และข้าราชการต่าง ๆ ที่ต้องไปราชการสงครามในสมัยนั้นเพื่อไปเป็นมงคล ปรากฎว่า "ประสบการณ์ดีเยี่ยม" พอข่าวนี้แพร่ออกไปปรากฎว่ามีประชาชนต่างมาทยอย ขอพระสมเด็จจากท่านจำนวนมาก ซึ่งท่านก็มอบให้ด้วยความเต็มใจจนหมด จึงเรียกได้ว่าพระชุดนี้ "ดีนอก ดีใน" จริงๆ (เพื่อความอุ่นใจ..พี่ๆลองเช็คราคานอกเวปดูก่อนเข้าร่วมประมูลนะคร๊าบบบ ^_^) หมายเหตุ ทุกข้อสงสัยล้วนมีคำตอบ สงสัยเรื่องใดเมล์ถามข้อมูลได้เลยคร๊าบบบ พี่ๆ ชาวดี ดี..... *** จัดส่งพระตามรูป รับประกันตามกฎเวป *** ผู้ชนะการประมูลโอนเงินแล้วรบกวนฝากข้อความในกล่องข้อความหรือโทร.แจ้งก็ได้นะครับ เพื่อความรวดเร็วในการจัดส่ง จัดส่งไปรษณีย์ลงทะเบียน ปลอดภัย ไร้กังวล คร๊าบ... ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะเยี่ยมชมหรือเข้าร่วมการประมูล ขอบพระคุณคร๊าบบบ ^_^
พระร่วงยืนประทานพร เนื้อชินเขียวหรือเนื้อชิน อุทุมพร ขึ้นกรุที่วัดพระศรีมหาธาตุลพบุรีครับ แลดูซึ้งในคราบไขและสนิมไข่แมงดา พระแท้ดูง่ายครับ พระสวยเดิม สภาพสมบูรณ์ไม่มีหักหรือซ่อมใดๆทั้งสิ้นครับ ส่งออกบัตรรับรองให้พี่เรียบร้อยแล้วครับ รับประกันตามกฏครับ
เคาะเดียว สมเด็จพิมพ์พระครูมูล วัดประสาทบุญญาวาส ปี2506 พร้อมบัตรรับรองดีดีพระเคาะเดียว สมเด็จพิมพ์พระครูมูล วัดประสาทบุญญาวาส ปี2506 พร้อมบัตรรับรองดีดีพระ รับประกันตามกฎดีดีพระทุกประการครับ