ze_zaa2009

ข้อมูลสมาชิก – ze_zaa2009

เริ่มเป็นสมาชิก: August 30, 2009 11:49:10 , สถานะ: ปกติ , ตั้งประมูล: 0 รายการ , รายการที่ยังไม่ปิด: 0 รายการ , คำชม: 571 รายการ , คำติ: 0 รายการ

ประวัติ Feedback


เปิดเบาเอาศรัทธา  พุทธคุณดีมากของที่ ลพ.แม้น ปลุกเสก รับประกันตามกฎครับ


เขียนโดย :แจ๊คปากน้ำ เจ้าของรายการ October 20, 2015 03:05:02

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระชุดภาคอีสาน/5798135


พระขุนแผนกั่วเผาะ มี 2 พิมพ์ คือ พิมพ์เล็ก กับพิมพ์ใหญ่ มี 3 เนื้อ ขาว แดง ดำ และอีกรุ่นคือ ขุนแผนชินกั่วเผาะ เนื้อตะกั่ว ซึ่งสร้างหลังจากชุดเนื้อผง ขุนแผนกั่วเผาะ ฟันลูกเดียว ผสมผงพรายกุมารกับลึงค์ช้าง เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา มีพระสงฆ์อยู่ในป่ารูปหนึ่ง ท่านอยู่รูปเดียวกระท่อมเล็กๆที่หมู่บ้านหิน เหล็ก ไฟ ต.กะโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ หมู่บ้านกะโพ ที่ท่านจำพรรษาอยู่ลึกเข้าไปในป่า เป็นหมู่บ้านของชาวขอทาน ซึ่งเป็นหมู่บ้านของคนที่มีวิชาอาคม และเป็นหมู่บ้านที่มีช้าง ซึ่งมีชื่อเสียงมากของประเทศไทย หลวงพ่อรูปนี้ท่านมีของดีที่เรียกว่า”กั่วเผาะ”เป็นสุดยอดทางเมตตามหานิยม “ท่านทำมาจากของดีที่เอายาก คนไปเอาของดีชนิดนี้ ดีไม่ดี ตายเอาง่ายๆ” “กั่วเผาะ” มันคือสุดยอดของเครื่องรางทางเมตตามหานิยมที่มีต้นกำเนิดทางอีสานใต้ หาคนทำได้ยากที่สุด เพราะถ้าคนทำไม่เก่งจริง มีแต่ตายลูกเดียว คนที่จะทำ”กั่วเผาะ”ได้ จะต้องเสี่ยงกับความตายโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน พระอาจารย์รูปนี้ ท่านปลูกกระท่อมอยู่รูปเดียวในหมู่บ้านหินเหล็กไฟ ที่อยู่ลึกไปจาก ต.กะโพ อีก 10 กว่ากิโล ท่านชื่อ “หลวงพ่อชู กันตะวีโร”เมื่อประมาณปี 2527 คือ 20 ปีท่แล้ว ท่านเพิ่งบวชได้เพียง 7 พรรษา อายุเพียง 56 ปีเท่านั้น ยังเป็นพระสงฆ์ที่หนุ่มแน่นอยู่มาก  ก่อนที่ท่านจะมาบวช ท่านเคยเป็น “ณุ เฒ่า”มาก่อน “ณุ เฒ่า”คือหมอไสยศาสตร์ หรือคนที่มีวิชาอาคมเก่งกล้า เป็นอาจารย์ของพวกส่วยที่เลี้ยงช้าง ท่านเป็น”ณุ เฒ่า”มาตั้งแต่หนุ่มๆ ชาวบ้าน และลูกศิษย์ของท่าน เรียกท่านว่า”จอมพลสวัสดิ์ 2″ เพราะท่านมีเมียมีลูกมาก จนจำไม่ได้ว่าลูกคนไหน แม่คนไหน เพราะมีมากเหลือเกิน ชาวบ้านแถวนั้นเล่าว่า..หลวงพ่อชูสมัยเป็นฆราวาส ท่านเป็นหมอไสยศาสตร์ที่เก่งกาจมาก จะหาคนเท่าเทียมได้ยาก นอกจากท่านจะเก่งกาจในเรื่องช้างแล้ว ท่านยังเชี่ยวชาญเรื่องการทำเสน่ห์ยาแฝดอีกด้วย วัตถุที่ท่านนำมาทำเป็น  “กั่วเผาะ”คือ “น้ำมันช้างตกมัน” (ตามภาษาส่วยเรียกว่า”กั่วเผาะ” ถ้าเรียกตามภาษากลางกลาง”กั่วเผาะ”ก็คือ”สีผึ้ง” นั่นเอง) สีผึ้งของหลวงพ่อชู ท่านจะผสม น้ำมันของช้างที่กำลังตกมัน ซึ่งเจ้าของต้องตีปลอกล่ามโซ่ไว้ เพื่อป้องกันมันไปกระทืบคน เพราะเวลาที่ช้างตกมัน เป็นเวลาที่มีอารมณ์รุนแรง โดยเฉพาะอารมณ์ทางเพศจะรุนแรงมาก และน้ำมันที่ไหลออกมาจากขมับทั้งซ้ายและขวา จะเป็นวัตถุอาถรรพณ์ที่แรงและมีพลังอำนาจมากๆ และท่านยังเอาว่าน และวัตถุอาถรรพณ์ต่างๆ เช่นสีผึ้งตามท่ารถ ท่าเรือ 7 ท่า มาผสมและว่านมงคลต่างๆ และสิ่งสุดท้ายที่ท่านผสมคือ น้ำมันช้างตกมันนั่นเอง หลวงพ่อชู ท่านเล่าว่า นำมันช้างตกมันเป็นของอาถรรพณ์ที่ที่หายาก มีผลทางเสน่ห์มหานิยมมากที่สุด เมื่อไปเอามาได้แล้วต้องผสมลงในสีผึ้งทันที่เพราะเป็นน้ำมันที่ระเหยเร็วมาก จากนั้นจึงนำมาทำพิธีปลุกเสกและแจกจ่ายให้ผู้ที่มาขอให้ท่านช่วยเหลือเพียงคนละเล็กละน้อยเท่านั้น หลวงพ่อชูท่านยังกล่าวอีกว่า  “กั่วเผาะ”ที่ท่านทำขึ้นนั้น ใช้ได้ผลดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นให้ผัวเมียรักกัน หรือ ให้ผัวกลับมารักเมีย หลงเมีย เลิกจากเมียน้อย ท่านก็ทำได้ทั้งนั้น แต่วิชานี้เป็นวิชามาร ทำไปมากๆเข้ามารก็มาสิงในตัวท่าน ผู้หญิงที่มาหาท่านให้ท่านลงของหรือทำของให้ ท่านก็จะเอาทำเมียหมด เมื่อทำเข้าบ่อยครั้งเข้า ท่านก็สำนึกได้ว่านั่นคือ “นรก” ท่านจึงตั้งใจจะบวชสักพรรษาเดียว เพื่อจะฝึกจิตให้แข็งกว่ามาร จะได้เลิกทำชั่ว เมื่อบวชแล้ว ท่านจึงรู้ว่าที่ทำไปมันก็นรกดีๆนี่เอง ท่านจึงบวชไม่ยอมสึกและมาปลูกกระท่อมอยู่กลางป่าในหมู่บ้านหินเหล็กไฟ  คุณชินพรสุข สถิตย์ จึงไปขอให้ท่านสร้างขุนแผนขึ้น นับเป็นขุนแผนรุ่นแรกที่สร้างขึ้นจากผงพรายกุมาร หลังจากที่หลวงปู่ทิม มรณะภาพแล้ว โดยผมสมกับกั่วเผาะ  เรียกว่า “ขุนแผนกั่วเผาะ” มีทั้งพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ปลุกเสกในคืนวันราหูอมจันทร์ ขณะกบกำลังกินเดือน ซึ่งถือเป็นวันที่มีเสน่ห์ทางเพศสูงสุด และขุนแผนกั่วเผาะรุ่นแรก ก็ดังจริงๆ  คนที่นำไปใช้ก็เห็นผลกันทั่วหน้า จนคุณชินพร ต้องทำขึ้นมาอีกรุ่น รุ่นนี้ นอกจากจะเอากั่วเผาะผสมลงไปด้วยแล้ว หลวงพ่อชู ยังให้เอา”ลึงค์ช้าง”มาผสมเข้าไปอีกด้วย และบอกเคล็บลับ ต่างๆในการสร้าง จนหมดเปลือก และขุนแผนรุ่น 2 ก็ดังอย่างสุดๆ และตั้งสมญานามให้ว่า”ฟันลูกเดียว” และมีชื่อออกมาอย่างเป็นทางการว่า”ขุนแผนชินกั่วเผาะ” สร้างตามฤกษ์ ที่ขุนแผนตีดาบฟ้าฟื้น แล้วก็ดังจริงๆ ตอนทำพิธีปลุกเสกหลวงพ่อชูยังกล่าวอีกว่า มีมารผจญ จนท้อใจ แต่ก็ทำจนสำเร็จ พระขุนแผนกั่วเผาะ มี 2 พิมพ์ คือ พิมพ์เล็ก กับพิมพ์ใหญ่ มี 3 เนื้อ ขาว แดง ดำ และอีกรุ่นคือ ขุนแผนชินกั่วเผาะ เนื้อตะกั่ว ซึ่งสร้างหลังจากชุดเนื้อผงครับ ....เพิ่มเติม ข้อมูลเชิงลึกของ หลวงพ่อชู กันตะวีโร ท่านเป็นพระสงฆ์ ที่มีความเด็ดเดี่ยวมากจากคำบอกเล่าของชาวบ้านหิน เหล็ก ไฟ ข้อมูลอาจคลาดเคลื่อน จากเวบอื่นที่ให้ข้อมูลเนื่องจากกระผมสืบจากปากชาวบ้านหินเหล็กไฟ และลูกศิษย์ก้นกุฏิ ที่เคยรับใช้แต่เด็ก คือ พี่รวย หรือคุณรวย ชาวบ้านหินเหล็กไฟ ทราบว่าท่านมาจำพรรษาอยู่ที่ป่าหินเหล็กไฟ หรือชาวบ้านเรียกหมู่บ้านนี้ว่าบ้านโสก ซึ่งเป็นภาษาลาว ชาวบ้านนี้พูดภาษาท้องถิ่นลาวเป็นหลักเนื่องจากอพยพมาจากที่อื่น จาก เขต จ.ร้อยเอ็ดบ้าง หลายจังหวัดมารวมกันอยู่อย่างกลมกลืน จากปากของ คุณลุงมา อดีต ผู้ใหญ่บ้านเป็นโยมอุปัฏฐาก อาจารย์โผน ศิษย์รับใช้ซึ่งเป็นพระสงฆ์และท่านสึกมาภายหลัง และอีกหลายหลายท่านที่เมตตาให้ข้อมูลเชิงลึกแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขออนุโมทนาคุณความดีเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลาย และองค์หลวงพ่อที่ล่วงลับไปแล้ว ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติม ว่าแต่เดิมท่านเป็นคนทาง อ.สังขะหรือกาบเชิง ของ จ.สุรินทร์ ท่านเล่าให้โยมภรรยาผู้ใหญ่มา ฟังว่าสมัยท่านเป็นฆราวาส แต่ก่อนเป็นนักเลงหัวไม้ เจ้าชู้ เป็นโจร คือแบบว่าไม่ดีมากๆ ชอบเรียนวิชาอาคมมากที่ไหนดีมีดีอาจารย์ขลังท่านจะไปขอเรียนวิชามาหมด ทั้งเรื่องคงกระพัน เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ เรียนจนสำเร็จจึง จะไปหาอาจารย์อื่น พอ สมัยผู้ว่าเสนอ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์สมัยนั้น ปราบปรามโจรอย่างหนักตาม นโบายรัฐบาล พูดง่ายๆ แบบใบไม้ร่วง (โจรนะครับ) โยมแม่ของท่านกลัวท่านจะถูกร่างแหไปด้วย จึงขอให้ท่านบวชให้ ท่านจึงคิดว่าจะบวชสักระยะหนึ่ง แต่พอบวชได้สักระยะกลับรู้สึกว่าถูกกับจริตตนจึงไม่ยอมสึก เดินธุดงค์ไปเรื่อยหาความสงบจนมาพบป่าดงสายทอ เป็นหมู่บ้านโสก สมัยนั้นป่ารกทึบ ท่านจึงมาขอให้ชาวบ้านปลูกกระท่อมให้เล็ก อยู่ในบริเวณสำนักสงฆ์หินเหล็กไฟ ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เอาจริงเอาจัง เคยมีโยมท่านหนึ่งอยู่บ้านบอน หมู่ 4 ต.เดียวกัน มาลองของท่าน ท่านจึงพันผ้าสบงเปล่าวางไว้บนเสารั้ว (มีผู้อยู่ในเหตุการณ์ คือ เมียผู้ใหญ่มา ) โยมคนดังกล่าวใช้ปืนสั้น .38 ไทยประดิษฐ์ ยิงผ้าดังกล่าว ปรากฏว่า ยิงไม่ออกทั้ง 3 นัด และ อีก คำบอกเล่า ของคุณรวย คือ เมื่อตอนเด็ก หลวงพ่อชูชอบใช้ท่าน ให้ไปเอาของดี พี่รวยบอกว่าก็ไม่รู้ว่าอะไรคือของดี แต่ได้เงินไปซื้อขนมกินก็พอใจตามประสาเด็กคือท่านจะเมตตาเด็ก ของดีอีกอย่างที่ท่านให้ไปเอาคือ น้ำผึ้งเดือนห้า และตามเวลาที่ท่านกำหนดท่านจะจับเวลาเองแล้วใช้ให้ไปเอา พอได้มาท่านก็จะเมตตาให้เงินไปซื้อขนม คือไปเอาในป่าหลังวัดนั่นแหละ และของอาถรรพ์ต่างเช่น กิ่งไม้ซึ่งคนใช้ผูกคอตาย อื่นๆเยอะ เก็บไว้ทำของดี แจกญาติโยม รวมถึงกั่วเผาะ หรือน้ำมันช้างตกมัน เวลาไปเอาท่านจะสะกดช้างแล้วเข้าไปเอา ส่วนใหญ่ใช้ตัวช่วยมากว่า ใช้วิชา ปกติเวลาตกมันควาญที่เคยหาหญ้ามันยังกระทืบใส้แตกเลยครับ ท่านก็ไปเอามาได้ น้ำมันชนิดนี้กลิ่นเหม็นมาก นึกภาพกลิ่นขี้ไก่สดๆครับ และก็ได้น้อยระเหยเร็ว เฉพาะควาญช้างที่ใช้ตัวช่วย ขวดกระทิงแดงขายเป็นหมื่นครับ เอายากมาก เสี่ยงตายสูงขนาดควาญยังทำไม่ได้ทุกคนเลยครับ ท่านก็เอามาทำสีผึ้ง หรือนวดนี่แหละครับ ท่านจะไม่ให้พร่ำเพรือนะครับ ท่านจะให้ผัวเมียแยกกันให้กลับมารักกัน ยกตัวอย่าง ช้าวบ้านโคกกุง จำชื่อไม่ได้ติดกับบ้านโสกนี่แหละครับ เมียทิ้ง ได้สีผึ้งไป เมียกลับมาครับ ขนาดเมียทิ้งนะครับ วัยรุ่นไปขอท่านไม่ให้ครับ กลัวไปใช้ในทางไม่ดี ท่านไม่ส่งเสริม ตัวผมเอง ยังหาไม่ได้เลยครับ มีวาสนาเพียงขุนแผนกั่วเผาะรุ่นแรก พิมพ์ใหญ่ เนื้อขาว จำคร่าวๆว่า คุณชินพรสร้างมีผงพรายหลวงปู่ทิมผสมด้วยครับเป็นรุ่นแรกที่สร้างหลังหลวงปู่ทิมมรณะครับ ก่อนจะไปสร้างถวายหลวงปู่ธรรมรังษี ที่ดังและราคาแรงมากๆ ก็เสือรุ่นแรกครับ ขนาดผสมแค่ 3 ช้อนชานะครับ (ที่อุดเสือรุ่นปี 39) และขุนแผนรุ่นแรกหลวงพ่อชูใช้ดีนะครับ ไม่เฉพาะแต่จีบสาว ผมจะใช้ด้านเมตตามากกว่าครับ อธิฐานเอาครับ ส่วนใหญ่ใช้เรื่องเจรจาตกลงได้ผลดีมากครับ กับตัวเองนะครับ ยังมีอีกครับ เรื่อง คงกระพันท่านไม่ด้อยไปกว่าอาจารย์องค์อื่นเลยนะครับ อย่ามองข้ามเหรียญรุ่นแรกท่านนะครับ ปี 28 ท่านเสก หนึ่งไตรมาส เฉพาะเนื้อทองแดงเนื้อเดียว 7พันกว่าเหรียญ บล็อกก็แตก ท่านชินพรสร้างถวายครับ ทหารที่มาหาท่านมาลองของท่านท่านก็เมตตาไม่โกรธ ชอบลองท่านก็ให้ลอง ท่านตั้งห่อพระที่ท่านเสก หลังศาลาวัดในปัจจุบัน คุณรวย อยู่ในเหตุการณ์ และอีกหลายๆท่านที่ไม่ได้กล่าวถึง ทหารนำปืน เอ็ม 16 บรรจุกระสุน 3 นัด ยิง 2นัดแรกด้านครับ เสียงไกสับดัง แชะ แชะ นัดที่ 3 ปัง ไม่ถูกครับระยะแค่ 5 เมตร ยิงโดยมืออาชีพ แล้วเอากระสุนที่เหลืออีก 2 นัด มายิงขึ้นฟ้า โป้ง โป้ง แตกหมดครับ ที่คุณชินสร้างถวายหลวงพ่อชู ก็ไดนำปัจจัยมาให้ท่านประมาณหลักแสน ท่านก็เอามาสร้างศาลาปัจจุบันที่มอง เข้าไปเห็นทันที ชาวบ้านเสียดายที่ท่านมาด่วนมรณภาพก่อน ท่านอาพาธและเสียชีวิต เร็วมาก หากท่านยังอยู่วัดวาอารามอาจเจริญสรุ่งเรือง มากกว่านี้ ท่านเป็นพระที่เก่ง เก่งทั้งเมตตามหานิยม เก่งทั้งแคล้วคลาด มหาอุตม์ แต่เหรียญท่านเป็นพระดีที่โลกลืม กระผมไม่ลืมหรอกครับ ลุงมาตอนนี้แกเลียงช้างอยู่ห้อยติดคออยู่เหรียญเดียว คิดจะไปหาเก็บที่แหล่งกำเนิดอาจหาไม่ง่ายแล้วครับ เพราะชาวบ้านไม่ค่อยมีเก็บมีอยู่ไม่กี่คน ใครหาขุนแผนหลวงปู่ทิมมาใช้ไม่ได้เพราะราคาเกินเอื้อม ก็หาหลวงพ่อชู แทนกันได้ครับ เหมือนมีสองอาจาย์มาช่วยครับ เจรจาตกลงเป็นที่หนึ่งไม่รองใครครับ ขนาดคนชังกันยังหันมาคุยด้วยเลยครับ xxxxx ขอบคุณข้อมูลจาก ลำพูลพระ xxxxx


เขียนโดย :uncleboy เจ้าของรายการ October 16, 2015 11:37:41

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/เครื่องราง-ล็อกเก็ต/5719786


ขุนแผนนะหน้าทองเนื้อผงเสน่ห์ยาแฝด หน้าทอง ยอดนิยม เสน่ห์ โชค ลาภแรง ครูบาสุบินสุเมธโส เลี่ยมเดิมสวยพร้อมบูชา ใกล้หมด อย่าลืมดูรายการอื่นๆนะครับ ^_^  กดที่ จ้า 


เขียนโดย :ekincheng เจ้าของรายการ October 15, 2015 21:05:01

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระชุดภาคใต้/5736038


ฉลองสมาชิกใหม่ วัดใจ 20 บาททุกรายการ เหรียญกรมหลวงชุมพร รุ่นมหากำบัง ออกวัดคูขุด จ.ชุมพร เนื้อฝาบาตร พร้อมกล่องเดิม


เขียนโดย :num007 เจ้าของรายการ October 15, 2015 19:10:02


เข้าดูรายการตั้งประมูลทั้งหมดโดยกดที่ตัวหลังชื่อน้องเนมน่ะค่ะ ยังมีดีๆอีกเยอะค่ะ


เขียนโดย :น้องเนม เจ้าของรายการ October 13, 2015 08:21:30


เข้าดูรายการตั้งประมูลทั้งหมดโดยกดที่ตัวหลังชื่อน้องเนมน่ะค่ะ ยังมีดีๆอีกเยอะค่ะ


เขียนโดย :น้องเนม เจ้าของรายการ October 13, 2015 08:21:04

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/หลวงพ่อทวดวัดช้างไห้/5814543


เข้าดูรายการตั้งประมูลทั้งหมดโดยกดที่ตัวหลังชื่อน้องเนมน่ะค่ะ ยังมีดีๆอีกเยอะค่ะ


เขียนโดย :น้องเนม เจ้าของรายการ October 13, 2015 08:20:39


พระกริ่งชุดนี้ทางเวบ ยังไม่รับการตรวจสอบ พิจารนาในการประมูลด้วยครับ  พระกริ่งวัดไผ่ล้อม อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ได้รับการปลุกเสกจากหลวง ปู่ทิม อิสริโก..พระเครื่องวัดไผ่ล้อม รุ่นนี้.. หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ระยองท่าน เป็นเจ้าพิธีด้วยครับ ปลุกเสก ปี พ.ศ.2513 เพื่อแจกเป็นที่ระลึกในงานผูกพัทธสีมาของวัดไผ่ล้อมในปี พ.ศ.2514..มีพิธีปลุกเสกเป็นพิธีเสาร์5 วันที่ 22 สิงหาคม 2513 จนถึงวันที่ 5 กันยายน 2513 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 10 ปีจอ รวม 15 คืน ส่วนมวลสารที่มาในการสร้างขึ้นเป็นองค์พระ ทางวัดไผ่ล้อม มีการเริ่มสะสมมวลสำคัญที่จะนำมาใช้ทำเป็นองค์พระมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2508 อาทิเช่นดินจากกรุต่างๆโดยเฉพาะดินจากลานกรุทุ่งเศรษฐี ,ว่านนานาชนิด มีทั้งว่านประเภทคงกระพันชาตรี, เมตตามหานิยม, ป้องกันสัตว์ร้ายเขี้ยวงาทุกชนิด, แร่ธาตุต่างๆหลายชนิด,อีกทั้งยังได้เก็บรวบรวมผงพระเครื่องต่างๆทุกยุคทุก สมัยที่ชำรุด มีสมัยเชียงแสน, สุโขทัย, อู่ทอง, ลพบุรี, พิจิตร, พิษณุโลก, กำแพงเพชร, สุพรรณบุรี, อยุธยา,รัตนโกสินทร์, ผงพระ 25 พุทธศตวรรษ ส่วนผงวิเศษต่างๆที่เก็บสะสมไว้อีกมากมายนับได้ว่าเป็นพระเครื่องชุดวัตถุ มงคลที่หลวงปู่ทิม ท่านได้เมตาตาปลุกเสกให้ไว้เป็นอย่างดี เพื่อเป็นการอุปถัมภ์ให้กับทางวัดได้มีปัจจัยไปบูรณะปฎิสังขรณ์ เสนาสนะต่างๆภายในวัดอีกด้วย..ใช้แทนกริ่งชินบัญชรได้เลย พระเครื่องวัด ไผ่ล้อม อ.บ้านค่าย จ.ระยอง หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ระยอง เป็นเจ้าพิธีปลุกเสก ปี พ.ศ.2513 และเมตตาปลุกเสกให้ถึง 2 ครั้ง เพื่อแจกเป็นที่ระลึกในงานผูกพัทธสีมาของวัดไผ่ล้อมในปี พ.ศ.2514ในครั้งเริ่มแรก พระอาจารย์จำปี วิปุโล(จำรัสแสง) ได้รับมอบหมายจาก พระอาจารย์พูน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ให้เริ่มทำการสะสมว่านนานาชนิด มีทั้งว่านประเภทคงกระพันชาตรี, เมตตามหานิยม, ป้องกันสัตว์ร้ายเขี้ยวงาทุกชนิด แร่ธาตุต่างๆหลายชนิด มีแร่บังขนิฏสีเขียว, สีดำ, สีมันปู, แร่ดอกมะขาม จ.กาญจนบุรี, แร่พลวงเงิน, แร่พลวงทอง, พลอยจันทบุรี สีนิล, ชินปรอทสังฆวานร, โมราท้องรุ้ง, เสาตะลุงช้างเผือก, กระดูกหัวกะโหลกช้างทรง, เพชรน้ำค้าง, ศิลาน้ำค้าง, เหล็กทรหด, เหล็กน้ำพี้,เหล็กยอดเจดีย์, สัมฤทธิ์, ข้าวตอกพระร่วง, ข้าวสุกลอยน้ำ, ข้าวสารดำ, ข้าวรอดเพชรหลีก, ไคลประตูเมือง,ไคลเจดีย์,ไคลเสมา9 แห่ง, ดินโป่ง 9 โป่ง 9 สี, ดินบริสุทธิ์ กลางมหาสมุทร, ดินกรุซุ้มกอทุ่งเศรษฐี เมืองกำแพงเพชร, ดินกรุสุโขทัย, ดินกรุอยุธยา, ดินท่า 9 ท่า, อีกทั้งยังได้เก็บรวบรวมผงพระเครื่องต่างๆทุกยุคทุกสมัยที่ชำรุด มีสมัยเชียงแสน, สุโขทัย, อู่ทอง, ลพบุรี, พิจิตร, พิษณุโลก, กำแพงเพชร, สุพรรณบุรี, อยุธยา,รัตนโกสินทร์, ผงพระ 25 พุทธศตวรรษ ส่วนผงวิเศษ ต่างๆที่เก็บสะสมไว้อีกมากมาย เช่นผงปฐมอักขระ,ผงไตรสรณาคม, ผงพระพุทธคุณ, พระธรรมคุณ, พระสังฆคุณ, ผงพระเจ้า ห้าพระองค์, ผงพระเจ้า 16 พระองค์, ผงตรีนิสิงเห, ผงอิทธิเจ, ผงปถมัง, ผงมหาราช, ผงสังตโลก, ผงมหาอุตม์หลวงพ่อวงศ์, ผงพระเกสรหลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย, ผงพระสมเด็จวัดระฆังที่หลวงปู่นาคมอบให้, ผงเก่าและสีผึ้งเขียว ของหลวงปู่ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง ระยอง, ผงหลวงพ่อเพ่ง วัดละหารใหญ่ ระยอง, ผงพญางิ้วดำ, กาฝาก, กาหลง, กาฝากรักซ้อน, กาฝากมะยม, กาฝากมะรุม, กาฝากมะขาม, กาฝากมะนาว, กาฝากลั่นทม, เถาวัลย์หลง, เครือสาวหลง, ว่านสาวหลง, ไม้รู้นอนเก้าอย่าง, ยอดรัก, ยอดสวาท, กัลปังหา, ทรายเงิน, ทรายทอง, ว่าน 108, เกสรดอกไม้108, น้ำมนต์บ่อขุนไกรอันศักดิ์สิทธิ์ จึงได้นำมาผสมสร้างเป็นองค์พระก่อนที่จะเริ่มกดพิมพ์พระ ได้ทำพิธีบวงสรวงเทพเทวา ครูบาอาจารย์เสร็จแล้วจึงกดพิมพ์เป็นปฐมฤกษ์ โดยพระอาจารย์จำปี วิปุโล เมื่อวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปีระกา ตรงกับวันที่ 22 มีนาคม 2512 เวลา 09.09 น.ในราศีเมษ มหัทธโนแห่งฤกษ์ คือฤกษ์ที่มั่งคั่งสมบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สินเงินทองและเทพเทวารักษาดีเมื่อ พิมพ์พระเสร็จแล้ว ก็ได้ทำพิธีปลุกเสก โดยพระอาจารย์จำปี วิปุโล ได้นิมนต์พระภิกษุภายในวัดมาร่วมสวดบริกรรมพระปริต มีพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณพระ 5 รูปสวดพระธรรมจักร 108 ตลอดคืน รวม 15 คืน เริ่มปลุกเสกเมื่อวันเสาร์แรม 5 ค่ำเดือน 9 อยู่ในพรรษา ตรงกับวันที่ 22 สิงหาคม 2513 จนถึงวันที่ 5 กันยายน 2513 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 10 ปีจอ รวม 15 คืนเป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก เพราะว่าการทำพิธีครั้งนี้ตรงกับวันเสาร์ 5 ทั้งหมด คือตั้งแต่เริ่มพิมพ์ เริ่มปลุกเสก และวันสุดท้ายที่ปลุกเสกเดี่ยว ก็ตรงกับวันเสาร์อีกเช่นกัน ที่น่าอัศจรรย์อีกอย่างก็คือเมื่อทำพิธีปลุกเสกถึงเวลาตีห้าดับเทียนชัย ได้มีฝนตกซู่ลงมาประมาณ 1 นาที แล้วก็หยุดตกซึ่งจะเป็นอย่างนี้ทุกคืนวัตถุมงคลที่จัดสร้างในครั้งนี้ได้ทำ พิธีปลุกเสกใหญ่อีกครั้งหนึ่งโดยนิมนต์พระคณาจารย์ที่มีอาคมขลังขมังเวท 9 รูป นั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสกตลอดคืน ดังมีรายนามดังต่อไปนี้หลวงปู่ทิม(พระครูภาวนาภิรัติ) วัดละหารไร่ จ.ระยอง, หลวงพ่อลัด(พระวิจิตร) วัดหนองกระบอก จ.ระยอง, หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า จ.ระยอง, หลวงพ่อโต่ง วัดบ้านเพ จ.ระยอง, หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ จ.ระยอง, หลวงพ่อหอม วัดชากหมากป่าเรไร จ.ระยอง, หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จ.จันทบุรี, หลวงพ่อสมชาย วัดแม่นางปลื้ม จ.อยุธยา, หลวงพ่อสละ วัดประดู่ทรงธรรม จ.อยุธยามีสิ่งที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมากในการปลุกเสกพระเครื่องครั้งนี้ คือ ขณะที่หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ นั่งบริกรรมภาวนาอยู่นั้น ช่างภาพถ่ายรูปไม่ติด คือแฟลชไม่ขึ้น ถ่ายอยู่หลายครั้งก็ไม่สำเร็จผล ต้องขออนุญาตท่านก่อนจึงได้ถ่ายติด ในระหว่างที่หลวงปู่ทิม นั่งบริกรรมภาวนาอยู่นั้น ถ้าท่านหลับตาลงครั้งใด ไฟฟ้าจะดับทันที เป็นอย่างนี้ถึง ๓ ครั้ง ดังนั้นท่านจึงต้องบริกรรมภาวนาลืมตาตลอดคืน ไม่ได้พักเลย จนกว่าเสร็จพิธีคือสว่าง (ในวันที่ทำพิธีปลุกเสกนั้นได้เริ่มพิธีตั้งแต่ 18.00 น.จนถึง 22.00 น. หลังจากนั้นพระเกจิอาจารย์ทั้งแปดรูปก็ได้กลับวัด เหลือแต่หลวงปู่ทิมที่ยังไม่ได้กลับ หลังจากนั่งพักผ่อนไม่นาน หลวงปู่ทิมจึงได้ก้าวขึ้นไปนั่งบนธรรมมาสน์อีกครั้ง ได้เริ่มนั่งปลุกเสกเดี่ยวต่อไป)


เขียนโดย :ขวัญชัย เจ้าของรายการ October 07, 2015 07:07:15

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/พระชุด-จ.นครปฐม/5748066


เหรียญ 9 ยอด หลวงพ่อพูล อายุ 90 ปี วัดไผ่ล้อม นครปฐม  เหรียญ 9 ยอด หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เนื้อทองแดง ตอกโค๊ต ขนาดสูง 3.2 x 2.3 ซ.ม. จัดสร้างในงานฉลองอายุครบ 90 ปี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2545 ออกแบบแกะพิมพ์สวยงามทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สภาพสวยสมบูรณ์ มาพร้อมบัตรรับรองพระเครื่องเพื่อยืนยันความแท้และไม่มีซ่อม แต่ง เติม เสริมใดๆทั้งสิ้นครับ เหรียญรุ่นนี้มีปลอมบล็อคคอมพิวเตอร์ออกสู่สนามแล้ว ยังไงก็ระมัดระวังกันด้วยนะครับ หลวงพ่อพูล เป็นพระที่มีเคร่งครัดพระธรรมวินัย ด้วยความสมถะท่านจะนิ่ง พูดน้อย จนได้รับสมญา “ของจริงต้องนิ่งใบ้” หลวงพ่อพูลท่านเกิดในสกุล “ปิ่นทอง” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 พ.ย. 2455 ปีชวด (ร.ศ.131) เป็นบุตรคนที่ 6 ในจำนวนพี่น้อง 10 คน บิดาชื่อ “นายจู ปิ่นทอง” มารดาชื่อ “นางสำเนียง ปิ่นทอง” ณ บ้านเลขที่ 75 หมู่ 3 ต.ดอนยายหอม นครปฐม จบการศึกษาประถม 4 ที่โรงเรียนวัเห้วยจระเข้ นครปฐม ปีพ.ศ. 2471 จากนั้นจึงได้ฝึกอ่านเขียนอักษรขอมและแพทย์แผนโบราณจาก “ปู่แย้ม ปิ่นทอง” ผู้นี้มีศักดิ์เป็นปู่แท้ๆ และได้รับการถ่ายทอดวิชา คาถาอาคม จาก “หลวงปู่จ้อย” วัดบางช้างเหนือ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง “หลวงปู่กลั่น” วัดพระประโทนเจดีย์ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม วัยหนุ่มหลวงพ่อพูล นั้น ชอบวิชาการต่อสู้ของลูกผู้ชาย จึงฝึกและศึกษาวิชามวยไทย และที่สำคัญท่านเคยเป็นนักมวยฝีมือดีคนหนึ่ง จนมีอายุครบวัยเกณฑ์ทหาร หลวงพ่อพูล ได้ทำหน้าที่พลเมืองดีของชาติ ด้วยการไปทำการคัดเลือกทหาร สังกัดทหารม้า เป็นทหารรักษาพระองค์ กองบัญชาการ เดิมอยู่ที่สะพานมัฆวาน กรุงเทพฯ ซึ่งตรงกับช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 โดย หลวงพ่อพูลได้รับยศเป็นนายสิบตรี มีเงินเดือนขณะนั้นเดือนละ 2 บาท เรื่องการเป็นทหารรับใช้ชาตินี้นับเป็นความภาคภูมิใจของท่านเป็นอย่างมาก หลังจากปลดจากประจำการแล้ว ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2480 ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น 12 ค่ำ ปีฉลู ณ พัทธสีมาวัดพระงาม อ.เมือง จ.นครปฐม โดยมี พระครูอุตตการบดี (หลวงปู่สุข ปทฺวณฺโณ) เจ้าคณะ อ.เมือง เจ้าอาวาสวัดห้วยจระเข้ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังบวชแล้ว ได้พำนักอยู่ที่วัดพระงาม ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย สอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี เมื่อ พ.ศ.2482 ในระหว่างนี้เองหลวงพ่อพูลท่านได้ให้ความสนใจศึกษาด้านการเจริญสมาธิจิต ฝึกฝนวิปัสสนากรรมฐาน ตามคำสอนควบคู่กับการศึกษาวิชาอาคม ซึ่งได้รับมอบมาจาก ปู่แย้ม ปิ่นทอง และด้วยพื้นฐานความรู้ที่มีอยู่แล้ว จึงทำให้ท่านศึกษาถ่ายทอดมหาพุทธาคมได้อย่างรวดเร็ว และที่วัดพระงามนี้ ทำให้ท่านได้มีโอกาสฝากตัวเป็นศิษย์ของ หลวงพ่อพร้อม วัดพระงาม   ในกระบวนพระเกจิอาจารย์ที่เป็นบูรพาจารย์ของ หลวงพ่อพูล ซึ่งท่านเคารพนับถือมากรูปหนึ่งคือ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ได้รับคำแนะนำสั่งสอนเรื่องการเจริญสมาธิภาวนา การเขียนอักขระเลขยันต์ ปลุกเสกวัตถุมงคล วิชาอาคมต่างๆ หลวงพ่อเงินเมตตาถ่ายทอดอย่างไม่ปิดบัง ซึ่งเมื่อได้รับคำแนะนำจนเป็นที่มั่นใจแล้ว ท่านจึงออกธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรฝึกฝนสมาธิจิต และในปี พ.ศ. 2490 วัดไผ่ล้อมเกิดขาดเจ้าอาวาสปกครองวัด เนื่องจากว่าเจ้าอาวาสแต่ละรูปอยู่ปกครองวัดได้ไม่นานต้องลาสิกขาไป หลวงพ่อพูลย้ายมาจำพรรษาประจำอยู่วัดไผ่ล้อม พร้อมกับได้ทำการก่อสร้าง และพัฒนาวัดเรื่อยมา ท่านพยายามมุมานะในการศึกษาด้านการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน และวิชาต่างๆ ที่สามารถที่จะนำไปช่วยเหลือชาวบ้านผู้เดือดร้อนได้โดยตลอดเวลา


เขียนโดย :สุชาติ1963 เจ้าของรายการ September 23, 2015 06:58:31

อ้างอิงถึงรายการ : /auction/หลวงพ่อทวด-วัดอื่นๆ/5754090


รับประกันตามกฎ


เขียนโดย :jarungrux เจ้าของรายการ September 23, 2015 06:07:09

หน้าที่ :  1